ฝ่ายค้านเสวนารุมสับรบ. อึ้ง98%มึนหน้าที่ในรธน.

ฝ่ายค้านพบประชาชน รุมสับรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี “มาร์ค” รับโจทย์ยาก จะตรวจสอบถ่วงดุลคนที่มาจากการเลือกตั้งอย่างไรไม่ให้โกง ผงะ! ผลโพลประจานคนไทย 98% ไม่รู้หน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่โรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จ.ชลบุรี สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชนทั่วไทย ทวงคืนอำนาจประชาชน เวทีที่ 3 โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ประชาธิปไตยเสื่อม  ประเทศโทรม แรงงานสิ้นหวัง" ตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญที่บัญญัติขึ้นมาส่งผลให้เกิดวิกฤตกับประชาชน รัฐธรรมนูญเปรียบเหมือนหัวใจของมนุษย์ ทำให้วันนี้พวกเราเสมือนมนุษย์ที่มีหัวใจพิการ และร่างกายยังถูกล่ามโซ่ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำให้พี่น้องประชาชนตกอยู่ในภาวะสิ้นหวัง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาธิปไตยเสื่อมหมายถึง ระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้ ซึ่งระบบแบบนี้ทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่สนใจที่จะตอบสนองประชาชน  เพราะมี ส.ว. 250 คนคอยสนับสนุน ไม่ต้องง้อ ส.ส. หรือฟังเสียงประชาชน

 น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยของประเทศกำลังเสื่อมถอย เรามองเห็นรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพ แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง บังคับใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยถดถอย

“วันนี้คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่นั่งกอดเก้าอี้นั่งรากงอกมา 8 ปีแล้ว กำลังโดดเดี่ยว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไร้ซึ่งความศรัทธาจากประชาชนแล้ว ถึงเวลาคืนอำนาจให้ประชาชนได้แล้ว" น.ส.เบญจากล่าว

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรค พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 4 เรื่องที่เป็นกลไกของความชั่วร้ายแฝงอยู่ คือ 1.การมี ส.ว. 250 คนเพื่อโหวตเลือกนายกฯ  เป็นการออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง 2.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการที่มีทหารเป็นหลัก 3.ให้องค์กรอิสระเป็นที่อยู่ของข้าราชการเกษียณ อำนาจล้น ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล 4.แก้ยากเพราะเต็มไปด้วยเงื่อนปมและกับดัก

 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า ถ้าจะทำให้ประเทศมีสันติสุขต้องประกอบด้วย ประชาชนดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องมีรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ที่ดี และต้องมีผู้นำที่ดี คือคนที่จะเป็นนายกฯ ที่ดีต้องมาจากการเลือกตั้ง พูดแล้วต้องทำให้ได้อย่างที่พูด คือมีสัจจะ ส่วนรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายมหาชนที่คุ้มครองประชาชน แต่วันนี้รัฐธรรมนูญนี้กลับมีรัฐอิสระ คือองค์กรอิสระที่มีอำนาจมากกว่า ส.ส. และมีรัฐประหารเงียบคือ ส.ว. 250 คน

 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์  พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเด็กเลี้ยงแกะ  ไม่เคยทำตามนโยบายที่ตนเองได้หาเสียงไว้ หากรัฐบาลนี้ยังเป็นรัฐบาล และฝ่ายค้านที่นั่งตรงนี้ยังต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีกสัก 2 ปี ประเทศไทยพังแน่นอน      

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย  กล่าวว่า การเมืองจะเปลี่ยนแปลงในอีกไม่นาน พี่น้องนักประชาธิปไตยอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง  เชื่อว่าไม่เกินเดือน มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์จะลาออก

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูบสภาที่ 3 ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า  การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ในแง่ของได้ความเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นสากลมากขึ้น เช่น ไม่ให้อำนาจคนที่มาจากการแต่งตั้งเข้ามาเลือกนายกฯ และรัฐบาล ตรงนี้คงไม่ค่อยมีการโต้แย้งมากนัก แต่จุดที่ประเทศไทยยังไม่สามารถหาความลงตัวได้คือ กลไกที่จะมาตรวจสอบถ่วงดุลคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ให้ทุจริต ไม่ให้ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ฝ่าฝืนกฎหมาย ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ หรือบั่นทอนกลไกต่างๆ ในสังคม ไม่ให้มีบทบาทในการมาตรวจสอบตัวเอง ตรงนี้จะทำอย่างไร เพราะถ้ากลับไปในความเชื่อที่ว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภา ก็เชื่อว่ามีโอกาสสูงมากว่าจะได้ผู้นำที่ในที่สุดเข้ามาแล้วก็ใช้อำนาจในทางไม่ชอบ แล้วก็ต้องนำไปสู่การเผชิญหน้าบนท้องถนนอีก การจะกลับไปสู่ระบบที่หวังว่าทุกอย่างจะเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมปกติคงเป็นไปได้ยาก เพราะกลไกของศาลไม่ค่อยเหมาะกับการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

“โจทย์ตรงนี้คือโจทย์ที่ยาก แต่ถ้าเราแก้ไขโจทย์ตรงนี้ได้ ก็มองว่าประชาธิปไตยไทยจะสามารถเดินหน้าไปได้  และมีโอกาสที่จะยั่งยืนมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่าในปัจจุบัน แม้มีการเถียงกันในเรื่องของรัฐธรรมนูญพอสมควร แต่น้อยคนที่จะหยิบตรงนี้ขึ้นมา” นายอภิสิทธิ์กล่าว

วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง หน้าที่คนไทยตามรัฐธรรมนูญที่มองข้าม  โดยสำรวจ 1,079 ตัวอย่าง พบว่า 97.7% ระบุว่า ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญในหมวดหน้าที่ของปวงชนชาวไทย  มีเพียง 2.3% เท่านั้นที่เคยอ่าน โดยประชาชนส่วนใหญ่ ไม่รู้หน้าที่ของตนเองตามรัฐธรรมนูญ 67.3% ไม่รู้ว่า การรับราชการทหารเป็นหน้าที่ 56.3% ไม่รู้ว่าการเสียภาษีอากรเป็นหน้าที่ 52.1% ไม่รู้ว่าการศึกษาภาคบังคับเป็นหน้าที่ 47.7% ไม่รู้ว่าการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเป็นหน้าที่ และ 37.2% ไม่รู้ว่าการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นหน้าที่

นายนพดล กรรณิกา ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นความน่าห่วงใยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญในหมวดหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ซึ่งมีความสำคัญต่อการปกครองและขับเคลื่อนประเทศในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของประชาชนกับหน้าที่ของตนเองในการปกครองของรัฐ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง