วธ.ส่งคณะผู้แทนไทยร่วม ‘ASEAN in One Cultural Garden’ จัดแสดงโขน-โนรา มรดกวัฒนธรรมชาติไทยที่กัมพูชา
25 พ.ย.2567 – นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายนำมิติทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมมาส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนและเวทีนานาชาติ ดังนั้น วธ.จะส่งคณะผู้แทนประเทศไทย 2 ราย ได้แก่ นายเอกลักษณ์ หนูเงิน อาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ สาขานาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และนายญาณวุฒิ ไตรสุวรรณ อาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ สาขานาฏศิลป์ไทย โขนยักษ์ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เข้าร่วมโครงการ “ASEAN in One Cultural Garden” ระหว่างวันที่ 25 – 29 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา
ทั้งนี้ โครงการ “ASEAN in One Cultural Garden” จะดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยภูมินทร์วิจิตรศิลปะ ราชอาณาจักรกัมพูชา ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Cultural Fund: ACF) มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมอัตลักษณ์และสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้และการให้ความสำคัญด้านมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะด้านศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิม โครงการฯ ประกอบด้วยกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิดและประสบการณ์ในการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ การแสดงนาฎศิลป์รายประเทศและการแสดงร่วมโดยประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ
ช่วงระหว่างการดำเนินโครงการดังกล่าว คณะผู้แทนจากประเทศไทยจะได้เข้าร่วม 3 กิจกรรม ประกอบด้วย 1.การนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องการอนุรักษ์และการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของไทย (The Preservation and promotion of the Intangible Cultural Heritage) การจัดการแสดงรายประเทศ ชุด “โขน-โนรา มรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติไทย” และการแสดงร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศในการแสดงชุด “ASEAN in One Cultural Garden”
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า คณะผู้แทนไทยได้ดำเนินการจัดเตรียมการนำเสนอเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกของประเทศไทย จำนวน 4 รายการ ได้แก่ โขน ได้รับการขึ้นทะเบียน เมื่อปี 2561 นวดไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2562 โนรา ได้รับการขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2564 และสงกรานต์ ได้รับการขึ้นทะเบียน เมื่อปี 2566 และอยู่ระหว่างการเสนอต้มยำกุ้งเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโกอีก 1 รายการ ภายในปี 2567 รวมทั้งจะเสนอให้ชุดเคบายา (Kebaya) เป็นรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ร่วมกับ 5 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย บรูไนดารุสซาลาม สาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐสิงคโปร์
นอกจากนี้ คณะผู้แทนไทยจะนำเสนอในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ในการสืบสาน เผยแพร่ และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของไทย ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามพันธกิจของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ในการผลิตนักเรียน/นักศึกษาด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และ คีตศิลป์ให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ เช่น การดำเนินโครงการมหกรรมศิลปวัฒนธรรมทั่วทิศแผ่นดินไทย การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การจัดการอบรมหลักสูตรระยะสั้นด้านนาฏศิลป์สำหรับผู้สนใจและผู้ที่ต้องการต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย การแสดงมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค เฉลิมพระเกียรติฯ การจัดตั้งเรินหนังลุง โนรา ณ วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง รวมทั้งผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อส่งเสริมและเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในภูมิภาคอาเซียน
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวด้วยว่า 2.การแสดงรายประเทศ โดยในส่วนของประเทศไทยจะนำเสนอการแสดงชุด “โขน-โนรา มรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติไทย” ซึ่งเป็นการแสดงโขนอย่างราชสำนักไทยผสมผสานกับการแสดงโนราอันเป็นศิลปะพื้นบ้านจากภาคใต้ของไทย ซึ่งได้รับการจดทะเบียนจากยูเนสโก ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดยในส่วนของการแสดงโขน ได้นำ “รามสูร” หนึ่งในตัวละครตัวเรื่องรามเกียรติ์ เป็นอสูรเทพบุตรที่อยู่บนสรวงสวรรค์ มีฤทธิ์มาก นิสัยดุร้าย และมีอาวุธคือขวานเพชรและศรที่พระอิศวรประทานให้ รามสูรอาศัยอยู่ในกลีบเมฆบนสวรรค์ และเมื่อรามสูรเห็นนางเมขลา ซึ่งเป็นนางฟ้าที่มีแก้ววิเศษก็อยากได้ จึงเข้าแย่งชิง เมื่อแย่งไม่ได้ก็โกรธ จึงขว้างขวานใส่นางเมขลา และเป็นที่มาของความเชื่อดั้งเดิมของคนไทยในการเกิดฟ้าร้อง ฟ้าผ่า จากนั้นต่อด้วยการแสดงโนรา อันเป็นศิลปะการแสดงพื้นเมืองภาคใต้ของประเทศไทยที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตและความเชื่อ พิธีกรรมของชาวไทยมาช้านาน ท่วงท่าที่มีความเข้มแข็งผสมกับความอ่อนช้อยงดงาม แฝงไว้ด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังที่สะท้อนเอกลักษณ์และคุณค่าแห่งความเป็นไทย
3.การแสดงร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน ชุด “ASEAN in One Cultural Garden” จะเป็นการแสดงที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยมีแนวคิดว่า ประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมยืนหยัดร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เปรียบประเทศสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศเป็นดั่งดอกไม้ที่มีความหลากหลาย แต่ทว่าเต็มไปด้วยความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาค จนเกิดเป็นอุดมคติที่ประเทศสมาชิกอาเซียนมีร่วมกัน และพร้อมส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมภายในภูมิภาคอย่างยั่งยืน
“ประเทศไทยโดยกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งมิติด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้น แข็งแกร่ง และมีความเป็นเอกภาพในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ของภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปสู่ทั่วโลก ซึ่งจะสนับสนุนความเข้มแข็ง ด้านวัฒนธรรม สังคมและเศรษฐกิจในภูมิภาคของเรามากยิ่งขึ้น” รมว.วธ.กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' ของไทย ไม่บ้ายกให้กัมพูชา จ่อติวเข้ม สส. แจงปชช.
'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' เป็นของไทย โต้เฟกนิวส์ใช้เอไอปล่อยข่าวมั่ว ชี้ใครจะบ้ายกให้ เตรียมติว สส. เพื่อไทย แจงประชาชนถึงที่มา MOU 44
พิกัด 11 วัด งานอารามอร่ามประดับไฟรับปีใหม่
เพื่อส่งมอบความสุขปลายปีและเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) จัดกิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568 “ ถือเป็นอีกหมุดหมายที่ห้ามพลาดและไม่ได้จัดเป็นประจำ เพราะ
'หมอวรงค์' ถล่มเละ! รัฐบาลโคตรโกง-โกงทั้งโคตร จะทำให้ไทยเสียดินแดนทางทะเลในอนาคต
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความว่า ประชาชนพร้อมมาเจอรัฐบาล
ฉลอง'ต้มยำกุ้ง' กระหึ่มโลก ชวนลองเมนูมรดกวัฒนธรรม
โด่งดังก้องโลกกับเมนูต้มยำกุ้งของดีเมืองไทย กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดงานฉลองต้มยำกุ้งและเคบายา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ในโอกาสที่ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” (Tomyum Kung) และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List
ปลุกรุมบี้ 'รัฐบาลอิ๊งค์' ส่งศาล รธน. ชี้ขาด 'MOU 44'
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่านที่ได้อ่านโพสต์ที่แล้วของผม คงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไป
'เทพมนตรี' อธิบายการแปลความแผนที่ 1907 ที่เขมรเล่นเล่ห์
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา