
24 ม.ค.2568- รศ.ดร.อุเทน คำน่าน รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ล้านนา เปิดเผยว่ามทร.ล้านนามีการปรับหลักสูตรให้มีความทันสมัย และมีความร่วมมือกับภาคเอกชน และภาครัฐในการพัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาเพิ่มเติมทักษะให้แก่ทั้งในส่วนของนักศึกษา บุคลากรของมหาวิทยาลัย และกลุ่มคนวัยทำงาน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ดังนั้น จากการปรับตัวของมทร.ล้านนาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้นักศึกษาหรือบัณฑิตที่จบจากมทร.นั้นส่วนใหญ่จะมีงานทำและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน
รศ.ดร.อุเทน กล่าวต่อว่า ข้อมูลสถานการณ์ทำงานของบัณฑิต ปีการศึกษา 2566 ซึ่งมีจำนวนบัณฑิตทั้งหมด 3,214 คน โดยมีผู้มาแสดงข้อมูลในระบบ 1,202 คน พบว่ามีผู้ที่ได้งานทำ หรือทำงาน 882 คน คิดเป็นร้อยละ 73.38 กำลังศึกษาต่อ จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 1.25 ไม่ได้ทำงานและกำลังศึกษาต่อ 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.33 และยังไม่มีงานทำ 301 คน คิดเป็นร้อยละ 25.04 โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ได้ข้อมูลทั้งหมด
ทั้งนี้ มทร.ล้านนา จะให้ความสำคัญในการเรื่องของการปรับตัว การเรียนการสอน และหลักสูตรให้มีความสมัยใหม่ๆ เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ที่มีการเรียนการสอน หลักสูตรด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจำนวนมาก อีกทั้งตอนนี้เทรนด์การทำงาน ตลาดงานมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีมากขึ้น คนต้องทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีมากขึ้น
“หลักสูตรไหนไม่ใช่เทรนของโลก ของตลาดงานในอนาคต เราพยายามจะปิดหลักสูตรเหล่านั้น และเปิดหลักสูตรใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยจะเน้นการเรียนรู้ที่เพิ่มเติมสมรรถนะ เพราะต้องยอมรับว่าความรู้ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่การทำให้เด็กมีสมรรถนะ มีทักษะติดตัวสามารถทำให้เขาไปปรับใช้ในการทำงาน และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ ขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยนการประเมินวัดสมรรถนะ ที่เน้นรายภาคเรียน 4 ปี วัดสมรรถนะ 8 ครั้ง และมีการวัดสมรรถนะในแต่ละรายวิชาตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อให้บัณฑิตที่จบออกไปรองรับความต้องการของผู้ประกอบการได้ 100%” รศ.ดร.อุเทน กล่าว
รักษาราชการแทนอธิการบดี มทร.ล้านนา กล่าวด้วยว่าหลายๆ บริษัทได้มาหารือกับมทร.ล้านนาในการจัดทำหลักสูตร การศึกษาแบบผู้ใหญ่ที่สามารถสะสมหน่วยกิต หรือเป็นการอบรม Up-skill มากขึ้น โดยมทร.ล้านนา จะมุ่งเน้นพัฒนาทักษะ 3 เรื่องหลักๆ ที่นักศึกษาต้องมี ได้แก่ 1. ทักษะภาษาที่สาม ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี หรือภาษาที่นักศึกษาและผู้ประกอบต้องการ 2. ทักษะด้านไอที ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และซอฟต์แวร์ต่างๆ และ 3. ทักษะความเป็นผู้ประกอบการ เพราะนักศึกษาในยุคนี้มีส่วนหนึ่งที่เขาอยากเปิดบริษัทเอง อยากเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งการเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่มองเพียงเรื่องของกำไร ขาดทุน แต่ต้องรู้เรื่องกฎหมาย บัญชี รู้เรื่องการเงิน การตลาด วางแผนการขยายธุรกิจ และทิศทางของตลาด เทรนด์ในอนาคตร่วมด้วย
“มทร.ล้านนา เป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตมีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ การพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ควบคู่กับศาสตร์ด้านศิลปะและสังคม ดังนั้น นักศึกษาทุกคณะจะต้องมีการเรียนรู้ความเป็นผู้ประกอบการ และการเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่รู้ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง แต่ต้องรู้ทุกศาสตร์เข้าด้วยกัน เด็กที่เข้ามาเรียนและมีไอเดียอยากทำธุรกิจ มีต้นทุนเดิมอยู่แล้ว เราก็จะเติมเต็มทักษะในส่วนที่เขาขาด และหากคนไหนยังไม่มีโปรดักส์ หรือไอเดีย มหาวิทยาลัยก็ต้องสนับสนุน ร่วมพัฒนาไอเดียของนักศึกษาให้เป็นโปรดักส์จริงๆ” รศ.ดร.อุเทน กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เบทาโกร” จับมือ “มทร.ล้านนา” และ “มจธ.” ยกระดับทักษะพนักงานระดับ ปวส. ศึกษาต่อปริญญาตรี ด้วยรูปแบบ “โรงเรียนในโรงงาน”
“บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” หรือ “BTG” โดย “ดร.ถนอมวงศ์ แต้ไพสิฐพงษ์” (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานบริหารส่วนกลาง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
'ประยุทธ์' โพสต์ผลงานรัฐบาลสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ลั่นคุกไม่ได้มีไส้ขังคนจน!
'ประยุทธ์' โพสต์เฟซบุ๊กชูผลงานรัฐบาลดูแลสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งเรื่องสุขภาพ-การมีงานทำ-ความปลอดภัย-สิทธิและความเป็นธรรม
'รมต.เฮ้ง' ยืนยันเด็กจบใหม่มีงานทำแล้วกว่า 80% เข้าสู่ระบบประกันสังคม
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่รองศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ์ แฉล้มวงษ์ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เด็กไทยตกงาน 1 ล้านคน