สงสาร!!..กลายเป็นส่งเสริม??


เพิ่มเพื่อน    

ะจ๊าก!!!ไฉน??กลายเป็นอย่างนี้ไปได้

              อุทาหรณ์สังคมไทย ขี้สงสาร มีทัศนคติ โอนแล้วได้บุญ อย่าคิดเยอะ เขาจะเอาไปทำอะไรก็ช่าง เราได้บุญสำเร็จสมบูรณ์แล้ว! ใครทำอะไรไม่ดี สุดท้ายเขาก็ต้องรับกรรมไป

              นาทีนี้ ..ยังคิดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยว่า จะใช้วิธีคิดมุมไหน เหลี่ยมใด มาบริหารจัดการกับความรู้สึกสะเทือนใจ๋สะเทือนใจจากเรื่องราว"โอละแม่" ในคดี "นางปุ๊ก"  ทำร้ายร่างกาย "น้องอิ่มบุญ" วัย 3 ขวบจนได้รับอันตรายสาหัส และทำให้ "น้องอมยิ้ม" วัย 4 ขวบเสียชีวิต

              ความใจร้ายเลือดเย็นผิดมนุษย์เพศแม่ มันน่าจะให้ได้รับกรรมอย่างสาสม หากผลการสืบสวนสอบสวนและพิพากษาคดีความพบว่ากระทำการอันเลวร้ายจริงๆ

              ส่วนข้ออ้างว่าจิตไม่ปกตินั้น ก็ไม่รู้ว่าจะหยิบออกมาเพื่อเป็นการแก้ต่างหวังการลดทอนโทษทัณฑ์หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆและน่าสงสัยคือ คนจิตผิดปกตินี่ เค้ารู้จักช่องทางโกงเงินบริจาคชาวบ้านทีเดียวเป็นสิบ..ยี่สิบล้าน..กระนั้นหรือ???

              ก็ว่ากันไปนะ สำหรับหน้าที่ของพนักงานตำรวจ   ซึ่งมีกระบวนการตามขั้นตอนของตัวบทกฎหมายอยู่แล้ว 

              แต่ที่กำลังเป็นเรื่องเป็นราวต้องคิดหนัก เห็นจะเป็นทุกคนในสังคมไทยนี่สิ เพราะจากกรณีนี้มีเสียงจาก"นักสังคมสงเคราะห์" กระตุกต่อมสงสารของคนไทยให้หยุดคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้วด้วยข้อความว่า

              ..ใจดีโอนไว การบริจาคเงินกับการส่งเสริมการทารุณกรรมที่คุณมีส่วนร่วม...        

              omg!! คุณพระช่วย ...เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร???

              เงินก็ของเรา ความมีน้ำใจที่ดีก็เป็นสิ่งสวยงาม การแบ่งปันเป็นการสอนให้รู้จักเสียสละ  แต่เพราะเรื่องคนไม่ดีคนหนึ่งที่ชื่อ "นางปุ๊ก" คนดีมีน้ำใจกับเงินบริสุทธิ์ที่แบ่งปันไปให้จากความรู้สึกสงสารเห็นใจ กลายเป็น "จำเลย" สมรู้ร่วมคิดส่งเสริมการกระทำทารุณกรรมค้าและทำร้ายมนุษย์

              รับไม่ได้ๆ กล่าวหากันเกินไปไหมจ๊ะ!!

              เอาเป็นว่า ทางใครทางมัน  ถึงแม้จะเข้าใจในเหตุผลของนักสังคมสงเคราะห์ แต่วิธีคิดที่แตกต่าง ล้วนเกิดจากความดีงามที่อยากเห็นมนุษย์ร่วมสังคมมีความสุข ...จริงไหม

              นักสังคมสงเคราะห์ให้แง่คิดที่ดีค่อว่า  ให้เราหยุด “บริจาค” ผ่านบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เราต้องหยุด หยุดโดยมีชีวิตคนอื่นกั้น เพราะเราคงไม่อยากร้องกรี๊ดกับเหตุการณ์แบบนี้อีก เหมือนกับการแนะนำว่า เราไม่ควรให้เงินขอทานตามข้างถนน เพราะเท่ากับส่งเสริมให้มีการนำเด็ก นำความสงสารมาทำธุรกิจค้ามนุษย์ทางอ้อม

              ใครชอบแบบไหนก็เลือกทางนั้นละกัน

              แต่สงสัยนิดนึงค่ะว่า สายด่วน 1300 ที่เป็นศูนย์ช่วยเหลือสังคม ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่นักสังคมสงเคราะห์แนะว่า เจอเรื่องแบบน้องอมยิ้ม น้องอิ่มบุญให้โทรแจ้งเพื่อช่วยกันตรวจสอบและช่วยเหลือ และป้องกันการถูกหลอกโอนเงินบริจาคนั้น ...ทำไมเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เองไม่คิดจะตรวจสอบตรวจทาน เมื่อมันมีเรื่องราวแพร่กระจายในโลกโซเชียล ..เหตุใดต้องรอให้ชาวบ้านแจ้ง

              ถ้าหน่วยงานรัฐ ไม่นิ่งดูดาย  สังคมคนขี้สงสาร คงไม่ใจสลายขนาดนี้ แล้วก่อให้เกิดความสับสนว่า ต่อไปชั้นควรจะใจดีหรือไม่

            ต้องขอบอกว่า ความใจดีของแต่ละคนนั้นมีเหตุผล ที่ไม่ใช่แค่หวังให้คนเป็นแม่มีเงินดูแลรักษาเด็กที่ด้อยโอกาสนะคะ แต่หลายคนทีเดียว เชื่อว่า การช่วยให้แม่คนหนึ่งสามารถทิ้งภาระการทำมาหาเลี้ยงปากท้อง มานั่งดูแลให้กำลังใจลูกที่เจ็บป่วยแบบเต็มเวลา คือ ยาวิเศษที่สุด

            ...ราคาค่างวดแบบนี้รักษา30บาททุกโรคครอบคลุมไม่ถึงหรอกนะ

             

  MRS.มัม


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"