แผนพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ครอบคลุมเส้นทางฝั่งอันดามัน-อ่าวไทยคืบหน้า

นายกฯ ยินดีแผนพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือฝั่งอันดามันและอ่าวไทยคืบหน้า คาดเปิดใช้งานได้ภายในปี 2571 สนับสนุนการท่องเที่ยวเรือสำราญ กระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ

7ก.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) 3 โครงการ เพื่อยกระดับมาตรฐานท่าเรือสำราญไทยสู่สากล ส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในปัจจุบัน สอดคล้องตามแนวนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของประเทศ ให้มีความเชื่อมโยง สะดวก ปลอดภัย ตอบสนองต่อความต้องการใช้งาน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เดินหน้าโครงการเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ จำนวน 3 โครงการ ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือผ่านประเทศไทย ทั้งในเส้นทางเดินเรือฝั่งอันดามัน และเส้นทางฝั่งอ่าวไทย โดยมีความคืบหน้าโครงการ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 ดังนี้

1) โครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีความก้าวหน้าของผลการศึกษาแล้ว 80%
2) โครงการศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ และสำรวจออกแบบท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน ทำการศึกษาแนวทางปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต โดยมีความก้าวหน้าแล้ว 50%
3) โครงการศึกษาสำรวจออกแบบ ท่าเรือต้นทาง (Home Port) สำหรับเรือสำราญขนาดใหญ่ บริเวณอ่าวไทยตอนบน มีความก้าวหน้าแล้ว 60% และได้ข้อสรุปที่เหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

โดยกรมเจ้าท่า ประเมินว่า ทั้ง 3 โครงการจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการท่าเรือได้ภายในปี 2571 ซึ่งจะส่งผลให้มีจำนวนเรือสำราญแวะเข้าเทียบท่ามากขึ้น และสามารถจอดท่องเที่ยวในไทยนานขึ้น สร้างเม็ดเงินและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากเดิมไม่น้อยกว่า 7 - 8 เท่า

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์เส้นทางการท่องเที่ยวทางทะเลระหว่างประเทศที่สำคัญ และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญ โดยจากข้อมูลปี 2561 ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนเรือสำราญเข้ามาแวะพักจอดมากเป็นอันดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชีย จำนวน 581 เที่ยวต่อปี อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 14% โดยมีท่าเทียบเรือหลักที่รองรับ ได้แก่ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือเกาะสมุย และท่าเรือภูเก็ต นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประเมินว่า ในปี 2566 ไทยจะมีจำนวนเรือสำราญเข้าสู่ประเทศ ไม่น้อยกว่า 156 ลำ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรียินดีกับความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ของไทยอย่างเต็มรูปแบบ ยกระดับการท่องเที่ยวทางน้ำให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพด้านภูมิศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดของไทย ประกอบโครงข่ายคมนาคมในประเทศที่นายรัฐมนตรีได้พัฒนาไว้อย่างครอบคลุมต่อเนื่อง จะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ผ่านด่านทางน้ำ กระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวเรือสำราญมากขึ้น” นายอนุชา กล่าว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมอุตุฯเตือน ทั่วไทยอากาศยังร้อนถึงร้อนจัด ขอให้ปชช.ดูแลรักษาสุขภาพ

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

เครือข่ายอนุรักษ์ฯ ยื่น ปปช.ภูเก็ต เอาผิด 2 ข้าราชการปล่อยบุกรุกสวนป่าบางขนุน

นายจำรูญ เกิดดำ เครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามันและเครือข่าย ป.ป.ช. และ สมาชิกเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน เข้ายื่นหนังสือต่อ ผู้อำนวยการ สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

กรมอุตุฯ เตือนฉบับ 3 มรสุมจะมีกำลังแรงขึ้น อ่าวไทย-อันดามันระวังอันตรายคลื่นลมแรง

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามัน ฉบับที่ 3 (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 24 - 27 มกราคม 2567)

เจอฝนก่อนรับลมหนาว กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นระลอกใหม่ อุณหภูมิลดฮวบ 4-6 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้าระหว่างวันที่ 22 – 28 มกราคม พ.ศ. 2567 ในช่วงวันที่ 22 - 25 ม.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน

กรมอุตุ เตือนฉบับที่ 1 อ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามัน ระวังอันตรายคลื่นลมแรง

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามัน ฉบับที่ 1 (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 24 - 27 มกราคม 2567)