สมโภช'พระเขี้ยวแก้ว' ฉลองเทศกาลตรุษจีน

ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ “พระเขี้ยวแก้ว” ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้รับมอบหมายให้จัดพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) โดยร่วมกับวัดมังกรกมลาวาส จัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมการแสดงวัฒนธรรมจีน และการแสดงวัฒนธรรมความสัมพันธ์ไทย – จีน ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่สุดงดงาม เต็มไปด้วยพลังศรัทธาพระเขี้ยวแก้ว  ระหว่างวันที่ 29 – 30 มกราคม 2568

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า รัฐบาล โดยสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกับภาคคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งกรมการศาสนาได้รับมอบหมายให้จัดพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เนื่องในเทศกาลตรุษจีนโดยร่วมกับวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ จัดกิจกรรม  โดยวันที่ 29 ม.ค.  เวลา 16.00 น. จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์แบบจีน โดยมีพระคณาจารย์จีนวัชรธรรมาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายซ้ายจีนนิกายวัดโพธิทัตตาราม จังหวัดชลบุรี เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์จีนนิกายวัดมังกรกมลาวาส ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

นอกจากพิธีเจริญพระพุทธมนต์แบบจีนแล้ว รมว.วธ.กล่าวว่า มีกิจกรรมสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ประกอบด้วยการแสดงทางวัฒนธรรมจีน ได้แก่ เชิดสิงโต 9 สี 9 มงคล ประกอบด้วยเชิดสิงโตอวยพร สิงโตต่อตัวกายกรรม สิงโตมอบส้มมงคล สิงโตปล่อยป้ายอวยพร เชิดมังกรทอง   มังกรทองภาคพื้น มังกรลอยฟ้า มังกรเล่นท่าลีลาสวยงาม มังกรภาคพื้นไหว้สี่ทิศ มังกรต่อตัวปล่อยป้ายอวยพร การแสดงทางวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ไทย – จีน  ชุดถวายพุทธบูชาศรัทธาพระเขี้ยวแก้ว และร่ายหลงหงส์ลอดลายจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และวันที่ 30 ม.ค. เวลา 18.30  น. มีการแสดงทางวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ไทย – จีน

จากข้อมูลการศึกษาเรื่อง “ตรุษจีนในสังคมไทย” ของสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย พบว่า คนไทยรับประเพณีวัฒนธรรมจีนเข้ามาในสังคมไทยมาเป็นเวลานานแล้ว ผสมกลมกลืนจนคนไทยไม่รู้สึกว่าประเพณีจีนเป็นสิ่งแปลกในวิถีชีวิต แต่ไม่สามารถจะระบุได้แน่ชัดว่า วัฒนธรรมจีนมีอิทธิพลในสังคมไทยตั้งแต่เมื่อใด คนไทยเชื้อสายจีนยังคงดำรงรักษาวิถีการดำเนินชีวิตตามวัฒนธรรมจีน และการประกอบพิธีกรรมตามธรรมเนียมประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลตรุษจีนที่เป็นเทศกาลหลักของคนจีน ร่วมกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลสารทจีน เทศกาลเช็งเม้ง หรือกระทั่งเทศกาลถือศีลกินเจ คนไทยในปัจจุบันคุ้นเคยกับเทศกาลต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี เป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่ตามธรรมเนียมจีน ถือเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมจีน โดยเฉลิมฉลองด้วยหลักการพื้นฐานเรื่องความกตัญญูกตเวที ความยึดถือในวงศ์สกุลและบรรพบุรุษของตระกูล

คนจีนมีความเชื่อว่าถ้าปฏิบัติธรรมเนียมได้อย่างถูกต้องตามประเพณีจะเกิดความเจริญมั่งคั่ง ความสันติสุข และความไพบูลย์วงศ์ตระกูล ตลอดจนความรุ่งเรืองของกิจการการค้า และความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสมาชิกในครอบครัว คติความเชื่อต่างๆ ในเทศกาลตรุษจีนมีความคล้ายคลึงกับเทศกาลสงกรานต์ของคนไทย ที่ถือเป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่และการแสดงออกในความเคารพนับถือต่อบรรพบุรุษและความยืดถือในความเป็นครอบครัว 

 นางสาวสุดาวรรณ กล่าวด้วยว่า ตรุษจีนถือเป็นเทศกาลและประเพณีสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีนที่ยึดถือกันมาช้านาน ซึ่งแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษ ความสามัคคีปรองดองของครอบครัว เครือญาติ และเจริญรุ่งเรืองของวงศ์ตระกูล  กรมการศาสนา  กระทรวงวัฒนธรรม รับนโยบายของรัฐบาล ในการนำหลักธรรมและมิติทางศาสนา วัฒนธรรม มาพัฒนาคนให้มีศีลธรรม ค่านิยมที่ดีงาม เพื่อเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรม รวมทั้งร่วมรักษาสิ่งเดิม เชิดชูเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า  รวมทั้งเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ส่งเสริมอาชีพ กระจายรายได้ช่วงเทศกาลตรุษจีน สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ถือเป็นนโยบายสำคัญ วธ.ที่ต้องการผลักดันทุนทางวัฒนธรรมสู่การเป็นทุนทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน