ชินวัตรทวงคืนปท. ‘อุ๊งอิ๊ง’ฝัน14ล้านเสียงชนะแลนด์สไลด์

เพื่อไทยปูพรมแดงดัน "อุ๊งอิ๊ง" แคนดิเดตนายกฯ มอบอีกตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว พท. ลูกทักษิณฝันกลางวันรอเห็น 14 ล้านเสียงกลับคืนมา ลั่นต้องชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เอาอำนาจมาไว้ในมือ แต่ยังกั๊กเรื่องชิงนายกฯ ฝ่ายค้านเดินเกมแรง ยื่นซักฟอกหลังเปิดสภาวันเดียว ปิดประตูบิ๊กตู่ยุบสภา!

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ มลฑาทิพย์ ฮอลล์ จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” มีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดยมี ส.ส.จากภาคอีสานหลายคนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ภายในห้องประชุมอยู่ภายใต้ข้อจำกัดตามมาตรการควบคุมโควิด ทำให้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 500 คนเท่านั้น  ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าไปต่างต้องรออยู่ข้างนอก ทำให้บางส่วนไม่ค่อยสบอารมณ์นัก หนึ่งในผู้มาร่วมงานถึงกับบ่นว่าตนเดินทางมาจากปทุมธานี แต่กลับไม่ได้เข้าห้องประชุม อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่มาร่วมงานลงทะเบียนเป็นครอบครัวเพื่อไทยแล้ว จะได้รับเสื้อยืดสีแดงสกรีนข้อความ “ครอบครัว เพื่อไทย”

โดย นพ.ชลน่านกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า "ครอบครัวเพื่อไทยจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของภาคประชาชน ด้วยนวัตกรรมการเมืองภาคพลเมือง จากร้อยเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน จาก 400 เขต ในสองเดือนนี้มั่นใจจะได้ 8 ล้านสมาชิก และจะเติบโตเป็นบ้านหลังใหญ่ไปเป็น 10 ล้าน  12 ล้าน 15 ล้าน ถ้าเราได้โอกาสจากครอบครัวเพื่อไทย  มั่นใจเป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยทั้งแผ่นดินจะเป็นของพวกเรา แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากขาดผู้นำที่เราหวังเอาไว้  เราโชคดีได้สายเลือดพันธุกรรม ผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ที่ต้องการแก้ปัญหาให้พี่น้อง แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งทำลาย แม้แผ่นดินแม่ก็ไม่ได้อยู่ แต่เราก็มีความภาคภูมิใจขอประกาศว่า ผู้นำครอบครัวเพื่อไทย เป็นสายเลือด เป็นดีเอ็นเอ ของคนที่มีเจตนาที่จะสร้างบ้านสร้างเมืองนี้ ในนามของพรรคไทยรักไทย เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรรมเพื่อไทย ภูมิใจครับ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร"

จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคที่ไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอนนั้นเป็นเพียงผู้เฝ้ามอง นายทักษิณตั้งพรรคเพื่อไทยตอนตนอายุ  12 ตอนที่ถูกรัฐประหารอายุ 20 ตอนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกรัฐประหารตนอายุ 28 ปี แม้ไม่ได้เข้ามาทำการเมือง แต่ก็ได้รับผลกระทบ บ้านหลังนี้บ้านเพื่อไทยได้เติบโตฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ระหว่างทางมีคนตกหล่นหายไปบ้าง แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังอยู่ร่วมกันวันนี้ ยังพร้อมต่อสู้ไปกับเรา ขอบคุณประชาชนที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา การสนับสนุนของประชาชนทำให้พรรคเพื่อไทยมีวันนี้ ตลอด 23 ปีบนเส้นทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย  เรามีประสบการณ์มากกว่าพรรคอื่น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทันต่อความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า ไม่มีทางลืมประชาชนรากหญ้าที่สนับสนุนเรามาตั้งแต่ไทยรักไทย เราจะต้องอยู่อย่างแข็งแกร่งและอยู่รอดเพื่อเป็นความหวังอันเดียวให้ประชาชน  โดยวางเป้าหมาย 2 เรื่องคือ การสร้างการมีส่วนร่วมการทำงานของคนทุกเจเนอเรชัน และจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้  ระบอบเผด็จการต้องหมดไป พูดตอนนี้อาจฟังไกลตัว แต่ไม่ไกลเกินไปแน่นอน ต้องเตรียมพร้อมเมื่อถึงเวลา เราต้องพร้อม พรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และต้องเป็นแกนนำจะได้ผลักดันนโยบายได้ แต่ถ้าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้  ต่อให้นโยบายดีแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยนโยบายของเราจะเติมเงินในกระเป๋าให้ประชาชนแบบมีเกียรติ อำนาจรัฐเท่านั้นที่จะเป็นทางออก การบรรลุเป้าหมายต้องการการสนับสนุนจากพี่น้อง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น จึงเป็นที่มาของครอบครัวเพื่อไทย

น.ส.แพทองธารกล่าวบนเวทีว่า สมัยพรรคไทยรักไทย มีสมาชิกพรรคถึง 14 ล้านรายชื่อ เมื่อถูกยุบพรรครายชื่อเหล่านั้นได้หายไป เมื่อมีการตั้งเงื่อนไขเรื่องค่าใช้จ่ายในการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ทำให้การมีส่วนร่วมระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนห่างกันไปอีก แต่ไม่เป็นอะไร วันนี้พรรคเพื่อไทยทำกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม เป็นการสร้างการมีส่วนร่วม เราอยากให้ประชาชนสมัครเข้ามาเยอะๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ มาร่วมเป็นครอบครัวเพื่อไทยด้วยกัน วันนี้เราต้องการสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง เมื่อถึงเวลา 14 ล้านเสียงจะเกิดอีกครั้งกับพรรคเพื่อไทยวันนี้ เราจะอยู่เป็นครอบครัว จะสู้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง เราจะไม่ทิ้งกัน

'อุ๊งอิ๊ง' ยังกั๊กแคนดิเดตนายกฯ

ต่อมา น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์หลังได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะนำไปสู่การรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรรหรือไม่ว่า ความจริงแล้วนี่คือความตั้งใจที่มาเปิดตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เนื่องจากอยากให้สมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อร่วมจิตวิญญาณเดิมของเราที่เคยอยู่ร่วมกัน และเคยทำให้บ้านหลังเก่าแข็งแรง ประเด็นของตนมีเพียงเท่านี้

เมื่อถามว่า แต่ก็พร้อมใช่ไหมหากจะรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราต้องทำงานกันเป็นทีม การที่เข้ามาทำงานในพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ไม่ได้อยู่ที่ตนเพียงคนเดียวแล้วว่าจะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ การทำงานทุกอย่างต้องอาศัยพรรค วันนี้ทุกคนในพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เรามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล เพื่อที่จะได้ผลิตนโยบายดีๆ มาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และขจัดความฝืดเคืองด้านเศรษฐกิจให้ประชาชน ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ได้พิสูจน์ผลงานอยู่แล้วว่า สิ่งที่คิดและเสนอออกไปสู่ประชาชนสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง ตลอด 23 ปีมาจนถึงพรรคเพื่อไทย เรามีเครื่องมือที่ดี บุคลากรที่มีคุณภาพ ที่จะมาผลักดันนโยบายที่ดีให้ประเทศ

"พูดได้เลยว่าหากพร้อมเมื่อไหร่ ไม่ใช่แค่ตัวอิ๊งที่พร้อม  แต่ทุกคนพร้อมที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติที่กำลังเผชิญอยู่ วันนี้เพื่อไทยพร้อมที่สุดแล้ว ส่วนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เคยตอบไปแล้วเมื่อยุบสภาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน" น.ส.แพทองธารกล่าว

