จ่อหมายจับ‘ปริญญ์’ ษิทราแฉเหยื่อเกิน20ราย/ปชป.ยี้คุกคามทางเพศ

"ปริญญ์ พานิชภักดิ์" อ่วม!  ทนายตั้มแฉเพิ่ม ยอดเหยื่อเพิ่มขึ้นเกินกว่า 20 ราย แจ้งความดำเนินคดีทางการแล้ว 5 ราย รวมทั้งเมียลูกนัท ข้องใจตำรวจทำอะไรอยู่ถึงยังไม่ออกหมายจับ  ด้านรอง ผบช.น.เผยอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน คาดออกหมายจับได้ 16 เม.ย. ส.ส.หญิง ปชป.ยัน ต่อต้านการคุกคามล่วงละเมิดทางเพศ

ความคืบหน้ากรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ออกมาแฉรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังอนาจารนักศึกษาสาววัย 18 ปี หลังหลอกมาคุยเรื่องงานและสอนเรื่องหุ้น พร้อมชี้ชัดว่านักการเมืองคนดังกล่าวมีพฤติกรรมชอบคนขัดขืน พบว่าเหยื่อส่วนใหญ่อายุ 18 ปี

โดยทนายษิทราเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ขณะนี้มีเหยื่อร้องเรียนรอเชือดอีกเพียบ ยอดเหยื่อเพิ่มขึ้นเกินกว่า 20 ราย แจ้งความดำเนินคดีทางการแล้ว 5 ราย ประกอบด้วยนักศึกษาสาววัย 18 ปี, อดีตทีมหาเสียงสมาชิกพรรคการเมืองดังกล่าว ซึ่งมีแม่ทำงานในพรรคนั้นด้วย เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองเพชรบุรี และแอนนา หทัยรัตน์ ภรรยาของลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย

โดยในวันนี้รายที่ 4 ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ และล่าสุดรายที่ 5 เข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ซึ่งผู้เสียหายรายนี้อยู่ระหว่างการเข้าแจ้งความและให้ปากคำเบื้องต้นกับตำรวจ ทั้งนี้ มีรายงานว่า เวลา 16.00 น. แอนนา หทัยรัตน์ ภรรยาของลูกนัท จะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนจะมีใครเข้าแจ้งความอีกหรือไม่นั้น ทนายตั้มระบุว่าต้องรอพูดคุยอีกครั้งกับผู้เสียหายทุกราย ว่าใครประสงค์ดำเนินคดี รวมถึงต้องดูด้วยว่ายังอยู่ในอายุความหรือไม่

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามผู้ถูกกล่าวว่ามีการนัดหมายเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทีมข่าวได้รับคำตอบว่า มอบให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการ ก่อนหน้านี้แถลงข่าวชัดเจนไปหมดแล้ว และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

ขณะที่เฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ภาพห้องพักแห่งหนึ่งที่อยู่ในสภาพปล่อยทิ้งร้าง เหลือเพียงหนังสือไม่กี่เล่ม ระบุว่า "นี่เป็นห้องที่รองหัวหน้าพรรค ที่มักจะหลอกผู้หญิงว่าเป็นสำนักงานเหยื่อคนไหนหลงเชื่อยอมขึ้นมาบนห้อง รองหัวหน้าพรรคก็จะล็อกประตู ใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืน แล้วก็มักจะขู่เหยื่อว่าหากแจ้งความ ครอบครัวเหยื่อจะเดือดร้อน เพราะพ่อตัวเองนั้นใหญ่มาก บางคนต้องยอมให้ข่มเหงเป็นปีๆ บางคนเป็นบาดแผลในใจถึงกับป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บางคนถึงกับต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ

วันนี้พวกเราคนไทยต้องขอบคุณและส่งกำลังใจให้เหยื่อทุกคนนะครับ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยความกล้าหาญ น้องๆ เป็นผู้ถูกกระทำโดยไม่เต็มใจ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนทำ ทำให้อีกหลายคนรู้สันดาน #รองหัวหน้าพรรคโรคจิต ว่าต่อหน้าสื่อเป็นคนดี ดูน่าเชื่อถือ แต่ลับหลังกลับมีพฤติกรรมตรงกันข้ามขนาดไหน จะได้ไม่มีคนตกเป็นเหยื่อมันอีก ขอขอบคุณทุกคนด้วยใจครับ"

นอกจากนี้ ยังโพสต์ข้อความอีกว่า "ตำรวจทำอะไรกันอยู่ครับ ผู้เสียหายแจ้งความตั้งแต่วันที่ 12 เมษา สอบทั้งผู้เสียหาย แม่ผู้เสียหาย และพยาน แถมเก็บกล้องวงจรปิดหมดแล้ว ตอนนี้เหยื่อก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผู้ต้องหาหนีออกนอกประเทศไปก่อนจะทำยังไง อย่าให้สังคมติฉินนินทานะครับว่า ไม่กล้าออกหมายจับไฮโซ"

รวบรวมหลักฐานอยู่

ด้าน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ได้มีข้อสั่งการไปแล้วเบื้องต้น ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่ามีอัตราโทษเกินกว่า 3 ปี ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอที่จะกล่าวหาได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิด ก่อนนำพยานหลักฐานทั้งหมด ขออำนาจศาลออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแล้ว ส่วนตัวผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้มีการติดต่อมาหาทางพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี แต่อย่างใด

รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีทั้งพยานบุคคลและวัตถุพยาน ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายกระทำการอนาจารขายหน้าแก่ธารกำนัลนั้น ไม่ว่าการกระทำอยู่ในสถานที่ที่เปิดเผย ยกตัวอย่างสถานีตำรวจ เวลากลางคืนไม่มีใครอยู่ถือว่ามีความเสียหายต่อหน้าธารกำนัล ยืนยันว่า ขอให้ทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ส่วนกรณีแท็กซี่ที่รับผู้เสียหายอายุ 18 ปีมาให้การนั้น ถือเป็นพยานเป็นพยานแวดล้อมที่มีประโยชน์ต่อรูปคดี

ส่วนกรณีที่ทางพนักงานสอบสวนยังไม่มีแจ้งข้อกล่าวหานั้น พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน มีบางประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม รวมถึงคดีกล่าวโทษร้องทุกข์เพิ่มเติม ส่วนในพื้นที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบแล้วในคดีแรกที่แจ้งวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนคดีอื่นที่เกี่ยวข้องนั้นพนักงาน สน.ลุมพินี จะดำเนินการรับแจ้งความร้องทุกข์ หากเวลานานแต่อยู่ในอายุความก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ แต่ต้องพูดตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต้องใช้ความพยายามในการค้นหาหลักฐานที่อาจจะสูญหาย เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน

ทั้งนี้ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความทั้งหมด 4 ราย 3 รายในพื้นที่ สน.ลุมพินี ส่วน 1 ราย อยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองเพชรบุรี

มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว ในข้อหากระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล (กรณีที่ลวนลามผู้เสียหายเด็กวัย 18 ปีที่ร้านอาหารย่านสุขุมวิท และมาแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 12 เม.ย.)โดยศาลขอพิจารณาหลักฐาน 1 วัน โดยคาดว่าผลการพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาจะมีออกมาภายในวันที่ 16 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ขึ้นทะเบียนบุคคลดังกล่าวในรายชื่อผู้ถูกจับตามองเพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศไว้แล้ว หากมีความพยายามเดินทางออกนอกประเทศผ่านด่าน ตม. ก็จะมีการแจ้งมายังพนักงานสอบสวน

ขณะที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า จะยังไม่ได้เข้ามาพบเจ้าพนักงานที่ สน.ลุมพินี แต่ก็รอให้พนักงานสอบสวนติดต่อมา โดยจะให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมย้ำว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา โดยบางคนที่ไปแจ้งความกล่าวหาตนเองนั้น ตนเองยังไม่รู้จักไม่เคยพูดคุยเลยด้วยซ้ำ และยืนยันว่าหลังจากนี้พร้อมพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม แม้อาจจะต้องใช้เวลา แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลโดยละเอียดทุกอย่างอีกครั้ง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่กระทบในส่วนของพรรค ส่วนจะมีการตั้งกรรมการสอบในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคที่จะเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ หากพิจารณาเห็นแล้วว่านายปริญญ์มีความผิดจริง กรณีดังกล่าวโทษสูงสุดถึงขั้นขับออกจากพรรค ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญและเน้นหนักมาโดยตลอดในเรื่องสิทธิสตรีเป็นสำคัญ

ต้านการคุกคามล่วงละเมิดทางเพศ

ส่วนประเด็นที่นายปริญญ์ลาออกจากผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก. วันนี้ พรรคจะมีการหารือในเรื่องนี้ เชื่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.ของพรรค เพราะยังมีรองหัวหน้าพรรค 9 คนที่ทำหน้าที่ดูแลอยู่

ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายปริญญ์ จะส่งผลกระทบกับพรรคหรือไม่ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว และนายปริญญ์ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งไปแล้ว เพื่อไปพิสูจน์ความจริง ซึ่งยังไม่มีคำตัดสิน ถือว่านายปริญญ์ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนี้จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รอกระบวนการยุติธรรมก่อน อย่าเพิ่งตัดสินว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะมีผู้เสียหายหลายคน จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีข้อกล่าวหาคดีคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้น  พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจในความรู้สึกทั้งของผู้เสียหายและสังคม ทั้งนี้ พรรคสนับสนุนให้ผู้เสียหายจากการถูกคุกคามหรือล่วงละเมิดดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าโดยเร็ว อีกทั้งขอยืนยันว่าพรรคจะไม่แทรกแซงหรือดำเนินการใดที่เป็นการปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน พรรคยังคงยึดมั่นในจุดยืนเรื่องการต่อต้านการคุกคามล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว การเลือกปฏิบัติ โดยพร้อมรับฟังข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอจากประชาชน อีกทั้งมีทีมนักการเมืองหญิงที่ได้ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็งมาอย่างยาวนาน ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในทุกกรณี โดยเฉพาะด้านกฎหมาย เพื่อร่วมกันเป็นกลไกในการยุติปัญหาสังคมดังกล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ผมขอชื่นชมในสปิริตของคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งรองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพรรค เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพรรค ซึ่งเป็นการเสียสละและรับผิดชอบต่อพรรค เพื่อไปต่อสู้พิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ให้ผลของข้อกล่าวหากระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์

จึงขอชื่นชมที่คุณปริญญ์ นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่รักษามาตรฐานความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ไว้ เหมือนกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยถูกข้อกล่าวหาในอดีตที่ผ่านมา และได้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งไว้ก่อน ระหว่างมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา ทั้งกรณีของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม., นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข และนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งได้แสดงสปิริตลาออกให้เป็นบรรทัดฐานมาแล้ว แม้ว่าภายหลังการสอบสวนจะไม่พบความผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม แต่ก็ถือว่าได้ทำตามมาตรฐานของพรรค ที่ยึดถือปฏิบัติมายาวนาน สมกับเป็นพรรคสถาบันทางการเมือง

"ขอขอบคุณคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ อีกครั้งหนึ่ง แม้จะเป็นสมาชิกใหม่ คนรุ่นใหม่ แต่ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวพันกับพรรคให้เป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมต่อไป".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง