ธรรมนัสโอ่ศท.เนื้อหอม

“ธรรมนัส” ร่วมโซ้ยข้าวพรรคเล็ก โอ่หลายคนมาอยู่เศรษฐกิจไทยแล้ว “พีระวิทย์” ปัดต่อรอง “บิ๊กตู่”  ฝากบอก ไม่ต้องระแวงซักฟอก แจงได้ไม่เลวพอโหวตสวน “สุรทิน” จี้นายกฯยุบสภา “หัวหน้า พท.” ชิ่ง ลิ่วล้อบินพบ “แม้ว” เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ “ชูศักดิ์” ตะแบงไม่ผิดจริยธรรม

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ห้องอาหารจีน โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 มีการนัดรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยจำนวนหนึ่ง กับแกนนำพรรคเล็ก อาทิ นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่,  นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพรรครักษ์ผืนป่าไทย, นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทรักธรรม, นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย

นอกจากนี้ ยังมีแกนนำพรรคเล็กของพรรคร่วมรัฐบาลที่มี ส.ส.มากกว่า 1 ที่นั่งในสภาเดินทางมาร่วมด้วย ทั้ง น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท, นายนพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท, นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา รวมไปถึงนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

โดย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวก่อนรับประทานอาหารว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. นายสุรทินเรียกตนว่าหัวหน้า และบอกว่าอยากให้หัวหน้ามา จึงได้รับปากว่าจะมา อย่างไรก็ตาม พี่น้องเหล่านี้ตนดูแลมาเป็นปีที่ 3 และไม่ใช่การดูแลแค่เรื่องเงินเรื่องทอง​ อีกทั้ง​ ส.ส.กลุ่มนี้มีพื้นฐานเป็นคนอีสาน ซึ่งตนลงพื้นที่อีสานบ่อย จึงคุ้นเคยสนิทสนมกัน ไม่ใช่แค่เพียงรู้จัก และเรานัดรับประทานอาหารกันทุกเดือนอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีผลถึงตัวเลขการสนับสนุนรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ตนมองว่ามันไกลไปที่จะพูดเรื่องนี้ ยังไม่รู้ประเด็นและสาระสำคัญที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายตัวผู้บริหารของรัฐบาล จุดยืนชัดเจนว่าเราต้องดูสาระสำคัญ ไม่ใช่พอฝ่ายค้านจุดประเด็น แต่ถึงเวลาอภิปรายไม่มีอะไรเลย ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

                    เมื่อถามว่า แสดงว่าจุดยืนที่ชัดเจนคือการทำงานที่แนบแน่นกับพรรคเล็ก​ ร.อ.ธรรมนัส​ระบุว่า เรารักกันมานานแล้ว ไม่ใช่พึ่งมารักกัน และไม่ใช่พึ่งมาสร้างภาพรักกัน อย่าลืมว่าตนเป็นคนชวนพรรคเหล่านี้มาร่วมรัฐบาล

เมื่อถามถึงกระแสข่าว​ พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล​ ว่าพรรคเศรษฐกิจไทยสนับสนุนรัฐบาลบนโต๊ะอาหาร เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า บนโต๊ะอาหารไม่ทราบว่าคุยอะไรกัน และตนไม่ได้ใส่ใจ แต่เราทำการเมืองเราต้องมีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง ไม่ใช่ชักเข้าชักออก เป๋ไปเป๋มา แล้วความหวังของชาติบ้านเมืองประชาชนจะฝากไว้กับใคร

ภายหลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า มีหลายคนมารับประทานอาหารร่วมกัน เราเป็นนักการเมืองพี่ๆ น้องๆ หลายคนที่เป็นหัวหน้าพรรค มีความผูกพันกันมา ไม่ใช่เฉพาะเวทีการเมืองขณะนี้ พรรคเล็กทั้งหมดตนเป็นคนเจรจาเราเอาเขามาอยู่ตรงนี้ ทิ้งเขาไม่ได้

ส่วนจะชวนมาร่วมพรรคเศรษฐกิจไทยด้วยเลยหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า “หลายท่านตัดสินใจมาอยู่กับผมแล้ว” ต่อข้อถามว่า​ ตัวเลขตอนนี้มากกว่า 18 เสียงใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับว่า ประมาณนั้น หมายความว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าหลายคนจะมาอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย

“หลายคนแม้จะเป็นพรรคเล็ก แต่ผมให้เกียรติทุกพรรคไม่ว่าจะมี ส.ส.กี่คนก็ตาม กว่าจะรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลได้ เสียง 20 กว่าเสียงเมื่อตอนปี 62 มีความสำคัญมาก แต่เวลาผ่านมา 3-4 ปี กลับไม่ให้ความสำคัญกับเขาเลย เป็นสิ่งที่ให้น่าเสียใจ” ร.อ.ธรรมนัสระบุ

นายพีระวิทย์เปิดเผยว่า เรามาหารือกันเกี่ยวกับการแก้กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะแปรญัตติกันอย่างไร เราได้มีการนัดกันก่อนหน้านี้แล้ว พอดีว่า ร.อ.ธรรมนัสอยากจะมาพบปะด้วย อย่างไรก็ดี การรับประทานอาหารครั้งนี้มีมากันหลายสิบคน และหลายพรรคการเมือง เราเป็นนักการเมืองก็ต้องมาคุยเรื่องการเมืองว่าจะไปในทิศทางแบบไหน อย่างไร

ซักว่า การรับประทานอาหารครั้งนี้ จะกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในเรื่องการเมืองได้หรือไม่ นายพีระวิทย์ ตอบว่า ตอนนี้เรามีอะไรที่ต้องไปต่อรองท่านหรือ จะให้เราไปต่อรองเรื่องไหน ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น หากนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนทำผลงานเป็นที่ประจักษ์ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ ถ้าพวกเรายัง

ไม่ให้ความเห็นชอบพวกเราก็เลวแล้ว จึงขึ้นอยู่ที่ตัวนายกฯ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ส.ส.ที่มา และไม่เกี่ยวกับเรื่องการต่อรอง นายกฯ ไม่ต้องกลัวอะไร พวกเราเป็นแต่เพียงอีก 1 กำลังที่คอยเป็นเสียงกระตุ้นให้นายกฯ ทำงานอย่างเต็มที่และยุติธรรมที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการต่อรองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคไทรักธรรมย้อนถามว่า "นายกฯ ให้ไหมล่ะครับ เรารู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ให้ และเราไม่ได้คิดเรื่องนี้อยู่ในหัวสมอง ยืนยันไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แม้แต่คำเดียวในวงข้าว"

เมื่อถามว่า มองเห็นอะไรในตัว ร.อ.ธรรมนัส จึงได้มารับประทานอาหารด้วย หัวหน้าพรรคไทรักธรรมชี้แจงว่า ร.อ.ธรรมนัสคือคนที่มาทาบทามพวกเราตอนร่วมรัฐบาล ดูแลพวกเราอย่างดีมาโดยตลอด และการที่ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว พวกเราไม่คิดจะทอดทิ้ง ยังคงให้ความสำคัญ และขออย่าไปออกข่าวเรื่องแจกกล้วย มันไม่ดี

ขณะที่นายสุรทินกล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มพรรคเล็กยังคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตามมารยาท เพราะหากถอนตัวจะทำให้เกิดปัญหา แต่ยังมีเวลาทบทวนในการร่วมรัฐบาล โดยกลุ่มพรรคเล็กจะร่วมรับประทานอาหารกันอีกครั้งในช่วงเดือน เม.ย.

ถามว่า น้อยใจหรือไม่ที่นายกฯ ไม่ได้เชิญกลุ่มพรรคเล็กร่วมรับประทานอาหารค่ำที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ตอบว่า ไม่ได้อยากไปร่วมรับประทานอาหารด้วยอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าไม่อร่อย ตนเองจะต้องเลือกทานอาหารที่อร่อย และไม่ได้คิดว่ามื้ออาหารของนายกฯ นั้นเป็นน้ำพริกถ้วยเก่า เพราะพรรคเล็กก็มีเสียง ส.ส.ในกลุ่ม จึงไม่ได้ออนซอน หรือให้ความสนใจใดๆ 

หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ยังกล่าวว่า พร้อมสำหรับการเลือกตั้งหากจะเกิดขึ้น และพร้อมสนับสนุนให้นายกฯ ยุบสภา เพราะเห็นว่าไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ให้กับประชาชนได้ หากเกิดการยุบสภาขึ้น เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น มีเงินหมุนเวียนถึงประชาชน

ด้านนายพิเชษฐกล่าวว่า มาร่วมรับประทานอาหารในนาม พปชร. และ กลุ่ม 16 อย่างไรก็ดี ตอนนี้ตนมาอยู่กับ พปชร.ต้องสนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วน พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็สนับสนุนและไม่เคยห้ามที่จะมาทานข้าวกับ ร.อ.ธรรมนัส

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งเดินทางจากประเทศไทยไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถือว่าเป็นผู้ต้องหาหรือนักโทษหนีคดีอยู่ในต่างประเทศที่ประเทศสิงคโปร์ ถือว่าจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การที่ ส.ส. ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชนด้านนิติบัญญัติ เดินทางไปพบปะหรือคบค้าสมาคมด้วยนั้น อาจถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เนื่องจากเป็นการคบหาสมาคมกับผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งได้

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถือเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค จึงไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้

ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย เห็นว่า เรื่องในลักษณะดังกล่าวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ส.ส.ของพรรคได้พบปะพูดคุยกับนายทักษิณ เนื่องจาก ส.ส.หลายคนในพรรคเคยเป็น ส.ส.มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยจนมาถึงพรรคเพื่อไทยย่อมมีความผูกพัน และเคารพนับถือกันเป็นเรื่องปกติ การไปพบกันจะเป็นเรื่องเหตุบังเอิญหรือตั้งใจไปพบกัน ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน จึงไม่ใช่เป็นเรื่องของการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ

 “การไปพบกันของบุคคลที่เคารพนับถือกันไม่ใช่การใช้ตำแหน่งหน้าที่ของ ส.ส. ไม่ทำให้ชื่อเสียงของสภาผู้แทนราษฎรเสื่อมเสีย หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศแต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นคงต้องแยกการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ออกจากเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่จะนำทุกอย่างไปรวมกันหมด” นายชูศักดิ์ระบุ

เมื่อวันศุกร์ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงความสัมพันธ์ของทางตระกูลคุณปลื้ม และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มีปัญหากันก่อนหน้านี้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นขัดแย้ง เพราะมีการทำความเข้าใจกันแล้ว ทั้งพล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรรับทราบรายละเอียดดี ดังนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง