จี้พศ.เข้มงวด สงฆ์‘นอกรีต’ เร่งฟื้นศรัทธา

“อนุชา” จี้สำนักพุทธฯ บี้ พศจ. เข้มงวดสอดส่องพระสงฆ์นอกรีต-ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามแก้ปัญหา เร่งสร้างศรัทธาต่อประชาชน   "ชวน" ใช้สื่อสภาปลุกคนไทยหยุดความงมงาย กระตุกวงการผ้าเหลือง คณะสงฆ์สังฆาธิการอย่านิ่งดูดายข่าวความเชื่อวิปริต ขณะที่กรมอนามัยตื่นสุขอนามัยสำนักพระบิดากินอึสิ่งปฏิกูล ชี้ขัดกฎหมายกราวรูด ด้าน "กาโตะ" พร้อมพบพนักงานสอบสวนสัปดาห์หน้า งานนี้มีหนาว ปปป.จ้องตรวจเส้นทางการเงินละเอียดยิบ

เมื่อวันพุธ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom meeting) สั่งการให้ พศ.หาแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หลังพบว่าช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวเชิงลบของวงการสงฆ์ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

โดยนายอนุชากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความเป็นห่วงต่อกระแสข่าวดังกล่าว จึงสั่งการให้เร่งหารือแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในวงการสงฆ์ ในฐานะที่กำกับดูแล พศ. มีหน่วยงานระดับภูมิภาคคือ พศจ. กระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงได้มีการหารือและขอความร่วมมือ พศจ. ทุกจังหวัดช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่อาจเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย ให้รีบรายงานยังส่วนกลางเพื่อดำเนินการแก้ไข เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว นอกจากนี้ ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อเร่งรัด ติดตาม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ พศจ.ทั่วประเทศทำงานเชิงรุก ป้องกันสิ่งร้ายที่คอยบ่อนทำลายและสร้างความสับสนในสังคมวงกว้าง พร้อมขอให้เร่งสร้างศรัทธากลับคืนมา อะไรที่เป็นกิจกรรมดีๆ ขอให้นำมาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การต้อนรับประธานกรรมการฝ่ายประสานงานนายกสมาคมครูปริยัติสามัญภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานรัฐสภา บทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมขอติดตามความคืบหน้าการร่างอนุบัญญัติบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม ตามที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจบุคลากรพระปริยัติธรรมต่อไป

นายชวนกล่าวตอนหนึ่งว่า ในเรื่องความเชื่อที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เช่น ข่าวพระบิดา ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ให้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาได้ให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องแก่ประชาชน เช่น กล้วยออกหัวปลีประหลาดหลายหัวไม่ใช่เรื่องที่จะไปจุดธูปขอเลข รวมไปถึงการแห่ขอเลขต้นตะเคียนทองที่จมน้ำมีอายุ 100 กว่าปี ซึ่งจริงๆ แล้วไม้ตะเคียนทองเป็นไม้เนื้อแข็ง สามารถอยู่ในน้ำได้นานอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ไปบั่นทอนความเชื่อหรือพิธีกรรมของคน เพราะไม่สามารถไปกล่าวหาใครได้ แต่เราทำได้คือให้ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งหน้าที่อย่างสังฆาธิการขออย่าดูดายในเรื่องที่เกิดขึ้น

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีข่าวการบุกเข้าตรวจสอบสำนักฤๅษีประหลาดตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะของหมู่บ้านกุดแคน จ.ชัยภูมิ ว่าเมื่อพิจารณาการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎหมาย ว่าด้วยการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขในหลายประเด็น ตั้งแต่การจัดการสิ่งปฏิกูล ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ปัสสาวะ อุจจาระ และเสมหะ เข้าข่ายเป็นสิ่งปฏิกูลตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ตามมาตรา 4 โดยกำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร หรือสถานที่ใดๆ ปฏิบัติให้ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลตามข้อบัญญัติท้องถิ่นที่กำหนดเกี่ยวกับสุขลักษณะของการจัดการสิ่งปฏิกูลตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. 2561 กรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ.2561 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท ตามมาตรา 68

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า หากพบว่ามีผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อหรือโรคติดเชื้อร้ายแรงต้องมีการจัดการมูลฝอยติดเชื้อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2545 และข้อบัญญัติท้องถิ่นด้วย กรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท ตามมาตรา 68 และกรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงว่าด้วยการกําจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันนี้

ที่ จ.ขอนแก่น ที่บ้านเลขที่ 79 บ้านโนนสะอาด หมู่ 1 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายทองทิพย์ หนันลา น้องชายของนายทวี หรือพระบิดา โดยยังคงไม่พบตัวนายทวี หลังจากที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวจากศาลจังหวัดภูเขียว โดยตนเองไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด หรือไปอยู่กับลูกศิษย์คนไหน  เชื่อว่าถ้าไม่อยู่กับลูกศิษย์ก็คงอยู่ในป่าหรือตามถ้ำต่างๆ ตามนิสัยของฤาษี

วันเดียวกัน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีของ อดีตพระกาโตะ หรือนายพงศกร จันทร์แก้ว อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ว่าขณะนี้ทางคณะพนักงานสอบสวนของ บช.ก. ได้ออกหมายเรียกอดีตพระกาโตะให้เข้าพบเพื่อให้ปากคำในรายละเอียดทั้งหมด อดีตพระกาโตะเองก็รีบติดต่อกลับมา ระบุพร้อมจะให้ข้อมูลรายละเอียดทางคดีทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดนัดหมายเข้ามาพบ โดยคาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า สำหรับหมายเรียกนั้น จะเป็นในเรื่องของคดี ยักยอกทรัพย์ กรณีเบิกถอนเงินวัดไปใช่ส่วนตัว เนื่องจากชัดเจนแล้วว่าไม่ได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ จึงถือว่าไม่ใช่เจ้าพนักงาน ซึ่งนอกจากเบิกถอนเงินจากบัญชีวัดจำนวน 6 แสนบาทไปใช้เคลียร์ข่าวฉาวแล้ว ยังพบอีกว่าเบิกถอนเงินของวัดไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นอีกหลายครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยมีการประสานขอข้อมูลไปยังธนาคารเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของอดีตพระกาโตะและบุคคลใกล้ชิด รวมแล้วกว่า 10 บัญชีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน ช่วงเวลา  06.30 น. ที่วัดคงคาเลียบ หมู่ 3 ต.ท่าซัก อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช พระธวัฒน์พล จกฺกวโร หรือ “พระย้อย” เดินทางเข้าทำการลาสิกขา โดยพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ และประกอบพิธีลาสิกขาตามขั้นตอนจนแล้วเสร็จ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง