ตร.บุรีรัมย์จับสาวแสบหลอกลุง 63 โอนเงินกว่า 10.3 ล้านบาท

บุรีรัมย์ ‘ผู้​การตำรวจ’​ แถลงรวบสาวแสบวัย 27 ปี หลอกลุงวัย 63 ปี โอนเงินกว่า 10.3 ล้าน

7 พ.ย.2564- พล.ต.ต.รุทธพล  เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.นิรันดร์ แก้วอิน รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ , พ.ต.อ.สาธิต สถิตถาวร ผกก.สืบสวน ภ.จว.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.เจตน์สฤษฏิ์ แพ่งศรีสาร ผกก.สภ.ประโคนชัย ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.ชนกนันท์ หรือนัดดา ตุ้มเขียว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 หมู่ที่ 16 ต.โตนด อ. อคีรีมาศ จ.สุโขทัย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 252/2564 ลงวันที่ 6 พ.ย.64  ในข้อหา “ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคลใดบุคคล หนึ่งและร่วมกันฉ้อโกง”  เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 14 ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ต่อเนื่องกับที่บริเวณ  สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขาประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ระหว่างต้นเดือน มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 10.30 น. ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 พ.ย.64 เวลาประมาณ 14.00 น. นายนรศักดิ์ ศรีพิรุณทิพย์ อายุ 63 ปี อยู่บ้าน​เลขที่ 103 ม.14 ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่า เมื่อประมาณต้นเดือน มิ.ย.64 ตนได้รู้จักกับผู้หญิงซึ่งอ้างตนว่าชื่อ น.ส.นัดดา พวงเพชร (ทราบจากพนักงานสอบสวนภายหลังว่าผู้หญิงคนดังกล่าวชื่อ น.ส.ชนกนันท์ ตุ้มเขียว อายุ 27 ปี อยู่ที่ 203 ม.16 ต.โตนด อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย) ผ่านแอบพลิเคชันเฟซบุ๊ก  ซึ่งในระหว่างที่ติดต่อพูดคุยกันตนได้โอนเงินตามที่ น.ส.นัดดา ร้องขอ โดยอ้างว่า มารดาเดือดร้อนต้องการใช้เงิน ผ่านเข้าบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางเฉลา พ่วงเงิน จำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 210,700 บาท ต่อมาเมื่อนายนรศักดิ์ กับ น.ส.นัดดาได้หมั้นหมายกัน นายนรศักดิ์ จึงยกเงินจำนวนดังกล่าวให้ โดยให้ถือว่าเป็นค่าสินสอดทองหมั้น หลังจากนั้นนายนรศักดิ์กับ น.ส.นัดดา ได้ติดต่อพูดคุยกันผ่านเฟสบุ๊คเรื่อยมา

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 ส.ค.64 นายนรศักดิ์ ได้ตรวจพบว่าระหว่างวันที่ 19-30 มิ.ย.64 ยอดเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทยของตน จำนวน 2,641,000 บาท ได้ถูกโอนผ่านแอบพลิเคชัน K PLUS ไปยังธนาคารออมสิน หมายเลขบัญชี 020365466349 ชื่อบัญชี นายเกียรติศักดิ์ อยู่เส็ง จำนวน 7 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,736,000 บาท และโอนไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลขบัญชี 0158186357 ชื่อบัญชี น.ส.ปรียดา พันธุ์หนองหว้า จำนวน 3 ครั้ง เป็นจำนวน 905,000 บาท   นายนรศักดิ์ จึงจะไปแจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนหาตัวคนร้าย แต่ระหว่างนั้น น.ส.นัดดา ได้ติดต่อและยอมรับว่า ตนเป็นคนโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อที่ดินกับต้นไม้เอง พร้อมขอร้องไม่ให้นายนรศักดิ์ไปแจ้งความ โดยอ้างว่า ในเมื่อจะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วทำไมจะต้องไปแจ้งความ ส่วนเงินที่เอาไป นั้น เมื่อขายที่ดินได้แล้วจะคืนให้ และต่อมา น.ส.นัดดาได้ออกกลอุบายว่า ตนอยากเปิดโรงงานและจดทะเบียนการค้าเพื่อทำธุรกิจ จึงขอให้นายนรศักดิ์ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอีก

แต่นายนรศักดิ์ ซึ่งไม่มีเงินสดแล้วจึงยื่นข้อเสนอให้ น.ส.นัดดาดำเนินการนำที่ดินของตน เนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน 50 ตารางวา ไปประกาศขายในราคาไม่ต่ำกว่าไร่ล่ะ 1,700,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องขายได้นายนรศักดิ์จึงจะแบ่งเงินช่วยค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 เวลาประมาณ 10.30 น. หลังจาก น.ส.นัดดา อ้างว่า สามารถขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้แล้วในราคา 16,700,000 บาท นายนรศักดิ์ จึงเดินทางไปทำสัญญาโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 4436 ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ให้กับนายพุทธิชัย ลักษมีเศรษฐ ซึ่งเป็นผู้ซื้อ ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขาประโคนชัย ซึ่งต่อมาเมื่อ น.ส.นัดดา ได้บอกกับนายนรศักดิ์ ว่า ผู้ซื้อที่ดินได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ให้กับนายนรศักดิ์ ครบตามจำนวนแล้ว นายนรศักดิ์ จึงหลงเชื่อและยินยอมลงชื่อในสัญญาโอนขายที่ดินดังกล่าว 

เมื่อนายนรศักดิ์ ได้ทราบภายหลัง จากการให้การของนายพุทธิชัย ผู้ซื้อว่า น.ส.นัดดากับพวกได้เสนอขายที่ดินให้ตนในราคาเพียง 7,500,000 บาท (ซึ่งตรงกันกับสัญญาซื้อขายที่ดินที่ได้ทำไว้ที่สำนักงานที่ดิน) และในขณะที่ทำสัญญาโอนขายที่ดิน นายพุทธิชัยก็ยืนยันว่าได้มอบเงินสดจำนวนดังกล่าวให้ น.ส.นัดดา กับพวก ไปแล้ว โดยไม่ได้โอนเข้าบัญชีธนาคารของนายนรศักดิ์ แต่อย่างใด  ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นนายนรศักดิ์ จึงเชื่อว่าตนถูก น.ส.นัดดา กับพวก หลอกลวงตั้งแต่ต้นจนได้รับความเสียหาย คิดมูลค่าความเสียหาย เป็นเงินสดจำนวน 10,379,700 บาท จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ น.ส.นัดดา พวงเพชร หรือ น.ส.ชนกนันท์ ตุ้มเขียว กับพวก ตามกฎหมายต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กำชับตำรวจก้าวข้าม 'ต่อ-โจ๊ก' ลั่นไม่ขอยุ่งแล้ว ให้เป็นหน้าที่คกก.ตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม

คณะสอบ 2 นายพล เตรียมเรียก 'โจ๊ก-ต่อ' เข้าให้ข้อมูล ยันไม่มีเกี้ยเซียะ

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฏหมาย กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ตามคำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดัง