
“อัษฎางค์” ชี้ข้อเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 คือการเปิดประตูให้ล้มล้างการปกครอง สุดท้ายต้องถูกต่างชาติแทรกแซงไทยกลายเป็นอัฟกานิสถาน
04 พ.ย.2564 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กในรูปบนความหัวข้อ “การเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 คือประตูบานแรกสู่การล้มล้างการปกครอง” ระบุว่า ระบบการปกครองใดๆ ในโลกล้วนมีความเหมาะสมกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมของชนชาตินั้นๆ แม้แต่ประชาธิปไตย ก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันไป และมีความเหมาะกับแต่ละประเทศต่างกันไปประชาธิปไตยครึ่งใบอย่างสิงคโปร์ก็เหมาะกับสิงคโปร์ และทำให้สิงคโปร์เจริญก้าวหน้าอย่างมากประชาธิปไตยอย่างไทย คือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นศูนย์รวมจิตใจ ก็เหมาะกับคนไทยและเมืองไทย
วิถีชีวิตของคนไทยและการเมืองของไทย เป็นไปในลักษณะของการอุปถัมภ์ค้ำชู ตามลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของไทยที่ถูกฝังรากลึกมายาวนาน ตลอดความเป็นชาติ ลองสังเกตดูดีๆ พวกเราชาวบ้านต่างออกมาต่อต้านนักการเมืองและข้าราชการที่ทำราชการด้วยระบบอุปถัมภ์ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง แต่ในขณะเดียวกัน พวกเราชาวบ้านเองก็พึ่งพาระบบอุปถัมภ์เพื่อกิจกรรมหรือกิจการของตนเองและพวกพ้อง
ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาเราเห็นคนอื่นฝากลูกเข้าเรียน ฝากหลานเข้าทำงาน ฝากเพื่อนแซงคิว ฝากญาติแทรกไปฉีดวัคซีน เราไม่พอใจ วิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิติเตียน
แต่สุดท้ายเราก็เป็นอีกคนที่เคยทำเรื่องเหล่านั้น ทั้งที่ไม่ได้มีความตั้งใจจะเกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์ แต่มีญาติหรือมีเพื่อนจัดการให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์อยู่ดี
หรือตัวอย่างเช่น เวลาถูกตำรวจจับเมื่อทำผิดกฎจราจร เราก็พร้อมจะยัดเงินใส่มือตำรวจ ทั้งที่เรารู้ว่าไม่ถูกต้องและบอกกับตัวเองว่าไม่เห็นด้วยกับระบบอุปถัมภ์และคอรัปชั่น แต่เมื่อถึงคราวเราเองก็ทำเรื่องแบบนั้น ซึ่งมันแปลว่า ปากและใจของเราไม่ยอมรับระบบอุปถัมภ์ แต่เราเคยเกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ระบบอุปถัมภ์ค้ำชูนี้ฝั่งรากลึกอยู่ในสังคมไทยจนยากจะรื้อถอนออกไป และระบบอุปถัมภ์ค้ำชูนี่เองที่กัดกินความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และเป็นปัญหาระดับชาติ เป็นปัญหาที่เกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่ในการปกครองและบริหารราชการแผ่นดินของนักการเมืองและข้าราชการไปในทางมิชอบ ที่เอื้อประโยชน์และกอบโกยผลประโยชน์เข้าสู่ตนเองและพวกพ้อง แต่นักการเมืองชั่วกลับโยนความบาปนั้นให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ และกล่าวหาใส่ร้ายว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้นมีปัญหา ทั้งที่นักการเมืองคือผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปกครองและบริหารราชการแผ่นดินในขณะที่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่มีอำนาจหน้าที่ในการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน
แต่….สถาบันพระมหากษัตริย์คือคนกลางระหว่างประชาชนและนักการเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์คือทางออกของนักการเมืองและประชาชน สถาบันพระมหากษัตริย์นี่เอง ที่ช่วยนักการเมืองทำราชการ และช่วยนักการเมืองพัฒนาชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์นี่เองที่ช่วยประชาชนให้เข้าถึงการได้รับบริการและความช่วยเหลือจากรัฐอย่างทันท่วงทีและทั่วถึง สถาบันพระมหากษัตริย์นี่เอง ที่ช่วยให้ประชาชนตาดำๆ ตั้งแต่ชนชั้นสูงยันรากหญ้า ที่ถูกระบบอุปถัมภ์กีดกัน ได้เข้าถึงความช่วยเหลือหรือเข้าถึงระบบราชการ ปัญหาการแก่งแย่งอำนาจทายการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบันหนักหนายิ่งขึ้น เมื่อนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ชักนำประเทศมหาอำนาจที่แสวงหาและต้องการขยายอำนาจทางการเมือง การทหารและเศรษฐกิจ ให้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน
ถ้านักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชักจูงเครือข่ายของชาติมหาอำนาจ ได้เข้ามาจัดการกิจการภายในได้สำเร็จเมื่อไหร่ เราจะมีจุดจบเหมือนหลายๆชาติ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเวลานี้คือ อัฟกานิสถานและอีกหลายชาติในตะวันออกกลาง
การเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ซึ่งเป็นกฎหมายความมั่นคง ที่ใช้คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐ เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นเสาหลักของชาติ คือความพยายามทำลายประตูบานแรก
เพื่อจะรุกคืบทำลายประตูบานต่อๆ ไป จนในที่สุดจะไม่เหลือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ต่อไป
จุดประสงค์ที่แอบแฝงเป็นเบื้องหลังการเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ก็คือความพยายามอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยมีจุดประสงค์สูงสุดอยู่ที่ การยกเลิกการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้นเอง
แต่ละประเทศ แต่ละชนชาติมีพฤติกรรมและลักษณะนิสัยต่างกัน และมีความเหมาะกับการปกครองในแบบของตน ซึ่งชาติมหาอำนาจตะวันตกไม่เคยเข้าใจได้ลึกซึ้งเท่าคนในชาติของเราเอง
หยุดความพยายามในการจัดระเบียบโลกของชาติมหาอำนาจ ด้วยการหยุดสนับสนุนนักการเมืองที่อาศัยระบบอุปถัมภ์สร้างผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง แล้วโยนความผิดให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ความมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คือความมุ่งร้ายต่อชาติและประชาชนนั้นเอง
หากมีความหวังดีต่อชาติจริง และมีความรู้จริง จะรู้ว่าเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องแรกที่ต้องทำ คือปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้ประชาชนได้รับการศึกษาที่ถูกต้องและเหมาะสม จะได้นำความรู้นั้นมาจัดการกับระบบอุปถัมภ์และนักการเมืองที่กอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง มิใช่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีแต่ให้ มากกว่ารับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง
‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม
ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
'เอ็ดดี้' วิเคราะห์ละเอียดยิบ ทางเลือกของคนไทยรักชาติ กาพรรคใดเข้ามาบริหารประเทศ
การเมืองรอบนี้ไม่มี พระเอกขี่ม้าขาว ที่สมบูรณ์แบบ 100% เราต้องถามตัวเองว่า เราให้ราคากับอะไรมากที่สุด? เลือกแบบไหน ได้ประเทศแบบนั้น
กูรูใหญ่โชว์กึ๋น ’อุทธรณ์คดี112’ ข่มเหงรังแก ‘ทักษิณ’ เพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่!
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่าเล่นงานทักษิณกัน จนกระแสนิยมพลิกกลับไปสู่พรรคเพื่อไทยแล้ว จะได้ผลตรงกันข้าม ทำให้ทักษิณกลายเป็นวีรบุรุ
คดี112 ประธานผู้ลี้ภัย โวยกฎหมายโบราณกลั่นแกล้งทักษิณ
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ปัจจุบันลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์เ
'ทักษิณ' แย่แน่! 'อสส.' คนใหม่ สวนมติเดิม สั่งอุทธรณ์คดี 112
'ทักษิณ' ลำบากแล้ว! 'อัยการสูงสุด' มีความเห็นยื่นอุทธรณ์คดีหมิ่นเบื้องสูง สวนมติ คกก.คดี 112เผยคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจ อสส.


