ลุงตู่ปลื้มWHO ชูไทยแก้โควิด ยอดดับลดวูบ!

ศบค.ชี้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 8,062 ราย ยอดเสียชีวิตเหลือแค่ 54 ราย แต่ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม 608 “ราชทัณฑ์” เผยไม่พบการระบาดใหม่แล้ว บิ๊กตู่สุดปลื้ม WHO ยกไทยเป็นต้นแบบลำดับ 3 สู้ไวรัส

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,081 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 8,062 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 8,038 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 24 ราย,  มาจากเรือนจำ 15 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 10,588 ราย อยู่ระหว่างรักษา 91,279 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 54 ราย เป็นชาย 44 ราย หญิง 10 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปี และมีโรคเรื้อรังรวม 98% แบ่งเป็นเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 43 ราย คิดเป็น 80% และมีอายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรคเรื้อรัง 10 ราย คิดเป็น 18% ทั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,324,850 ราย ยอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,204,483 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 29,088 ราย โดยมียอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 รวมทั้งสิ้น 134,653,094 โดส ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มเติมวันที่ 7 พ.ค.2565 รวม 252,469 โดส

 สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 8 พ.ค.2565 พบที่ กทม. 2,176 ราย, บุรีรัมย์ 274 ราย, ชลบุรี 271 ราย, สมุทรปราการ 243 ราย, ขอนแก่น 241 ราย, อุบลราชธานี 216 ราย, ร้อยเอ็ด 212 ราย, มหาสารคาม 181 ราย, นนทบุรี 172 ราย และฉะเชิงเทรา 164 ราย

ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ว่าข้อมูลล่าสุดพบผู้ต้องขังติดเชื้อยืนยันรายใหม่ 15 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับเข้าใหม่จากภายนอก จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 377 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 88.1%, กลุ่มสีเหลือง 11.1% และกลุ่มสีแดง 0.8% มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 91,785 ราย หรือ 96.7% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 94,858 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 206 ราย หรือ 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

 “วันนี้ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่เพิ่ม ในขณะที่เรือนจำ ทัณฑสถานสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและกลับมาปฏิบัติงานได้ตามปกติทั้งหมดแล้ว ในส่วนของการดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังนั้น ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 244,865 ราย หรือคิดเป็น 92.13% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 265,781 ราย” นายอายุตม์กล่าว

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.​ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมและขอบคุณหน่วยงาน  ทุกภาคส่วนและประชาชน ที่ร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยให้เป็นประเทศต้นแบบลำดับที่ 3 ของโลกในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยคณะผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกและทีมประเทศไทย พบว่าไทยมีการบริหารจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโควิด-19 มีความยืดหยุ่น ปรับตัวไปตามสถานการณ์ และเน้นการปฏิบัติได้จริง โดยพบปัจจัยสำคัญคือ 1.มีการสนับสนุนโดยผู้บริหารระดับสูงที่กำหนดนโยบายประเทศ 2.ระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็งจากการลงทุนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและระบบปฐมภูมิมาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ทศวรรษ 3.มีความร่วมมือเชื่อมต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และภาคการศึกษา รวมถึง อสม. 4.มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนและชุมชน และ 5.มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และการวิจัยเพื่อการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล 

 “นายกฯ ย้ำว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ความสำเร็จของรัฐบาลเพียงเท่านั้น แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกภาคส่วน และที่สำคัญเป็นผลมาจากการได้รับความร่วมมือที่ดีจากประชาชนคนไทยทุกคน อย่างไรก็ตาม ขอทุกคนอย่าเพิ่งประมาท ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เพื่อให้ไทยกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว” นายธนกรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง