กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

      สิ้นเสียงคำแถลงข่าวที่ ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน นำทีมชุดใหญ่ทั้ง บิ๊กนู-พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร., บิ๊กยิ้ม-พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รอง ผบช.ภ.6, พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภ.6 และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. มานั่งโต๊ะชี้แจงผลการสืบสวนข้อเท็จจริงคดียาไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ที่มีพยานให้การพาดพิงไปถึง 2 นายตำรวจใหญ่ ยศ พ.ต.อ.  และ พล.ต.ท. เข้ามาเกี่ยวข้อง จนมีหนังสือลงนามโดย บิ๊กใหม่-พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ส่งถึง บิ๊กหนุ่ม-พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 ถามถึงเหตุใดไม่ดำเนินการส่งรายชื่อตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวน และเรียกผู้ที่ถูกพาดพิงมาสอบสวน จนเรื่องราวโด่งดังใหญ่โต ยืนยันไม่มี "ตำรวจ" ที่ถูกพาดพิงเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดครั้งนี้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่จบอย่างที่คิด เพราะตอนนี้ที่เคย  "โฟกัส" ไปที่ พล.ต.ท. เป้าถูกแปรเปลี่ยนไปที่ "ผบ.ปั๊ด" ในทำนองพยายามฟอกขาวช่วย พล.ต.ท. ทั้งๆ ที่หากฟังกันให้ดี ผบ.ปั๊ด ก็ไม่ได้ปิดตายเรื่องนี้ ย้ำหลายครั้งในการแถลงข่าว  หากใครมีข้อมูล มีเบาะแสว่าใครเกี่ยวข้องให้ส่งมาจะดำเนินการทันที แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกใจใครหลายคน ๐

            น่าจะชัดเจน ตำรวจรถไฟ ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวจะถูกโอนไปสังกัดหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ล่าสุดในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวคนดัง นำคำสัมภาษณ์ของ บิ๊กต่อ-พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ที่ไปตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจ ส.รฟ.หัวหิน กก.3 บก.รฟ. และสถานีตำรวจทางหลวงวังมะนาว จ.เพชรบุรี ตอนหนึ่งถึงกรณีจะมีการยุบตำรวจรถไฟมาลงไว้ โดย บิ๊กต่อ บอก...."ผมมองว่าตำรวจรถไฟน่าจะยังคงต้องมีไว้ เพราะในอนาคตจะต้องมีไว้รองรับกับรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งจากประเทศจีนไปจนถึงประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะต้องมีปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติตามมา เช่น การขนของเถื่อน อาวุธเถื่อน หรือยาเสพติด หากไม่มีตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อยบนขบวนก็จะเกิดช่องว่างให้กลุ่มคนร้ายได้ ถึงแม้ว่าจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของเอกชนเข้ามาดูแลก็ตาม" ฟังแบบนี้แล้ว ตำรวจรถไฟ ที่เคยระส่ำ ที่เคยไม่เป็นอันทำงาน เมื่อ บอส ยืนยันเสียงหนักแน่นเช่นนี้ ก็ชัดเจน ตำรวจรถไฟ ต้องอยู่ในสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อไปแน่ๆ ๐

            เมื่อ บอส ชัดเจน ลูกน้อง ตำรวจรถไฟก็อุ่นใจ เหลือเพียงกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ที่มี พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ กุมบังเหียน ผบช.ทท คนปัจจุบัน ข่าวลือข่าวเล่าอ้างยังไม่เคลียร์ หลังจากช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กรมปทุมวัน มีเสียงแว่วๆ ในทำนองจะยุบ บช.ท่องเที่ยว  เหลือเพียงระดับ กองบังคับการ (บก.) และเข้าไปสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อให้จัดระบบ จัดระเบียบ งานบริการประชาชนไปอยู่หน่วยงานเดียวกัน เท็จจริงอย่างไรก็คงต้องรอติดตามข่าวคราวจากผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเท่าที่รับรู้ รับทราบ หากจะยุบท่องเที่ยวมาเหลือเพียง บก.เข้าสังกัด สตม. ก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ น่าจะกินเวลาไปถึงช่วงครึ่งปีหลัง หรือปลายปีไปเลย แต่ที่น่าจะมาไวและน่าจะมาเร็วคงเป็น กองบังคับการฝึกอบรม ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่เริ่มเดินหน้าอย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋ามาพักใหญ่แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนทางธุรการทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยเป็นรูปธรรม ๐

            ชาวสุพรรณบุรีฝากชื่นชมกิจกรรมดีๆ Police School  Care ของตำรวจโรงพักสองพี่น้อง นำโดย พ.ต.อ.เกียรติชัย  เกิดโชค ผกก.สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี, พ.ต.ท.ก้องเกียรติ ตั้งกิติกุล รอง ผกก.ป., ร.ต.อ.ประยูร สง่ากูล รอง สวป. และ ร.ต.อ.ชุมพล โพธิ์ลาดพร้าว รอง สว.จร. ร่วมกับนายสุรชัย สุขสถาวรพันธ์ ประธาน กต.ตร.สภ.สองพี่น้อง  พร้อมคณะ กต.ตร.สภ.สองพี่น้อง จัดโครงการ Police  School Care ตำรวจสองพี่น้องใจดี พานักเรียนข้ามถนนเข้าโรงเรียน เป็นการลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบล ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ทางข้ามบริเวณหน้าโรงเรียน พื้นที่ชุมชน ช่วงเวลาเร่งด่วนในช่วงเช้าและช่วงเย็น  เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักเรียนและผู้ปกครองที่มารับส่งที่บริเวณหน้าโรงเรียนในพื้นที่ทั้งหมด ประกอบด้วยโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองสองพี่น้อง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 และโรงเรียนเอกชน

            สถานการณ์ของชายแดนด้านตะวันตก ที่เจ้าหน้าที่ยังต้องตรึงกำลังป้องกันไม่ให้มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าในระยะเวลาอันใกล้น่าจะเพิ่มดีกรีการเฝ้าระวังไปอีกขั้น เนื่องด้วยสถานการณ์การเมืองและการชุมนุมของประเทศเพื่อนบ้านของเราน่าจะรุนแรงมากขึ้น และอาจส่งผลให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามหลบหนีข้ามชายแดนเข้ามา ซึ่งมีรายงานว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้กองทัพบกเตรียมการรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประเทศที่มีชายแดนติดกับเมียนมาอีกด้านก็ได้สั่งการให้เฝ้าระวังเช่นกัน สำหรับประเทศไทยแนวทางให้การช่วยเหลือจะเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมเท่านั้น แต่จะไม่มีการสร้างแหล่งพักพิงแต่อย่างใด โดยวันจันทร์ที่ 8 มี.ค.นี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยและพื้นที่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ๐

ได้ฤกษ์วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมทหารราบที่ 112  หรือ กรมสไตรเกอร์ ที่ริเริ่มก่อตั้งในยุค พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก ย้ายบ้านใหม่ถาวรไปยังพื้นที่ค่ายพนัสบดีศรีอุทัย กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี โดยซุ้มประตูทางเข้าอยู่บริเวณถนนเกาะโพธิ์-เกาะจันทร์ เยื้องโรงพยาบาลเกาะจันทร์ ซุ้มด้านในระบุข้อความว่า Home of Strykers และด้านหลังระบุว่า One Team One Fight Strykers โดย เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.อ.เอกอนันต์ เหมะบุตร  ผบ.ร.112 พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา นายทหาร นายสิบ  ร.112 และ นขต.ร.112 ได้กระทำพิธีอำลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า อ.เมืองฉะเชิงเทรา และทำการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปประจำหน่วย ธงชัยเฉลิมพล กำลังพลและยุทโธปกรณ์ในที่ตั้งเดิม ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า ๐

            เอ่ยถึงกรมทหารราบที่ 112 ไม่กล่าวถึงข่าวฮือฮาในโลกออนไลน์กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 112 (ร.112  พัน.2) เมื่อสัปดาห์ก่อนคงไม่ได้ เนื่องจากมีการแชร์ภาพและข้อความจากเพจทางการของหน่วยนำเสนอกิจกรรมอบรมคุณธรรม โดยเน้นย้ำเรื่องการนอกใจภรรยาของตนเอง และการผิดศีลข้อ 3 รวมถึงได้ประชาสัมพันธ์ให้กำลังพลแจ้งแม่บ้านให้ทราบ หากมีปัญหาสามีที่เป็นกำลังพลนอกใจ โดยให้ติดต่อมาที่ พ.ท.อัมพล ศรีนา ผบ.ร.112 พัน.2 โดยตรง  นอกจากนั้นยังให้กำลังพลได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ฟังธรรมจากพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) เรื่องหนีนรก ศีล 5 กรรมบถ 10 ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม เป็นเวลา 30 นาที นอกจากนั้นยังมีการโพสต์รูปนายทหารกำลังนั่งสมาธิ พร้อมกับทวีตข้อความ Happy wife Happy life...ทหารบกรักเดียวใจเดียว และเมื่อมีการแชร์ไปยังเพจของกลุ่มการเมือง ปรากฏว่ามีคอมเมนต์ถล่มทลายและกลายเป็นประเด็น ทำให้แอดมินต้องลบโพสต์ดังกล่าวโดยพลัน และในปัจจุบันก็ไม่สามารถเสิร์ชหาเพจดังกล่าวได้แล้ว ๐

            อยู่ดีๆ คงไม่มีใครคิดจัดกิจกรรมขึ้น ถ้าไม่มีเรื่องผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Pimmy Pimmy" ร้องเรียนขอความเป็นธรรมว่า สามีที่เป็นทหารไปแต่งงานกับบุคคลอื่น และระบุว่าไม่เคยได้รับเงินค่าเลี้ยงดูบุตร จน เจ๊นิ่ม-พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง  รองโฆษกกองทัพบก ต้องออกมาชี้แจงว่าผู้ร้องเรียนเป็นภรรยาของนายทหารชั้นประทวน สังกัดกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเจ้าตัวได้เคยเข้าร้องเรียนกับหน่วยต้นสังกัดของสามี และทางหน่วยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินการตามข้อเรียกร้องของผู้ร้องเรียน กรณีนี้กำลังพลไม่ได้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของการ เป็นข้าราชการที่ดี จึงต้องถูกดำเนินการทางวินัยโดยได้ลงโทษทางวินัยจำขัง 2 ครั้ง และพิจารณางดบำเหน็จ นอกจากนี้หน่วยได้ดำเนินการช่วยเหลือตามข้อเรียกร้องของภรรยา โดยการหักเงินเดือนเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูบุตร ควบคู่ไปกับการไกล่เกลี่ยในด้านความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล ทางผู้ร้องเรียนขอแยกทางตามกฎหมาย ๐

  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"