พปชร.ผวาแพ้ซ้ำซาก เสียงแตกสู้ศึกเลือกซ่อม ปชป.ลุยส่งชิงสส.ราชบุรี

สะพัด! พลังประชารัฐเสียงแตกส่งคนลงสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมราชบุรี แทน "เอ๋-ปารีณา" ผวาหาเบอร์แข็งสู้ ปชป.ไม่ได้ เสี่ยงแพ้ซ้ำซากกระทบภาพลักษณ์ ชงงดส่งคนลง แต่อีกฝั่งไม่ยอมยันต้องส่งคนลงรักษาพื้นที่ "บิ๊กป้อม" นัดลงมติศุกร์นี้ "พรรคสีฟ้า" เลิกกอดมารยาทอ้างส่งคนชนพรรคร่วมรัฐบาลเหตุบริบทเปลี่ยน "ประวิตร" โวยลั่นข่าวมั่วไปอังกฤษดอดคุย "ทักษิณ" แค่หายไปหาหมอ

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ซึ่งเป็นวันแรกของการรับสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรี เขต 3 แทน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกศาลฎีกาสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งเขตเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ในพื้นที่อำเภอโพธารามและอำเภอจอมบึง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้รับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน และเลือกตั้งวันเสาร์ที่ 21 พ.ค.

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ราชบุรี เขต 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. ตรวจเยี่ยมและเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พร้อมด้วยนายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

ซึ่งพบว่ามีผู้มาสมัครในวันแรก 2 คนคือ นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนางณัฐทนันต์ นิธิภณยางสง่า จากพรรคเสรีรวมไทย  โดยทั้ง 2 คนได้ใช้วิธีตามข้อตกลงด้วยการเป่ายิ้งฉุบแทนการจับสลากในการเข้ารับสมัครเพื่อยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ กกต.

ปรากฏว่า นางณัฐทนันต์ได้เบอร์ 1 ส่วนนายชัยทิพย์ได้เบอร์ 2 หลังจากนั้นต่างแยกย้ายกันลงพื้นที่หาเสียงทันที

ดร.สุชัญญา วิมุกตายน ผอ.กกต.จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า วันแรกมีมาสมัครรวม 2 พรรคการเมือง แต่หลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีใครมาอีก ส่วนการหาเสียงจะต้องไม่ฝ่าฝืนกฎหมายที่กำหนดไว้ในการติดป้ายหาเสียง การแจกเงินซื้อเสียง การปราศรัยใส่ร้าย และจะต้องแจกเอกสารให้ผู้สมัครรับทราบเพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น มองว่าไม่น่าจะมีอะไรที่รุนแรง ประชาชนชาวราชบุรีมีการตื่นตัวในการเลือกตั้งพอสมควร ครั้งที่แล้วมาเลือกตั้งร้อยละ 81 จึงเชื่อว่าการตื่นตัวของประชาชนไม่น่าจะมีใครมาแทรกแซงได้ มีประชาชนผู้มีสิทธิในพื้นที่จำนวน 138,262 คน คาดหวังไว้ไม่อยากให้ต่ำกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรับสมัครดังกล่าว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีแกนนำและ ส.ส.ของประชาธิปัตย์มาร่วมให้กำลังใจกันหลายคน นำโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรค ปชป. รวมถึง ส.ส.คนอื่นๆ เช่น นายพิสิฐ ลี้อาธรรม, นายสุทัศน์ เงินหมื่น และนายมนตรี ปาน้อยนนท์ เป็นต้น 

นายองอาจกล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะว่าเล็งเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งซ่อมที่สำคัญ และพรรคมีบุคลากรที่มีความพร้อมที่จะลงสู่สนามเลือกตั้ง มีคุณสมบัติ มีความรู้ความสามารถมาก พร้อมที่จะทำงานรับใช้ประชาชน เป็นอดีต ส.จ. ที่ทำงานคลุกคลีกับพี่น้องประชาชนมาตลอดระยะเวลายาวนาน

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคปชป. ดูแลภาคกลาง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.ราชบุรีครั้งนี้ว่า ในส่วนของภาคกลางมีมติให้ส่งผู้สมัคร

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นพรรคร่วมรัฐบาลแข่งกันเอง แต่ช่วงหลังตั้งแต่ที่พรรค พปชร.ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้ และครั้งนี้พรรค ปชป.ก็ส่งผู้สมัครลงแข่ง นายสาธิตกล่าวว่า มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพราะระยะเวลาของสภาถึงแม้จะเกิน 180 วัน แต่ก็เกินมาไม่นาน ความสนใจของพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครลงในวาระสภาที่เหลือก็อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง ในส่วนของพรรคอื่นเข้าใจว่าคงจะไปดูปัจจัยเกณฑ์คะแนนการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ซึ่งพรรค ปชป.มีคะแนนเป็นอันดับ 2 จึงทำให้มีความต้องการของผู้สมัครที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เสนอไป ก็เป็นเรื่องของ กรรมการบริหารพรรคพิจารณา

ถามย้ำว่า ไม่ถือเป็นการเสียมารยาททางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นพรรคอื่นส่ง เพราะที่ผ่านมาเห็นผู้สมัครพรรคปชป.พรรคเดียว ไม่แน่ใจว่าจะมีพรรคร่วมอื่นส่งหรือไม่

เมื่อถามว่า เจ้าของพื้นที่เดิมเป็น น.ส.ปารีณา ประเมินแนวโน้มที่จะชิงเก้าอี้มาได้อย่างไรบ้าง หรือจะใช้ยุทธศาสตร์อะไร นายสาธิตกล่าวว่า เวลาเลือกตั้งเราก็จะต้องมียุทธศาสตร์และความตั้งใจที่จะชนะเลือกตั้ง แต่ความจริงแล้วผู้สมัครของเราก็เป็นผู้สมัครครั้งที่ผ่านมา และเขาก็ทำพื้นที่ คิดว่าพื้นฐานคะแนนเดิมและในการรณรงค์หาเสียงครั้งนี้ก็คงจะต้องทำเต็มที่ และหวังว่ามีโอกาสได้รับชัยชนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ด้วย การเมืองขึ้นอยู่กับสถานการณ์ กระแส และคู่ต่อสู้

"ครั้งนี้เป็นเรื่องของปลายสมัย เป็นเรื่องของการที่จะสามารถยึดพื้นที่ไว้ได้หรือไม่ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีบริบทความรู้สึกของคนที่แตกต่างกัน เพราะในแต่ละพื้นที่จะมีคนที่อาจจะมีพื้นฐานแนวความคิดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประชาชนในพื้นที่" นายสาธิตกล่าวย้ำ

พปชร.เสียงแตกส่งเลือกซ่อม

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า​ ในช่วงบ่ายวันที่​ 22​ เม.ย.​ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค​ พปชร.กันที่​ทำการพรรค พปชร.​ เพื่อพิจารณาเรื่องการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม​ ส.ส.​เขต​ 3​ จ.ราชบุรี​ ภายหลังจาก​ พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​ และหัวหน้าพรรคเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว​ หลังจากลาในช่วงสงกรานต์เพื่อไปต่างประเทศ​ โดยตั้งแต่​ พล.อ.ประวิตรกลับมา​ แกนนำพรรคต่างทยอยเดินทางเข้าพบกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ​ อย่างต่อเนื่อง​ และมีการพูดถึงสนามเลือกตั้งซ่อม​ ส.ส.เขต​ 3​ จ.ราชบุรีกันบ้างแล้ว​ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง​ หรือส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่​

โดยปัจจัยสำคัญในขณะนี้คือ​ คุณสมบัติของผู้สมัครที่จะต้องสังกัดพรรคการเมืองเป็นเวลา​ 90​ วัน​ ที่ทำให้พรรคหาบุคคลที่เป็นที่รู้จักในพื้นที่​และเหมาะสม​ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคได้ยาก​ แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีผู้เสนอตัวเข้ามาบ้างแล้ว​โดยไม่มีปัญหาเรื่องสมาชิกพรรค​ แต่แกนนำหลายคนกังวลว่าจะไม่เป็นที่รู้จักมากพอจนทำให้พรรคได้รับชัยชนะได้​ อีกทั้งระยะเวลารัฐบาลและสภาที่เหลือไม่ถึง​ 1​ ปี​ ก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่​ จึงทำให้มีแกนนำบางคนเสนอว่า​ให้เว้นการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม​ครั้งนี้ไปก่อน​ แม้จะเป็นพื้นที่ที่​ พปชร.เป็นแชมป์เก่า​ แต่​ผลกระทบยังน้อยกว่าส่งไปแล้วแพ้​ เพราะหากส่งไปแล้วแพ้ จะทำให้พรรคถูกมองว่าแพ้ซ้ำซาก​ คะแนนนิยมภาพรวมของพรรคไม่ดี​ หลังจากแพ้รวดมาถึง​ 3​ สนามก่อนหน้านี้​ แต่มีแกนนำบางคนเห็นว่าต้องส่ง​ เพราะเป็นพื้นที่เก่าของพรรค​ โดยในการประชุม กก.บห.ในวันดังกล่าวจะหาข้อสรุปเรื่องนี้กัน​ ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่​ พปชร.จะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม              

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงความพร้อมการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 พ.ค.ว่า ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมพร้อมการเปิดประชุมสภาว่า จะปรับการทำงานให้เป็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น จากเดิมเป็นฝ่ายตั้งรับ จะกำชับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลให้เตรียมพร้อมเข้าร่วมประชุมและเป็นองค์ประชุม ซึ่งนายกฯ ไม่กังวลต่อการเปิดสภาที่จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่า เสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ส่วนกลุ่ม ส.ส.พรรคเล็กและกลุ่มพรรคเศรษฐกิจไทยนั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหา จะไม่เป็นตัวแปรที่มีผลกระทบต่อรัฐบาล เพราะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย บอกตนว่าหากมีอะไรให้ประสานมา จึงเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดี

นายนิโรธเปิดเผยว่า ได้มีโอกาสคุยโทรศัพท์กับ พล.อ.ประวิตร ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ ได้สอบถามพล.อ.ประวิตรว่าได้เจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จริงหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรนิ่งไปพักหนึ่งก่อนตอบว่า “เขาฝากความคิดถึงแกด้วย” และถามกลับว่า เป็นผู้สื่อข่าวสำนักไหน ถามเหมือนเป็นนักข่าว 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่า พล.อ.ประวิตรได้ไปพบกับนายทักษิณที่ประเทศอังกฤษจริงๆ ใช่หรือไม่ นายนิโรธตอบว่า ท่านอำเล่น ไม่ได้ไปพบกัน เป็นการหยอกล้อเล่นๆ เท่านั้น

"บิ๊กป้อม"โวยไม่ได้ดอดพบ"แม้ว"

ด้าน พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ถึงกรณีการเดินทางไปต่างประเทศ พร้อมมีกระแสข่าวไปพบนายทักษิณว่า "ไม่ได้ไปพบ อยู่คนละประเทศ จะไปเจอกันได้อย่างไร ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยคุยกันเลยตั้งแต่ปี 2548 แล้ว (สมัยเป็น ผบ.ทบ.) และผมไม่ได้ไปประเทศอังกฤษด้วย ผมขอลาไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายที่โรงพยาบาลเท่านั้น ยืนยันไม่ได้ไปไหนเลย" พล.อ.ประวิตรระบุ

วันเดียวกันนี้ จากกรณีนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นฟ้อง กกต. กรณีถูกให้ใบส้มหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ซึ่งต่อมาศาลพิพากษาคดีแพ่งให้นายสุรพลชนะคดี และสั่งให้ กกต.จ่ายค่าเสียหายและเยียวยา รวมกว่า 64.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งสิ้นกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งการพิจารณาใบส้มของนายสุรพล โดย กกต.ประกอบด้วย นายอิทธิพร บุญประคอง, นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี, นายปกรณ์ มหรรณพ, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ กกต.กลาง ยังไม่มีผู้ใดแสดงความเห็นเรื่องดังกล่าว โดยแหล่งข่าวจากสำนักงาน กกต.เปิดเผยว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ศาลพิพากษาให้ กกต.องค์อิสระจ่ายค่าสินไหมทดแทน ต้องติดตามว่าอัยการจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ โดยในคดีแพ่ง อัยการจะมีหนังสือสอบถาม กกต.ว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ โดยมีเวลาอุทธรณ์ 30 วัน

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด กกต.สามารถอุทธรณ์ต่อได้   เมื่อถามว่าแปลกใจหรือไม่กับกรณีที่เกิดขึ้น นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่มีความเห็น แต่กกต.สู้คดีอย่างไงถึงแพ้ ผมยังงงอยู่เหมือนกัน เพราะต้องคิดก่อนที่จะมีคำสั่งออกไป เข้าใจว่า กกต.ต้องเชื่อหลักฐานที่มี แต่นายสุรพลไปงัดเอาหลักฐานอื่นที่เหนือกว่าขึ้นมา สุดท้ายแพ้คดี” ส่วนที่สื่อถามสุดท้ายแพ้คดีใช้เงินใครควักนั้น กกต.แต่ละคนที่ออกคำสั่งไปไม่ได้สั่งโดยเถยจิต หรือเจตนาร้ายเป็นส่วนตัว เป็นการทำในหน้าที่ราชการ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเมื่อเร็วๆ นี้  กกต.มีมติยกคำร้องกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้เอาผิดนายอุตตม  สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฐานเจตนารับรองการส่งนายสิระ เจนจาคะ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า ใน กกต.ชุดที่ผ่านๆมา หากพบว่าผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นอกจาก กกต.จะมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้สมัครฐานรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังลงสมัครแล้ว ยังมีมติให้สำนักงานแจ้งความดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือรับรอง​ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งให้กระทำความผิดตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ได้วางบรรทัดฐานไว้

ซึ่งกรณีนายสิระ ก่อนหน้านี้ กกต.มีมติให้สำนักงานแจ้งความดำเนินคดีฐานรู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังลงสมัคร แต่การพิจารณากรณีนายอุตตมะ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐขณะนั้น ลงนามหนังสือรับรองส่งนายสิระลงสมัคร สำนักงานก็มีการเสนอแนวปฏิบัติของ กกต.ที่ผ่านมา ที่มีมติให้ดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคในฐานผู้สนับสนุนผู้สมัครกระทำความผิด รวมถึงแนวคำพิพากษาศาลฎีกาต่อที่ประชุมเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย แต่ กกต.ก็มีมติยกคำร้องด้วยเหตุผลดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง