โมเดล' 8-3-1' แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ยั่งยืน

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นวิกฤตเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนมายาวนาน  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพ ที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และมะเร็งปอด หรือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และคุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ แม้ภาครัฐจะออกมาตรการรับมือมาหลายปี แต่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน  ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่การควบคุมฝุ่นในระยะสั้น แต่รวมถึงการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การขนส่ง และพฤติกรรมของประชาชน

จากวิกฤตดังกล่าว จึงนำมาสู่ โมเดล 8-3-1: กรอบการทำงานเพื่อจัดการฝุ่นอย่างเป็นระบบ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่พัฒนาขึ้นเพื่อจัดการปัญหาฝุ่นอย่างเป็นระบบครบวงจร  ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างระบบฐานข้อมูลที่ครอบคลุมช่วยให้การตัดสินใจแม่นยำขึ้นและสนับสนุนการทำงานร่วมกัน แบ่งกระบวนการแก้ปัญหาออกเป็น 3 ระยะสำคัญ


1. ระยะป้องกัน: 8 เดือน ในช่วงเวลานี้ ซึ่งสภาพอากาศเอื้ออำนวย การดำเนินการมุ่งเน้นไปที่การลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 โดยใช้มาตรการเชิงป้องกัน เช่น  ควบคุมการเผาในที่โล่ง โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรม เช่น การส่งเสริมวิธีจัดการเศษพืชที่ไม่ต้องใช้การเผา  สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อทดแทนแหล่งพลังงานที่ก่อมลพิษ  ลดการปล่อยฝุ่นจากอุตสาหกรรมและคมนาคม เช่น การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การตรวจสอบมาตรฐานการปล่อยมลพิษจากโรงงาน

2. ระยะเผชิญเหตุ: 3 เดือน ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งปัญหาฝุ่น PM 2.5 มักพุ่งสูงขึ้น มาตรการในระยะนี้เน้นการตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น  การประกาศพื้นที่ควบคุม เพื่อจำกัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นในพื้นที่เสี่ยง   จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน เพื่อประสานงานและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า  แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นและวิธีป้องกันตัวเอง


.3. ระยะฟื้นฟูและทบทวน: 1 เดือน หลังจากสถานการณ์ฝุ่นเริ่มคลี่คลาย การดำเนินการในระยะนี้มุ่งเน้นไปที่การประเมินผลและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต  การประเมินผลกระทบและถอดบทเรียน จากการดำเนินงานที่ผ่านมา  การปรับปรุงแผนปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาฝุ่นในปีถัดไป   การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งทางสุขภาพและเศรษฐกิจ เช่น การสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลหรือการช่วยเหลือทางการเงิน
.
.
จุดเด่นของโมเดล 8-3-1 โมเดลนี้ไม่เพียงช่วยให้การจัดการปัญหาฝุ่นเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แต่ยังเน้นความสำคัญของ:  การบูรณาการข้อมูลและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ภาครัฐ เอกชน และชุมชน  การใช้ข้อมูลจากการดำเนินงาน ในแต่ละช่วงเวลาเป็นฐานในการกำหนดนโยบายและปรับปรุงมาตรการในระยะยาว  ด้วยการดำเนินการตามโมเดล 8-3-1 อย่างเป็นระบบ ประเทศสามารถลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ กสว. เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของงานวิจัยในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ โดยได้สนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการวิจัยหลายร้อยโครงการทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. ที่สามารถติดตามและวิเคราะห์ที่มาของฝุ่นได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดฝุ่น เช่น พันธุ์พืชที่ไม่ต้องเผาในการเก็บเกี่ยว ระบบเตือนภัยฝุ่นล่วงหน้า และแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์

ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. กล่าวถึงความสำคัญของการบูรณาการงานวิจัยเข้ากับการแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด การพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ “อากาศสะอาด” ในระยะ 5 ปี ผ่านกลไก Payment for Ecosystem Service (PES) ช่วยให้เกิดแรงจูงใจทางเศรษฐกิจในการลดการเผาและดูแลทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผอ.สกสว.

“การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่สามารถพึ่งพาภาครัฐหรือภาควิจัยเพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม เช่น ภาคอุตสาหกรรม: ลดการปล่อยมลพิษ ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภาคเกษตรกรรม: หลีกเลี่ยงการเผา ค้นหาแนวทางกำจัดเศษวัสดุทางการเกษตรที่ไม่สร้างมลพิษ ภาคขนส่ง: เพิ่มการใช้ขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และสนับสนุนยานพาหนะพลังงานสะอาด และภาคประชาชน: ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเผาขยะ และเฝ้าระวังจุดเผาในชุมชน”ศ.ดร.สมปองกล่าว

ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เน้นย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการหยุดเผาทั้งหมดในภาคเหนือ และสร้างคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นให้ประชาชน 2 ล้านคนในเชียงใหม่

นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่

 อนาคตของประเทศไทย: ฝุ่นพิษจะหมดไปหรือไม่? เป็นคำถามในใจหลายคน เพราะแม้จะมีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ แต่ยังมีความท้าทายอีกมาก เช่น ปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดนที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนที่ต้องใช้เวลา

ศ.ดร.สมปอง ทิ้งท้ายว่า   ด้วยการสนับสนุนจากภาควิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชื่อว่าในอีก 2-5 ปีข้างหน้า เราจะสามารถควบคุมปัญหาฝุ่นพิษได้อย่างเป็นระบบ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคอากาศสะอาดได้อย่างแท้จริง เพราะปัญหาฝุ่นพิษ ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สกสว.กระตุก GDP ไทยด้วยกองทุนววน. หวังเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

สกสว.จัดเวทีชวนกระตุก GDP ไทยด้วยกองทุน ววน. “ศุภภาส” ชี้ ววน.เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน แข่งขันได้ในเวทีโลก ชี้นโยบายทรัมป์จะทำให้ไทยปรับตัว และวางยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อคว้าโอกาสและรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น