แดงโวยคนสั่งฆ่า ไม่เคยถูกลงโทษ ทบ.:อย่าซ้ำรอย

แกนนำคนเสื้อแดงแยกวง จัดงานรำลึก 12 ปี สลายชุมนุมการเมือง “จตุพร” โอดคนสั่งฆ่าประชาชนไม่ถูกลงโทษ “ณัฐวุฒิ” ร้องปล่อยตัวนักศึกษาที่ยังถูกคุมขัง “บิ๊กทหาร” ทำบุญให้กำลังพลเสียชีวิต “ผบ.ทบ.” ย้ำไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก “เพื่อไทย” ได้ทีไล่บี้ปฏิรูปกองทัพ

 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม วันครบรอบเหตุการณ์ชุมนุมการเมืองเมื่อปี 2553 ที่มีคนเสื้อแดงเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวนมาก โดยแกนนำคนเสื้อแดง ร่วมกันจัดงานทางพิธีสงฆ์ ร่วมรำลึกถึงผู้สูญเสีย โดยที่อาคารพีซทีวี ย่านรามอินทรา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมคณะแกนนำคนเสื้อแดง และญาติผู้เสียชีวิต อาทิ นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด พยาบาลอาสาซึ่งเสียชีวิตจากกระสุนปืนที่วัดปทุมวนารามฯ โดยในงานนี้ได้นิมนต์พระมาเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับด้วย 

 นายจตุพรกล่าวว่า คนเสื้อแดงเกิดขึ้นมาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เริ่มถูกฆ่าในปี 2552-2553 ตายในเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์เกิน 100  ไม่เคยมีการนิรโทษกรรมใดๆ ให้กับทั้ง 2 ฝ่าย แต่ฝ่ายฆ่าไม่เคยติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว พวกเราพยายามทำทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดไม่ทำในการเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ไม่มีขบวนการประชาชนใดที่มีความผูกพันและได้รับความเจ็บปวดเท่ากับคนเสื้อแดงอีกแล้ว การต่อสู้มันยังดำรงอยู่ รูปแบบต่างๆ อาจยังไม่เหมือนเดิม ได้พยายามสะท้อนและต่อสู้ ภายใต้อิสรภาพอันจำกัด เพราะยังเหลือคดีในศาลอีกไม่ต่ำกว่า 5 คดี ถ้ารวมของใหม่ด้วยก็กว่า 10 คดี คดีทางแพ่งปลายทางคือล้มละลาย เป็นสมาชิกพรรคไหนไม่ได้

 “เพียงแต่ผมต้องการบอกกับคนเสื้อแดงว่า วันนี้หัวใจของเรานั้นมันไม่เคยทรยศอะไรที่ไหน อยู่ในฝั่งเดียวกัน พรรคเพื่อไทยทำไม่ถูกซัดกันในพรรค อะไรไม่ถูกก็ต้องบอกกัน ไม่มีหน้าที่ไปอวย ถ้าไปอวยไปสอพลอชีวิตจะเป็นแบบนี้เหรอ ถ้าย้ายขั้วสลับข้างจะต้องลำบากอย่างนี้หรือ  ถ้าย้ายขั้วเอาส้นตีนคิดบ้างเวลากล่าวหากู”

นายจตุพรกล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งความทรงจำ การจัดงานรำลึกแต่ละจุดไม่ได้เป็นการแบ่งแยกอะไร ไม่มีทั้งนั้น ใครถนัดตรงไหนก็ว่ากันไป ในวันข้างหน้า ไม่รู้ว่าสถานการณ์ประเทศจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้ทราบไว้ว่า ถ้าวันหนึ่งเราประเมินว่าสถานการณ์ประเทศมันไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองทั้งภายในและภายนอก วันนั้นจะมีการนัดหมายกันอีก ยังจะต้องต่อสู้

ที่ศาลาการเปรียญ วัดเสมียนนารี แกนนำคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง พร้อมกับแนวร่วมคนเสื้อแดง เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง มีการจัดพิธีสงฆ์ ทำบุญถวายสังฆทานและบังสุกุล อุทิศส่วนกุศลและรำลึก คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นการตอกย้ำความจริงเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ที่มีการสูญเสียและเจ็บปวดของทุกกลุ่ม เราเคยโดนดูถูกเหยียดหยามจากสายตาคนบางกลุ่ม แต่เมื่อคนหนุ่มสาวในปัจจุบันได้ยื่นมือแสดงความเห็นใจและโอบรับประวัติศาสตร์การต่อสู้ของคนเสื้อแดงไว้ คือเกียรติยศของประชาชนคนเสื้อแดง แกนนำพร้อมที่จะยืนหยัดบนเส้นทางนี้ มีภาระหน้าที่ในการทวงถามความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและต่อสู้คดีความมากมายที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องต่อไป

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รู้สึกสงสาร เข้าใจและห่วงใยผู้คนที่ถูกจองจำด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สิ่งที่อยากจะส่งความปรารถนาดี คือในการเคลื่อนไหว ทุกการต่อสู้ อยากให้พิจารณาเรื่องความรัดกุม ความปลอดภัย ความมีเหตุผล และความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ประกอบเข้ากับการขับเคลื่อนด้วย เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มีการทยอยเข้าเรือนจำก็ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ไม่น่าใช่คำตอบ กระบวนการยุติธรรม ตนเคารพในอำนาจตามกฎหมาย เพียงแต่เมื่อมีการพิจารณาว่ามีเด็กรุ่นใหม่ถูกจำขัง อยากจะให้เติมความเมตตาลงไปในคำวินิจฉัย และอยากให้พิจารณาเงื่อนไขต่างๆ เหมือนกับกระบวนการยุติธรรมใช้กับแกนนำหลายคนก่อนหน้านี้

ที่วัดโสมนัสฯ ศาลา 5 กองทัพบกจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่กำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยปี 2553 จำนวน 7 นาย โดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธาน มีผู้บังคับบัญชาของหน่วยที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเหตุดังกล่าวเข้าร่วมพิธี  ได้แก่ พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1, พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์, พล.ต.บรรยงค์ ทองน่วม ผู้บัญชาการกรมทหาราบที่ 9 และ พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ตลอดจนถึงผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก และญาติของผู้เสียชีวิต รวมถึงกำลังพลที่ได้เคยได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ร่วมพิธี

เมื่อปี 2553 มีการชุมนุมยืดเยื้อของคนเสื้อแดง ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค.53 จนนำไปสู่การสลายการชุมนุมและเกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ กลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ทราบฝ่าย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งทหาร ตำรวจ และผู้ชุมนุมหลายราย

สำหรับทหารที่เสียชีวิตเมื่อ 10 เม.ย.53 พื้นที่แยกคอกวัว/อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (พล.ร.2 รอ.) ประกอบด้วย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม, พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์, ส.ท.อนุพงษ์ เมืองอำพัน, ส.อ. อนุพล หอมมาลี, พลทหารสิงหา อ่อนทรง วันที่ 28 เม.ย.53 พื้นที่อนุสรณ์สถานฯ (พล.ร.9) พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ วันที่ 7 พ.ค.53 หน้า ธ.กรุงไทยฯ ศาลาแดง (ตร.) ส.ต.อ.กาณนุพัฒน์ เลิศจันทร์เพ็ญ วันที่ 19 พ.ค.53 พื้นที่สวนลุมพินี (พล.ม.2 รอ.) ส.อ.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ

พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวกับกำลังพลที่เคยได้รับบาดเจ็บว่า ทุกฝ่ายก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนใกล้ชิดบาดเจ็บและสูญเสีย ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา เพราะการใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกันไม่มีอะไรดี ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน กองทัพบกอยากจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กำลังพลที่เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อคลี่คลายจึงถือโอกาสจัดเป็นครั้งแรก

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ครบรอบ 12 ปีของการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง น่าเศร้าที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่สามารถควานหาตัวผู้กระทำผิดที่สั่งการให้เกิดการสั่งฆ่าประชาชนกลางเมือง ไม่มีการถอดบทเรียนเพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงสูญเสียที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่าสิ่งที่คนไทยอยากเห็นคือการปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจังในยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มากกว่าการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่สิ้นเปลืองทั้งงบประมาณแผ่นดินและยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ในยุคที่ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง