สยองพท.แลนด์สไลด์ สุเทพผวาซํ้ารอย‘แม้ว-ปู’โกงชาติ‘อดุลย์’ยุ‘ป้อม’เสียบนายกฯ

“บิ๊กป้อม” ปัดตอบเหตุพรรคเล็กไม่ได้พบ “เสี่ยเฮ้ง” แจงไม่ได้นัดล่วงหน้า บอกสัมพันธ์พรรคเล็กดีอยู่ “สมศักดิ์” ลุยสร้างความสามัคคีใน พปชร.  “แรมโบ้” ไขก๊อกพรรครวมไทยสร้างชาติ “สุเทพ” สยอง พท.ประกาศแลนด์สไลด์ ชี้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ต้นตอทุจริตประเทศแสนล้าน ไม่เคารพกฎหมายหนีคุกไปต่างประเทศ หวั่นซ้ำรอยอีก “อดุลย์” เตือนสติ “โทนี่” เร่งเครื่องขี่ “อุ๊งอิ๊ง” กลับบ้านจะเป็นชนวนขัดแย้งรอบใหม่ แนะ “ประวิตร”เสียบเก้าอี้นายกฯ แทน “บิ๊กตู่” หลังพาบ้านเมืองลงเหวมา 8 ปี “ทนายนกเขา-จตุพร” จับมือสมานฉันท์เพื่อแผ่นดินไทย

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีพรรคเล็กอ้างว่าต้องการเข้าพบ แต่ยังไม่ได้เข้าพบ โดยได้เดินขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ ทันที

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. ชี้แจงเรื่องที่กลุ่มพรรคเล็กไม่ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตรเพื่อรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า เพราะ พล.อ.ประวิตรไม่ได้นัด แต่พอพรรคเล็กกินข้าวเสร็จก็อยากจะไปหาเนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทย แต่เมื่อวาน (27 เม.ย.) จังหวะไม่ทันจึงทำให้มีปัญหา เพราะ พล.อ.ประวิตรเองก็มีนัดหลายนัด จึงไม่สามารถสะดวกในทันที

 “พรรคเล็กต่างๆ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และยกมือให้เราทุกครั้งอยู่แล้ว ซึ่งชัดเจนอยู่ไม่มีอะไร ซึ่งถ้าถามว่าผมเป็นคนประสานงานกับพรรคเล็กหรือไม่ ต้องยอมรับว่าพรรคเล็กกับผมสนิทกัน การที่เราคุยกันเราคุยกันแบบสัจจะลูกผู้ชาย เราคุยกันตรงๆ ไม่ได้มีอะไรอ้อมค้อม ผมไม่มีกล้วย” นายสุชาติกล่าว

ส่วนนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทรักธรรม ยอมรับว่าการไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร ทางกลุ่ม 16 ส.ส.มีน้อยใจบ้างนิดหน่อย และคงไม่พบแล้ว ถ้ามีอะไรสื่อถึง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องผ่านไปทางนายสุชาติ เพราะหลังจากที่ข่าวออกไปว่า พล.อ.ประวิตรไม่ให้เข้าพบ นายสุชาติก็โทร.มาคุยด้วย บอกว่าจะเป็นคนประสานนายกฯ ให้

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พปชร. กล่าวถึงเป้าหมายในการทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งว่า เป้าหมายแรกคือการทำให้พรรคแข็งแกร่ง สร้างความรักความสามัคคีกลมเกลียว เมื่อเราทำได้พรรคจะมีพลัง บางทีคนอาจจะคิดถึงการมี ส.ส.จำนวนมาก มีคะแนนเสียงมาก แต่ตรงนี้คือปลายยอด เราควรทำตั้งแต่ล่างสุดของลำต้นขึ้นมาแล้วไปปลายยอด สิ่งสำคัญคือนโยบาย แนวคิดของพรรค ต้องโชว์ออกมาให้เห็น แต่วันนี้พรรคเรายังเป็นรัฐบาลอยู่ เราจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่อีกเกือบ 1 ปี ให้ประชาชนรู้ว่าเราเป็นห่วงเป็นใย ต้องทำให้พวกเขาเห็นว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง

 “เราต้องรีบรวบรวมความรักความสามัคคีโดยเร็ว ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เราต้องเปิดอกเปิดใจคุยกัน เราจะผลักดันนโยบาย ผลักดันทำให้ได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือความสามัคคี หากเราทะเลาะกันเอง คนก็จะพึ่งหวังจากเราไม่ได้ หากเราหลอมรวมกันได้ในระยะเวลาอันสั้น การเลือกตั้งก็จะไม่มีปัญหา" ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.คนใหม่กล่าว

ด้าน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเศรษฐกิจไทย วันที่ 29 เม.ย.ว่า เป็นการประชุมตามวาระปกติ ที่ต้องมีการประชุมประจำปีไม่มีวาระพิเศษ ส่วนการทาบทามทีมเศรษฐกิจที่จะมาเปิดตัวในเดือน พ.ค.นี้กำลังทำอยู่

ถามถึงกระแสข่าวมีชื่อนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ มาร่วมทีม พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า รอสักพัก ยังไม่มีอะไร ขอรออีกนิด

แรมโบ้ไขก๊อกพ้นพรรค

วันเดียวกัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มีข่าวเรื่องคลิปเสียงตนกับนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ นั้น เพื่อแสดงความชัดเจนในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง และเพื่อให้ภาพพจน์และการขับเคลื่อนของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นไปในทางที่ดีในสายตาประชาชน ไม่ให้เกิดความด่างพร้อยเสียหายต่อทางพรรค และความลำบากใจต่อคณะกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นไป

 “จากนี้ผมจะไปขับเคลื่อนชมรมเครือข่ายปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมกับนายอานนท์ แสนน่าน และอดีตกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กลับตัวกลับใจตั้งหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย ในการปกป้องสถาบัน” นายเสกสกลกล่าว  

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ระบุถ้าพรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศ 8 ปี จะไม่มีคนอยากย้ายประเทศ อีกทั้งจะทำให้ประเทศเจริญมั่งคั่งว่า ระบอบทักษิณที่ทำให้ประเทศทุกข์ยากลำบากกันอยู่จนทุกวันนี้ จำได้หรือไม่ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้สถาปนาระบอบทักษิณ ได้เข้ามามีอำนาจบริหารประเทศติดต่อกันหลายปี ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา และได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนแสนสาหัส ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ลูกหลานตัวเอง โกงชาติโกงบ้านเมืองไปเป็นแสนล้าน ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่เคารพต่อกฎหมาย ประกาศว่าจะทำสงครามกับยาเสพติด ฆ่าคนไป 2,500 คน คนดีไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองพลอยตายไปไม่รู้เท่าไร ทำเรื่องที่เสียหายให้กับประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องทุจริตในยุคนั้นมากที่สุด ประชาชนทนไม่ได้ จึงได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองออกมาเดินขบวนต่อต้านระบอบทักษิณทั่วประเทศ

“เลือกตั้งก็โกงจนในที่สุดถูกยุบพรรคไทยรักไทย เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคพลังประชาชนก็ยังโกงเลือกตั้งอีก และถูกยุบพรรคอีก จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ลืมว่าพรรคเพื่อไทยทุกวันนี้รากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณที่เราไม่สามารถไว้วางใจได้ว่า ถ้าเขามาบริหารประเทศแล้วจะทำให้ประเทศมั่งคั่งร่ำรวยเจริญ ไม่มีคนอยากย้ายประเทศ” นายสุเทพระบุ

ประธาน มปท.กล่าวว่า ได้รับฟังสิ่งที่น.ส.แพทองธารพูด ก็อยากบอกว่า อย่าลืมความหลัง เพราะเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง ถ้าระบอบทักษิณไม่สร้างความเลวร้ายขึ้นในประเทศ บ้านเมืองเราจะเจริญและสุขสบายมากกว่านี้ สิ่งที่ทำร้ายประเทศไทยมากที่สุดคือการทุจริตคอร์รัปชัน สมัยนายทักษิณทุจริตคอร์รัปชันจนศาลตัดสินลงโทษจำคุกก็หนีไปต่างประเทศ แล้วก็เอาคนของตัวเองออกมาก่อเหตุ ก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมือง ฆ่าประชาชน ฆ่าตำรวจ ฆ่าทหาร พอถูกดำเนินคดี ก็เอาพวกตัวเองที่อยู่ในสภา ออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะลบล้างความผิดทั้งหมด อีกทั้งยังจะลบล้างความผิดให้นายทักษิณที่หนีคดีทุจริตเพื่อให้กลับประเทศมาอย่างเท่ๆ ไม่ต้องติดคุกอีก

ทักษิณจุดชนวนขัดแย้งใหม่

“วันนี้ประเทศขาดงบประมาณในการบริหารรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำงานหน้าเขียวหน้าแดงทุกวัน เงินทองไม่คล่องมือ เพราะเหตุคนในระบอบทักษิณทุจริตฉ้อโกง โกงชาติโกงประชาชนไปทั้งสิ้น นี่ประกาศว่าเลือกตั้งคราวหน้าจะต้องแลนด์สไลด์ จะต้องเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวมาบริหารประเทศ ผมสยองเลย กลัวเลย เพราะเห็นมาแล้ว พี่ชายเป็นนายกฯ ก็โกง น้องสาวเป็นนายกฯ ก็โกง และถ้าลูกสาวมาเป็นนายกฯ อีก แล้วก็โกงอีกจะทำอย่างไร ผมไม่อยากเดินขบวนอีกแล้ว วันนี้เราต้องเปลี่ยนรูปแบบวิธีการต่อสู้ เขาต่อสู้โดยผ่านทางโซเชียลมีเดีย พวกเราคนรักชาติบ้านเมืองก็ต้องสู้กันโดยโซเชียลมีเดีย” ประธาน มปท.กล่าว

ส่วนนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า การเมืองไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง เนื่องจากผู้นำรัฐบาลไร้สภาพการนำและเกิดวิกฤตรอบด้าน หากปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ประเทศชาติจะยิ่งถอยหลัง และเกิดวิกฤตทุกด้านสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองเกินกว่าที่ใครจะกอบกู้หรือเยียวยาได้

นายอดุลย์ได้ขอเสนอแนวทางแก้ไข 1.พล.อ.ประยุทธ์หมดสภาพความเป็นผู้นำประเทศไปแล้ว เพราะอยู่ในอำนาจมา 8 ปี มีแต่ทำให้ประเทศถอยหลังแทบทุกด้าน เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ไม่มีปัญญาแก้ไข โควิด-19 ก็ไม่มีวันจบ สร้างความแตกแยกของสังคมร้าวลึก พรรคร่วมรัฐบาลก็ขาดความเป็นเอกภาพ กองหนุนก็หดหายลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะเหลือเพียง พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวที่ไม่มีใครอยากคบด้วย 

2.พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ของพี่น้อง 3 ป. ผู้ผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ก็รับทราบดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ บริหารบ้านเมืองล้มเหลว หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกต่อไป บ้านเมืองจะเกิดความเสียหายเกินจะเยียวยาได้ ในสภาพการณ์ปัจจุบัน ไม่มีบุคคลใดที่จะนำพาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบบรัฐสภาได้ มีแต่ลุงป้อมเท่านั้นที่เป็นบุคคลมากด้วยบารมี ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ลงจากอำนาจได้ หากลุงป้อมเป็นนายกฯ เอง น้องตู่ก็หมดกังวลใจ แต่ถ้าลุงป้อมไม่กล้าเป็นนายกฯ แทนก็คงต้องร่วมรับผลกรรมที่น้องตู่ทำไว้กับบ้านเมืองทุกประการ

3.การที่พรรคการเมืองใดต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแกนนำสภาที่ 3 ย่อมสามารถทำได้ เช่น พรรคเศรษฐกิจไทย โดยหากคำแนะนำนั้นเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน ซึ่งแนวทางของสภาที่ 3 ต้องการสร้างความสามัคคีปรองดองกับคนในชาติ โดยมีรัฐบาลช่วยชาติ ซึ่งนำบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ แล้วแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เป็นประชาธิปไตย ก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน หากพรรคเศรษฐกิจไทยร่วมผลักดันให้เกิดแนวทางนี้ได้ ก็จะเกิดคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง 4.กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่ง น.ส.แพทองธาร บุตรสาว เข้าสู่การเมือง และผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับตัวเองและน้องสาวนั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ผลลัพธ์หลังจากนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่

“นายทักษิณคือคู่ขัดแย้งที่การต่อสู้กันทางการเมืองยังไม่ยุติ และยังมีคดีติดตัวอยู่ หากหวังให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วนำนายทักษิณกลับประเทศแบบเท่ๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ซ้ำรอยอีก ถ้าอยากกลับบ้าน ต้องรู้จักอยู่ให้เป็น สนับสนุนให้คนในชาติเกิดความสามัคคีปรองดองกันก่อน แล้วหลังจากนั้นก็จะมีช่องทางให้นายทักษิณกลับบ้านโดยไม่เกิดความขัดแย้ง” ประธานญาติวีรชนพฤษภา’35 ระบุ

ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) เดินทางมาหารือสถานการณ์ประเทศ “สมานฉันท์เพื่อแผ่นดินไทย สานสามัคคีทุกฝ่าย เพื่อรับมือภัยของชาติ และร่วมกันต้านภยันตรายจากต่างประเทศ” ร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์, นายไทกร พลสุวรรณ, นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ และนายยศวริศ ชูกล่อม แกนนำกลุ่ม

จากนั้นนายนิติธรกล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งของประเทศนับแต่ พ.ศ.2475 จนถึงวันนี้ ประชาชนยังต้องแบกรับกรรมมากว่า 90 ปี เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ประชาชนเผชิญทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความแตกแยก กลุ่มทุนผูกขาด แม้ประชาชนต้องการความกินดีอยู่ดี ความเป็นธรรม แต่ฝ่ายการเมืองตอกย้ำ ทำให้เกิดความแตกแยกตลอดเวลา เพื่อประโยชน์ทางการปกครอง

ด้านนายจตุพรกล่าวว่า ปัญหาภายในความเหลื่อมล้ำ ปัญหาเศรษฐกิจ คนไทยต่างได้ซึมซับจากการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ การนำพาประเทศไปเสี่ยงภาวะสงคราม โดยอนุสัญญายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกาเพื่อต่อต้านประเทศจีนนั้น ประเทศไทยไม่ควรอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง