
ลองจินตนาการถึงภาพที่กำลังก้าวเดินเข้าสู่ผืนป่า แสงแดดรำไรลอดผ่านยอดไม้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดินลอยปะปนอยู่ในอากาศ สายลมพัดแผ่วเบา เคล้าคลอด้วยเสียงนกร้อง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเหล่านั้น งานศิลปะแทรกตัวกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ ขณะที่บางชิ้นตัดกับบรรยากาศอย่างชัดเจน กลายเป็นภาพแปลกตาที่ชวนให้หยุดมอง ครุ่นคิด และค้นหาความหมาย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างศิลปะ ผู้คน และธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้การมาเยือน “ศิลป่า เขาใหญ่” (Khao Yai Art Forest) เป็นมากกว่าการชมงานศิลป์กลางป่าเขาใหญ่
“ศิลป่า เขาใหญ่” (Khao Yai Art Forest) กำเนิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของ มาริษา เจียรวนนท์ โดยมี สเตฟาโน ราโบลลี แพนเซรา รับหน้าที่เป็น Artistic Director ผู้คัดสรรศิลปินและนิทรรศการ โดยชื่อ “ศิลป่า” มาจากการผสานคำว่า “ศิลปะ” และ “ป่า สะท้อนถึงเจตนารมณ์สนับสนุนและผลักดันศิลปินให้ได้สร้างสรรค์ผลงานท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิด ทั้งยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติผ่านกิจกรรมศิลปะหนุนการใช้ชีวิตยั่งยืน

เมื่อมาเยือน ศิลป่า เขาใหญ่ จะได้พบกับผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินระดับโลกและศิลปินไทยหลากหลาย ได้แก่ Maman (ปี 2542) โดย หลุยส์ บูร์ชัวส์ ประติมากรรมแมงมุมบรอนซ์ขนาดยักษ์ ตั้งตระหง่านท่ามกลางภูมิทัศน์ธรรมชาติ ชิ้นนี้เป็นตัวแทนของแม่ผู้ทั้งโอบอุ้มและปกป้อง แข็งแกร่งแต่เปราะบาง อบอุ่นแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ สะท้อนความรักลึกซึ้งที่ศิลปินมีต่อแม่ของเธอ
Khao Yai Fog Forest, Fog Landscape #48435 (ปี 2567) โดย ฟูจิโกะ นากายะประติมากรรมหมอก เผยพลังงานที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในระบบนิเวศ หมอกเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างลม อุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ เป็นหนึ่งในไฮไลท์ ละอองหมอกทั้งหมดเกิดจากน้ำที่ผลิตจากอากาศ ใช้เทคโนโลยีของ Aquaria ผู้คิดค้นและพัฒนาเครื่องผลิตน้ำจากอากาศนำอากาศรอบตัวมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

K-BAR (ปี 2567) โดย เอล์มกรีน&แดร็กเซตบาร์ลึกลับกลางผืนป่า ที่ไม่เพียงเชื้อเชิญให้หยุดพัก หากยังตั้งคำถามถึงความแปลกต่างระหว่างความหรูหราในเมืองกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เปิดให้บริการเพียงเดือนละครั้ง (ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือน) รองรับเพียง 6 ที่นั่ง แม้ในเวลาที่บาร์ปิด ผู้มาเยือนยังสามารถชมภายในผ่านกระจกใสบานใหญ่
GOD (ปี 2567) โดย ฟรานเซสโก อารีนาประติมากรรมแนวจิตวิญญาณ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับความทรงจำทางวัฒนธรรม หินสองก้อนเมื่อนำมาซ้อนกันจะปรากฏคำว่า “God” แต่ไม่สามารถเห็นได้โดยตรง เช่นเดียวกับการจับต้องไม่ได้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

Madrid Circle (ปี 2531) โดย ริชาร์ด ลอง วงแหวนหินที่เรียงวางกลางผืนป่า เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความต่อเนื่อง และความสมดุล สะท้อนถึงวัฏจักรของชีวิตและจักรวาล รูปทรงพื้นฐานนี้ตัดกับความไม่เป็นระเบียบของป่ารอบข้าง เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมครุ่นคิดถึง ส่วน Two Planets (ปี 2551) โดย อารยา ราษฎร์จำเริญสุขโลกสองใบที่แตกต่างมาบรรจบกัน ระหว่างชาวบ้านในชนบทไทยกับงานศิลปะที่มีชื่อในโลกตะวันตก หัวใจ คือ บทสนทนาที่เป็นไปไม่ได้ พัฒนาสู่การดำรงอยู่ร่วมกันและความเข้าใจในความแตกต่าง ส่วน Pilgrimage to Eternity (ปี 2567) โดย อุบัติสัตย์ ประติมากรรม 9 ชิ้นกระจายตัวอยู่ทั่วผืนป่า ผลงานมาจากการสร้างเจดีย์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตีความใหม่ เกิดเป็นบทสนทนาระหว่างพุทธปรัชญา ความไม่เที่ยง

นอกเหนือจากการเดินชมงานศิลปะท่ามกลางธรรมชาติ ศิลป่า เขาใหญ่ ยังมอบประสบการณ์ทางรสชาติผ่านเมนูพิเศษ “Forest Foods” โดยมูลนิธิ Chef Cares ร่วมกับเชฟหนุ่ม–วีระวัฒน์ ตรียเสนวรรธน์ ผู้บุกเบิกแนวทางอาหารอีสานร่วมสมัย อาหารทุกจานสร้างสรรค์จากการมองย้อนกลับไปดูความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลโดยเฉพาะจากผืนป่าและภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ พร้อมเปิดรับการเปลี่ยนแปลงของโลกผสานกับแนวทางความยั่งยืน

ชวนมาเปิดโลกทัศน์ใหม่ผ่านช่วงเวลาแห่งความสงบผ่อนคลาย พร้อมรับแรงบันดาลใจความทรงจำแสนประทับใจกลับไป สนใจเข้าชม “ศิลป่า เขาใหญ่” บัตรเข้าชม บุคคลทั่วไป ราคา 500 บาท บัตรเข้าชม นักเรียน นักศึกษา และ ผู้สูงอายุ ราคา 250 บาท ลูกค้าร้าน % ΔRΔBICΔ Khao Yai Art Forest Pop-Up สามารถเข้าชมผลงาน Maman ได้ฟรีจนถึงกลางเดือนสิงหาคมนี้ สำรองบัตรเข้าชมและโต๊ะรับประทานอาหารได้ที่ www.khaoyaiart.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เชฟแคร์ส’ เปิด 7 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน THAIFEX
‘เชฟแคร์ส’ เปิด 7 ผลิตภัณฑ์ใหม่ เสิร์ฟ THAIFEX – Anuga Asia 2025 ชูแนวคิด From the Nature’s Finest Sources จากแหล่งธรรมชาติที่ดี สู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เดินหน้ารุกตลาดส่งออก โชว์ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยสู่โลก