กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

        แม้ วันตำรวจ 17 ตุลาคมปีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะติดภารกิจดูแลการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร แต่ก็ยังมีกิจกรรมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เนื่องในโอกาส วันตำรวจ ประจำปี 2563 โดย บิ๊กใหม่-พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานมอบโล่ให้ข้าราชการตำรวจ ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ทำคุณประโยชน์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 529 ราย แบ่งเป็นพลเมืองดีที่ช่วยเหลือราชการตำรวจได้โล่ประกาศเกียรติคุณ 51 ราย ผู้บริจาคเงินหรือสิ่งของได้โล่ประกาศเกียรติคุณ 10 ราย สถานีตำรวจที่ชนะเลิศการประกวดการฝึกได้ใบประกาศเกียรติคุณ 23 ราย ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนดีเด่นได้ใบประกาศเกียรติคุณ 32 นาย ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่จราจรดีเด่นได้ใบประกาศเกียรติคุณ 102 นาย ข้าราชการตำรวจที่มีผลงานในด้านการป้องกันยาเสพติดดีเด่นได้ใบประกาศเกียรติคุณ 115 ราย ข้าราชการตำรวจที่มีผลงานในด้านปราบปรามยาเสพติดดีเด่นได้ใบประกาศเกียรติคุณ 124 ราย ข้าราชการตำรวจผู้มีจริยธรรมดีเด่นได้ใบประกาศเกียรติคุณ 2 ราย ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายงานป้องกันปราบปรามดีเด่นได้ใบประกาศเกียรติคุณ 50 ราย และศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ดีเด่นได้โล่ประกาศเกียรติคุณ 20 ราย ๐

            ส่วน สารวันตำรวจ ปีแรกของ บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เนื้อหาใจความสำคัญคือการแสดงความเชื่อมั่นของ แม่ทัพใหญ่สีกากี ที่มีต่อลูกน้อง ตอนหนึ่งระบุ "....ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนาย ทุกสายงาน ที่มีความสำคัญต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามภารกิจหน้าที่ของแต่ละงาน ขอให้ทุกนายใช้ความรู้ความสามารถทำงานอย่างเต็มกำลัง รับผิดชอบต่อหน้าที่และทำให้ดีที่สุด ช่วยกันเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนโดยพร้อมเพรียงกัน ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายมีความสุขและช่วยกันทำงานต่อไป..." เรียกว่าได้ใจลูกน้องไประดับหนึ่ง ที่เหลือก็คงอยู่ที่การกระทำของ บิ๊กปั๊ด จากนี้ต่อไปจะทำได้อย่างที่ส่งสารบอกหรือไม่ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ นายพัน ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมาถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2563 หากดำเนินการอย่างเป็นธรรม สนับสนุนคนทำงานให้เติบโตก้าวหน้า รับประกันได้ว่า ลูกน้อง ปรบมือกันสนั่นหวั่นไหวแน่นอน ๐

            มองข้ามช็อตไปถึงการแต่งตั้ง นายพล วาระเดือนเมษายน รอบนี้น่าจะสนุกเพราะตรวจแถวเก้าอี้ว่าง ภายหลังจากมี นายพล สมัครใจเข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่น 21 ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ.2564 น่าจะคึกคัก ทั้ง พล.ต.ท.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต.36 รุ่นเดียวกับ บิ๊กปั๊ด และ พล.ต.ท.ชัยพร พานิชอัตรา จเรตำรวจ (สบ 8) นรต.38 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ก็เข้าร่วมโครงการ ยังไม่รวมถึง พล.ต.ท.ชนินทร์ ชะโยชัยชนะ นายแพทย์ (สบ 8)  รพ.ตร., พล.ต.ต.ฉลองเกียรติ โรจน์ปัญญาคุปต์ รอง ผบช.รร.นรต., พล.ต.ต.นิธิ บัณฑุวงศ์ ผบก.สฝจ. สถาบันฝึกอบรมและวิจัยการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และ พล.ต.ต.วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ ผบก.กองตรวจราชการ 1 ที่มีรายชื่อก่อนหน้านี้ ทำให้มีเก้าอี้ นายพล หลายตำแหน่งให้ ผบ.ปั๊ด ได้ประเดิมทำบัญชีแต่งตั้งระดับ นายพล ครั้งแรก นับตั้งแต่ขึ้นกุมบังเหียนกรมปทุมวัน ก่อนที่จะถึงการแต่งตั้ง นายพล วาระประจำปี 2564 ในช่วงเดือนสิงหา-กันยาปีหน้า ๐

            เซ่นอมเงินเบี้ยเลี้ยงโควิดเป็นชุดแรก 2 นายตำรวจโรงพักทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังมีตำรวจ  สภ.ทุ่งสงร้องตรวจสอบเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 เพราะพบส่อจ่ายผิดปกติ ซึ่ง บิ๊กต่าย-พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8 มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รอง ผบช.ภ.8 ติดตามควบคุมสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งเบื้องต้น พล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง ผู้การนครศรีธรรมราช มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สมพงศ์  ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งสง และ พ.ต.ต.สุนิตย์ ยกชม สารวัตรธุรการ สภ.ทุ่งสง เดินทางมาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช (ศปก.ฯ) ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา และมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุขเกษม นครวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ลงไปรักษาราชการแทน ผกก.สภ.ทุ่งสงอีกหน้าที่หนึ่ง ๐

            ในส่วนของกองทัพคงต้องนิ่งอยู่ในที่ตั้งให้นานที่สุด ภารกิจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานจากการมอบหมายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ในฐานะ ผอ.กอร.ฉ. ให้ทหารดูแลที่ตั้งซึ่งเป็นสถานที่ราชการไปก่อน คือ ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.กอร.ฉ. จึงได้สั่งการให้ บิ๊กต่อ-พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 จัดกำลังสนับสนุน โดยส่งกองร้อยรักษาความสงบฯ จากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) กาญจนบุรี นำโดย พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9 กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน ร.มทบ.11) และกองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11)  ฉะเชิงเทรา เข้ากรุงและเตรียมสแตนด์บายพร้อมเรียก ในกรณีที่กำลังตำรวจไม่เพียงพอและมีการสั่งการจาก ผอ.กอร.ฉ.สามารถใช้กำลังส่วนนี้เข้าไปช่วยได้

เป็นทหารไทยต้องไม่กลัวโควิด-19 ไปฝึกที่ไหนหรือทำงานภาคสนามเมื่อไหร่ก็ไม่หวั่น เพียงแต่การดูแลและปกป้องตนเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงตระหนักในความปลอดภัยของผู้อื่นด้วย บิ๊กบี้-พล.อ.ณรงค์พันธ์ ห่วงใยสุขภาพของกำลังพล โดยเฉพาะช่วงต่อจากนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาว การกำหนดมาตรการป้องกันจำเป็นต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้หน่วยทหารของกองทัพบก ศูนย์บริหารสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทบ. (ศบค.-19 ทบ.) และกรมแพทย์ทหารบก ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติม เน้นหนักการปฏิบัติตนให้ถูกหลักสุขอนามัย หากกำลังพลมีการเจ็บป่วย ให้เคร่งครัดในการแยกผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจออกจากส่วนรวมโดยเร็ว โดยให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจรักษาและการสอบสวนโรค

            สถานการณ์อุทกภัยหลังประเทศไทยเจอมรสุมหลายลูก เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายต้องออกช่วยเหลือประชาชนตามศักยภาพของหน่วยที่มีอยู่ ในส่วนของทัพเรือมีเรือผลักดันน้ำที่พร้อมให้การช่วยเหลือการระบายน้ำ และไปมาแล้วหลายเหตุการณ์ ล่าสุด บิ๊กโต้ง-พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสนาธิการทหารเรือ  ในฐานะเสนาธิการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมภารกิจผลักดันน้ำของกองทัพเรือ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในภาพรวม รวมทั้งรับทราบการปฏิบัติงานของกำลังพล ตามที่จังหวัดเพชรบุรีขอรับการสนับสนุน พร้อมกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์จากกองทัพเรือ ในการผลักดันมวลน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีให้ออกสู่ทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วยิ่งขึ้น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยปัจจุบันกองทัพเรือได้ดำเนินการติดตั้งเรือผลักดันน้ำจำนวน 20 ลำ พร้อมทั้งกำลังพลจำนวน 60 นาย ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 โดยดำเนินการติดตั้ง ณ บริเวณวัดคุ้งตำหนัก ตำบลบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีต้อนรับกำลังกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ชุดที่ 2 กลับถึงประเทศไทยแล้ว 77 นาย (ทหาร 76,  ตร.1) เบื้องต้นไม่พบอาการ โดยอุณหภูมิไม่เกิน 37.3 องศาฯ และไม่มีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ จึงส่งไปสถานกักกันแห่งรัฐที่ จ.ชลบุรีแล้ว แต่จะติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง สำหรับผลัดที่ 2 จำนวน 273  นาย ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่แล้วโดยมีงาน 2 ส่วน คือ 1.ในกองบัญชาการ ที่ต้องทำงานร่วมกับทหารชาติอื่น 2.งานภาคสนาม ที่ต้องสร้างอาคาร สร้างถนน 5 เส้นทาง กว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งทหารทุกนายได้รับการอบรมการป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีจากโควิด แต่หน้างานที่มีความเสี่ยงอย่างงานกิจการพลเรือนต้องชะลอไปก่อน เพราะในเซาท์ซูดานมีการแพร่ระบาดค่อนข้างหนัก.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"