เมื่อถามว่า บนเวทีพูดว่าจะศึกษาข้อผิดพลาดที่ผ่านมาเพื่อปรับปรุงปัจจุบันและอนาคต ข้อผิดพลาดที่ว่าคืออะไร  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอไม่พูดถึงอดีตแล้วกัน ที่ผ่านมามีข้อดีข้อเสียเยอะแยะไปหมด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราได้เรียนรู้จากมัน อาจจะเป็นการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ผิดพลาด  รู้สึกว่าเราอยากทำใหม่ เวลาที่เราทำอะไรในหนึ่งวันคงไม่ได้ทำถูกต้อง 100% คิดว่าด้วยความเป็นมืออาชีพของพรรคเพื่อไทยเอง ยิ่งเข้ามาใกล้ เรายิ่งรู้ว่าคนของเราทุกคนมีศักยภาพมีประสบการณ์อยู่มากจริงๆ และมีคนที่มีความคิดดีๆ อยู่มาก วันนี้พรรคเพื่อไทยพยายามสร้างตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ และเน้นให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาทำงานตรงนี้

ถามย้ำว่า ที่มีการประกาศบนเวทีว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อทำให้เผด็จการหมดไป ดูเหมือนเป็นการประกาศศึก กังวลจะมีผลกระทบตามมาหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คิดว่ามันเป็นความจริง เพราะเราต้องเอาระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบกลับคืนมา คือสิ่งที่ถูกต้อง เพราะประเทศไทยเราควรเป็นประชาธิปไตยแบบ 100% และรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาได้ก็ต้องมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนต้องเป็นคนเลือกเท่านั้น

ส่วนข้อถามที่ว่า ประเมินว่าจะได้เสียงในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่าไหร่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเลยเพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ก็ขอให้ได้เยอะๆ

ส่วนเมื่อถามว่า นายทักษิณพูดหลายครั้งว่าอยากกลับมาเมืองไทย ในฐานะลูกสาวคิดว่านายทักษิณมีเป้าหมายเรื่องนี้อย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คุณพ่ออยากกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย แต่ทุกเรื่องที่อยู่ในชีวิตของอิ๊งตั้งแต่เล็กแล้ว เราปรึกษาคุณพ่อตลอด  เพราะเราเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกันมากๆ ส่วนเรื่องพ่อกลับบ้านไม่ใช่เป้าหมายหลัก วันนี้ปัญหาหลักของประเทศคือปากท้อง คือเศรษฐกิจ และปัญหาของประชาชน ไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวอิ๊ง ควรจะโฟกัสตรงนั้น แต่คุณพ่อคุณแม่และครอบครัวทุกคนเป็นกำลังใจที่ดีของอิ๊ง

เมื่อถามอีกว่า ตั้งแต่เป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และมาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอีก มีความมั่นใจการทำงานการเมืองเพิ่มขึ้นหรือไม่  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อิ๊งรู้สึกมั่นใจในพรรคเพื่อไทย อันนี้เวลาพูดต้องมองตาถึงจะเข้าใจว่าพูดจริงหรือไม่ อิ๊งรู้สึกมากเลยว่าเวลาเข้ามาที่พรรคเพื่อไทย มีอะไรมากมายกว่าตอนที่เป็นผู้เฝ้าดู พรรคเพื่อไทยมีศักยภาพอย่างมาก ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่แตกต่างกัน เมื่อมีการจัดการที่ดี เขาก็ร่วมมือการทำงานทุกครั้ง

เมื่อถามว่าพร้อมลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังค่ะๆ

จากนั้น น.ส.แพทองธารได้เดินทางไปยังบ้านโนนกอก  อ.เมืองอุดรธานี เพื่อเข้าร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อมือจากพราหมณ์และผู้สูงอายุในชุมชน เมื่อแล้วเสร็จได้เดินชมวิธีการทอผ้าแบบโบราณ ได้ร่วมชมผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่มีเด็กนักเรียนและกลุ่มผู้สูงอายุมาออกร้าน โดยได้อุดหนุนกิ๊บติดผมที่ทำมาจากผ้าทอและผ้าฝ้ายมัดหมี่ รวมทั้งชมการสาธิตตำข้าวเหนียวเพื่อนำมาทำข้าวเกรียบ พร้อมกับพูดคุยสอบถามด้วยความสนใจ

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า การเปิดตัวอุ๊งอิ๊งเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีความหมายทางการเมืองอย่างไร 1. ครอบครัวใหญ่กว่าพรรค 2.การเป็นสมาชิกครอบครัว ทำลายกำแพงข้อจำกัดของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่สมาชิกพรรคต้องเสียค่าสมาชิก 200 บาท/ปี เป็นสมาชิกครอบครัวไม่ต้องเสียเงิน 3.การเป็นสมาชิกครอบครัวจึงไม่มีข้อจำกัดใดๆ แต่กลายเป็นฐานสนับสนุนของพรรคในการเลือกตั้ง 4.ถือเป็นการเดินเกมทางการเมืองใหม่ของพรรคเพื่อไทย แต่ต้องระวังเรื่องการให้สิทธิประโยชน์แก่คนในครอบครัวเพื่อไทย เพราะยังถือว่าเป็นกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอย่างหนึ่ง ที่ยังต้องถูกควบคุมโดย พ.ร.ป.พรรคการเมือง 5.มีคำทำนายว่า หัวหน้าครอบครัว คืออีกก้าวที่เข้าใกล้ตำแหน่งผู้ที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และ 6. อุ๊งอิ๊งวันนี้ดูไม่สดใส ไม่เฉียบเท่าการเปิดตัวครั้งที่แล้ว น่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง หากจะเป็นแบบข้อ 5 ยังต้องเทรนให้มีพลังแบบคุณพ่อ และมีเสน่ห์แบบคุณน้าอีกนิด

ยื่นซักฟอกเร็วปิดทางยุบสภา 

ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 23 พฤษภาคมว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมฝ่ายค้านตกลงกันว่าจะประชุมร่วมกันเป็นระยะๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อครั้ง โดยพรรคก้าวไกลขณะนี้มีการเตรียมพร้อม เริ่มรวบรวมข้อมูลเนื้อหาต่างๆ ไว้แล้ว คิดว่าช่วงเดือนพฤษภาคมน่าจะพร้อมพอดี แต่ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่มีการตกลงว่าจะยื่นญัตติกันวันใด โดยดูไว้ 2  ช่วง คือช่วงแรกนับตั้งแต่เปิดประชุมสภาเลย และอีกช่วงคือหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีผ่านการพิจารณา ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะตกลงร่วมกันว่าจะยื่นช่วงเวลาใด

"เรามีการหารือกันตลอด แต่ละพรรคก็เตรียมข้อมูล เราพยายามทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สมควรบริหารประเทศหรือได้รับความไว้วางใจอีกต่อไป เราทราบความคาดหวังของประชาชนและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขณะนี้ทุกฝ่ายที่ได้รับมอบหมายกำลังพยายามรวบรวมข้อมูล เจาะข้อมูลแต่ละเรื่องให้ได้มากที่สุด ยังมีเวลาอีก 2 เดือนจะทำอย่างเต็มที่  พรรคก้าวไกลยืนยันว่ามีความพร้อมไม่ว่าจะยื่นช่วงเวลาใดก็ตาม และเชื่อว่าน่าจะทำให้รัฐบาลถูกตรวจสอบจนไม่สามารถตอบได้" ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าว

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวหลังถูกถามว่าพรรคจะร่วมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ด้วยหรือไม่ โดยตอบมาว่า "ไม่" เพราะจุดยืนของพรรคนั้นไม่ใช่ฝ่ายค้าน แต่เรามีความชัดเจนว่า หากรัฐบาลทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเราจะสนับสนุน แต่หากทำอะไรที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่เป็นประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม ซึ่งบางครั้งเป็นกลุ่มที่เขารวยอยู่แล้ว ไปให้เขารวยต่อเราก็ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้พรรคจะพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน  1,127 ตัวอย่าง เรื่องการเมืองไทย…วุ่นวายจริงหรือ?  โดยเมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ณ วันนี้บ่งบอกถึงอะไรบ้าง 68.90% ระบุว่า การต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง 62.56% ระบุว่าเสถียรภาพของรัฐบาล อาจมีการยุบสภา  60.32% ระบุว่ามีการตั้งพรรคใหม่ ย้ายพรรค พรรคการเมืองแตกแยก 58% ระบุว่า ส.ส.เตรียมหาเสียง ใกล้มีการเลือกตั้งใหม่ และ 54.16% ระบุว่าเป็นเกมการเมือง  

เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กและพรรคใหญ่ในช่วงนี้เหมาะสมหรือไม่ พบว่า 61.67% ระบุว่าไม่เหมาะสม  27.06% ระบุว่าไม่แน่ใจ และ 11.27% ระบุว่าเหมาะสม และเมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าปัญหาบ้านเมือง ณ วันนี้  รัฐบาลควรให้ความสำคัญและแก้ไขเรื่องใดโดยเร่งด่วน พบว่า 91.44% ระบุว่าน้ำมันแพง สินค้าแพง 71.81%  ระบุว่ารายได้ไม่พอกับรายจ่าย หนี้สิน 69.94% ระบุว่าคุณภาพชีวิตประชาชน 66.64% ระบุว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น และ 55.22% ระบุว่าตกงาน ว่างงาน                       

สวนดุสิตโพลยังเผยผลสำรวจประชาชน คิดว่านักการเมืองไทย (ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน) ดูแลทุกข์สุขของประชาชนมากน้อยเพียงใด โดย 52.19% ระบุว่าไม่ค่อยดูแล 24.62% ระบุว่าดูแลพอสมควร 21.31% ระบุว่าไม่ดูแลเลย และ 1.88% ระบุว่าดูแลเป็นอย่างดี ถามอีกว่าประชาชนเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของรัฐบาล ณ วันนี้ มากน้อยเพียงใด พบว่า 45.12% ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่น  32.77% ระบุว่าไม่เชื่อมั่น 19.61% ระบุว่าค่อนข้างเชื่อมั่น และ 2.50% ระบุว่าเชื่อมั่นมาก

 “ประชาชนคิดว่ารัฐบาล ณ วันนี้มีเสถียรภาพหรือไม่  พบว่า 50.94% ระบุว่าไม่ค่อยมีเสถียรภาพ 31.31% ระบุว่าไม่มีเสถียรภาพ 15.70% ระบุว่าค่อนข้างมีเสถียรภาพ และ 2.05% ระบุว่ามีเสถียรภาพมาก ทั้งนี้เมื่อถามถึงภาพรวมประชาชนมองการเมืองไทย ณ วันนี้ วุ่นวายหรือไม่ พบว่า 49.69% ระบุว่าค่อนข้างวุ่นวาย  43.80% ระบุว่าวุ่นวายมาก 5.44% ระบุว่าไม่ค่อยวุ่นวาย และ 1.07% ระบุว่าไม่วุ่นวาย”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สสส.สานพลัง สธ เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย สร้างพื่นที่ปลอดภัยปัญหายาเสพติด

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการดำเนินงานและให้กำลังใจผู้ป่วยยาเสพติด ที่รับการบำบัดที่มินิธัญญารักษ์ รพ.อุทัย และชุมชนล้อมรักษ์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลลุมพลี อำเภอ