คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อวดขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำชนิดใหม่ 4 ลูกที่สื่อโสมแดงคุยว่าเป็น "อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลก" ระหว่างพิธีสวนสนามในกรุงเปียงยาง นักวิเคราะห์ชี้เป็นการแสดงแสนยานุภาพก่อนหน้าที่โจ ไบเดน จะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำรุ่นใหม่ที่เกาหลีเหนือนำออกแสดงในพิธีสวนสนามเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (Credit : Korean Central News Agency)

    พิธีสวนสนามเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจัดขึ้นภายหลังเกาหลีเหนือปิดฉากการประชุมใหญ่พรรคแรงงานที่จัดทุกรอบ 5 ปี ซึ่งคิม จองอึน กล่าวถึงสหรัฐอเมริกาว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ

    คิมสวมเสื้อหนังสีดำและหมวกขนสัตว์ยืนชมการสวนสนามของทหาร, อาวุธปืนใหญ่และรถถัง รวมถึงจรวด ที่เคลื่อนขบวนผ่านจัตุรัสคิมอิลซุงท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น โดยทหารและประชาชนนับหมื่นๆ คนที่ร่วมพิธีไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย บนท้องฟ้า เครื่องบินหลายลำแปรขบวนเป็นสัญลักษณ์ของพรรค

    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลก ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำ (เอสแอลบีเอ็ม) เข้าสู่จัตุรัสแห่งนี้ลำแล้วลำเล่า แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของกองทัพแห่งการปฏิวัติ

    ปัก วอนกอน จากมหาวิทยาลัยฮันดงโลกในกรุงโซล กล่าวถึงเอสแอลบีเอ็มเหล่านี้ว่าเป็น "อาวุธนิวเคลียร์ขั้นสูงสุดของเกาหลีเหนือ"

    ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเคยแสดงเอสแอลบีเอ็มขนาดเล็กกว่านี้มาแล้ว และเคยเผยแพร่ภาพการทดสอบยิง แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นการยิงจากเรือดำน้ำหรือแท่นปล่อยใต้น้ำ ส่วนเอสแอลบีเอ็มลูกใหม่ 4 ลูกที่นำออกแสดงในขบวนพาเหรดครั้งนี้ก็ไม่ชัดเจนอีกเช่นกันว่าเป็นของจำลองหรือของจริง

    อย่างไรก็ดี หากเอสแอลบีเอ็มนี้ใช้งานได้จริงและติดตั้งในเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่เกาหลีเหนือกำลังวางแผนก่อสร้าง ก็จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมทางยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งทำให้เกาหลีเหนือสามารถโจมตีเป้าหมายแบบไม่ทันตั้งตัวจากสถานที่ที่อยู่ใกล้กับสหรัฐได้ หรือสามารถโจมตีถึงแม้ว่าฐานทัพบนบกจะโดนทำลายแล้ว

    นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า เกาหลีเหนือกำลังใช้การประชุมใหญ่พรรคและการสวนสนามส่งสารแสดงความแข็งแกร่งที่ผ่านการไตร่ตรอง ถึงรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐเพื่อพยายามบีบให้สหรัฐยอมโอนอ่อนตาม

    การสวนสนามครั้งนี้เกาหลีเหนือไม่ได้นำขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) มาแสดงด้วย ต่างจากพิธีสวนสนามเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่คราวนั้นเกาหลีเหนือนำไอซีบีเอ็มรุ่นใหม่ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้รถบรรทุก 11 เพลาขนส่ง ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นมิสไซล์เชื้อเพลิงเหลวที่เคลื่อนย้ายทางบกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก.