สธ.แจงแนวทางฉีดวัคซีนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ จัดจุดฉีดจังหวัดละ 1 แห่ง ไม่ฟรี คิดค่าบริการ

24 ม.ค. 2566- นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมชี้แนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เข้าร่วม

นพ.โอภาสกล่าวว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลาย ประเทศต่างๆ ได้ทยอยเปิดประเทศ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงานในการกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ซึ่งหนึ่งในแผนเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ คือ ให้จัดระบบและกำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามความสมัครใจ โดยคิดค่าบริการที่เหมาะสม ภายใต้กลไก Medical hub โดยวัคซีนที่ให้บริการจะเป็นวัคซีนที่รัฐบาลไทยจัดซื้อมาเท่านั้น ไม่รวมถึงวัคซีนได้รับบริจาค และให้ทุกจังหวัดคำนึงถึงปริมาณวัคซีนคงคลังที่จะไม่กระทบกับการให้บริการประชาชนไทย และจัดสรรวัคซีนให้แก่ประชาชนไทยเป็นลำดับแรก

นพ โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับชาวต่างชาติที่มาพำนักระยะยาวในไทย อาทิ ทำธุรกิจ ทำงาน คณะทูตและสมาชิกครอบครัว ยังคงรับวัคซีนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามนโยบายเดิมของรัฐบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิดกับประชาชนทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ยึดตามหลักสากล โดยเป็นไปตามความสมัครใจและตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ดังนั้น ชาวต่างชาติที่นอกเหนือจากนักท่องเที่ยว ยังคงสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับคนไทยทุกประการ ในวันนี้จึงได้จัดประชุมชี้แจงให้หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าร่วมโครงการทุกจังหวัดมีความเข้าใจตรงกัน พร้อมนำเสนอตัวอย่างการดำเนินงานให้บริการวัคซีนโควิด 19 นำร่องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะแรก ของโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และศูนย์ฉีดวัคซีนบางรัก ทั้งนี้ ได้มีข้อสั่งการขอให้ทุกจังหวัดเปิดจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวไม่ได้กระจุกอยู่แต่ในจังหวัดใหญ่ๆ โดยย้ำว่าต้องไม่ให้กระทบกับการบริการฉีดวัคซีนให้คนไทย

ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในการบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระยะนำร่อง เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2566 โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทั้งกรมการแพทย์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเมืองท่องเที่ยว สำหรับกรมควบคุมโรค ได้เตรียมพื้นที่ใน กทม. ไว้ 2 จุด คือ 1.ศูนย์การแพทย์บางรัก โดยเปิดให้บริการทุกวัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และ 2.สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เขตบางเขน นอกจากนี้ ยังให้เพิ่มจุดบริการในคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลา รวมทั้งยังมีหลายหน่วยงาน เช่น กรุงเทพมหานคร โรงเรียนแพทย์ ทยอยแจ้งความจำนงขอเป็นจุดบริการฉีดแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย

สำหรับอัตราค่าบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แบ่งเป็น ค่าบริการวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 800 บาทต่อเข็ม และไฟเซอร์ 1,000 บาทต่อเข็ม โดยมีค่าบริการทางการแพทย์อีก 380 บาท ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ขณะนี้เริ่มให้บริการแล้วในเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต

“ยืนยันว่าเรามีวัคซีนเพียงพอ ไม่กระทบการบริการฉีดในคนไทย โดยรายได้จากค่าบริการให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานต้นสังกัดและกระทรวงการคลัง สำหรับการเปิดจุดบริการฉีดของภาคเอกชนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ให้เริ่มดำเนินการ เนื่องจากต้องมีการวางแผนเรื่องแนวทางปฏิบัติและการกำกับติดตามที่แตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งหากมีแนวทางชัดเจนแล้วจะนัดประชุมชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะถัดไป” นพ.ธเรศกล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวว่า กรมการแพทย์ได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดร่วมเป็นจุดฉีดวัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระยะนำร่อง รวม 5 แห่ง ได้แก่ สถาบันโรคผิวหนัง รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนราชธานี และรพ.ประสาทเชียงใหม่ โดยมีสถาบันโรคผิวหนัง และ รพ.ราชวิถี เป็นจุดฉีดหลัก เนื่องจากใกล้แหล่งพักอาศัยของนักท่องเที่ยว เดินทางสะดวก และทั้ง 2 แห่งมีบริการฉีดวัคซีนในชาวต่างชาติมานาน เจ้าหน้าที่สามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ดี ขณะนี้ได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน และเปิดให้กลุ่มเป้าหมายลงทะเบียนล่วงหน้าได้ รวมทั้งได้มีข้อสั่งการให้โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ทั่วประเทศ อีก 30 แห่ง เป็นจุดบริการฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นการให้บริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในประชาชนไทย เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปลัดสธ. ลงพื้นที่ติดตามการให้ความช่วยเหลือ เหตุแอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานน้ำแข็งชลบุรี

ที่จังหวัดชลบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ ผู้ต

'อนุทิน' จ่อถอดเทป 'เศรษฐา' จ้อสื่อนอก ลั่น 'กัญชาเสรี' อยู่ในนโยบายรัฐบาล

'อนุทิน' ยัน 'กัญชา' มีประโยชน์ทางการแพทย์-เศรษฐกิจ บรรจุในนโยบายรัฐบาลแล้ว หลังนายกฯ ระบุจะนำกลับบัญชียาเสพติด ชี้หากเปลี่ยนแปลงต้องแก้กฎหมายหลายตัว เยียวยาผู้ทำถูกต้อง

โอ่ 'ไทย-ซาอุฯ' เตรียมลงนามเอ็มโอยูด้านสาธารณสุขฉบับแรก!

โฆษกรัฐบาลเผย ไทย-ซาอุดีฯ เตรียมลงนาม MOU ด้านสาธารณสุขฉบับแรก ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และความมั่นคงทางสุขภาพให้ประชาชนทั้งสองประเทศ

ภาคประชาชน เสนอ 11 ประเด็น ปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.กัญชา

ตามที่กรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้เชิญภาครัฐ เอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 นั้น นายประสิทธิ์ชัย

อาจารย์หมอจุฬาฯ ห่วง ‘ฝีดาษลิง’ มากขึ้นจะควบคุมยาก แนะใส่ใจสุขภาพ

ย่างก้าวของฝีดาษลิงนั้นมีแนวโน้มจะเดินตามรอยเอชไอวี/เอดส์ เพราะ mode of transmission หลักนั้นคือการมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ อย่างไรก็ตามจะควบคุมโรคได้ยากกว่า