ขอทานเลี้ยงวันเกิด! ฝ่ายค้านจวกงบ2566/เล็งลัดคิวยื่นอภิปรายบิ๊กตู่

“ประยุทธ์” เซ็งแค่อ่านหนังสือบนเครื่องบินก็ถูกจับผิด “บิ๊กป้อม” ไม่กล้าพูดเต็มปากถึงเสียงพรรคเศรษฐกิจไทย “ฝ่ายค้าน” ประเดิมตั้งฉายางบประมาณปี 2566 เหมือนขอทานเลี้ยงวันเกิด เน้นเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก  เล็งยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนกฎหมายลูก 2 ฉบับ “พล.อ.วิชญ์” รับคิดผิดนึกว่าทำเพื่อประเทศชาติ หมอระวีปูดคนแดนไกลร่วมมือธรรมนัสหวังล้มรัฐบาล “ไผ่” เดือดโต้สร้างราคาอยากกินกล้วย

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่โรงแรมพาเลซ โฮเทล กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับทีมประเทศไทย (ทีมไทยแลนด์) ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์การอ่านกระดาษเปล่าบนเครื่องบินระหว่างเดินทางมาญี่ปุ่นว่า แค่นายกฯ อ่านหนังสือ ก็ยังนำรูปไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ หาว่านายกฯ แทนที่จะอ่านหนังสือเตรียมประชุม ทั้งที่ความจริงหนังสือที่อ่านก็เป็นหนังสือของสายการบินที่วางไว้ ก็หยิบขึ้นมาดู ส่วนแฟ้มการประชุมก็วางไว้ใกล้ๆ กัน ไม่เข้าใจทำไมหาเรื่องว่าได้ทุกเรื่อง ไม่รู้เป็นอะไรกัน บ้านเมืองประเทศไทย

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา​ อดีตเลขาฯ พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่แสดงตัวชัดเจนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าต้องไปถาม ร.อ.ธรรมนัส ตนไม่รู้

เมื่อถามว่า ยังสามารถพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พูดคุยได้ทุกคน ทุกคนในคณะรัฐมนตรี 

และเมื่อถามย้ำว่า ปัจจุบันพรรค ศท.ยังคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็คงจะสนับสนุนรัฐบาล ไม่มีอะไร แต่เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร คงไปบอกให้เขาลงมติให้รัฐบาลไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เกี่ยวๆ แล้วแต่เขา ไม่เกี่ยวกับเรา

ถามอีกว่า รัฐมนตรีของพรรค พปชร.ระบุไม่ง้อเสียงของพรรค ศท. เพราะมีเสียงพออยู่แล้ว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องไปถามคนพูด

ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งกรณีเปิดสมัยประชุมแล้วจะนัดพรรคร่วมรัฐบาลทานข้าวเพื่อกระชับความสัมพันธ์หรือไม่ว่า เราคุยกันอยู่แล้ว

และเมื่อถามถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านออกมาขู่ว่าจะคว่ำ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่มี

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะคว่ำร่างว พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่าหากไม่ผ่านจริงรัฐบาลก็ต้องยุบสภาหรือลาออก และหากยุบสภาเกิดขึ้น กว่าจะเลือกตั้ง กว่าจะมีสภา ก็ใช้เวลาอีกนาน แต่ระหว่างนั้นสามารถใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ไปพลางก่อน ซึ่งปกติสำนักงบประมาณจะต้องระบุว่าให้ใช้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ให้ใช้เต็ม แต่ก็บริหารไปได้จนกว่ามีงบประมาณใหม่ เพียงแต่โครงการใหม่ๆ จะเกิดไม่ได้ เพราะไม่มีอยู่ในบัญชี พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565  

“รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าหาก พ.ร.บ.งบฯ ไม่ผ่านแล้วต้องยุบสภาหรือลาออก แต่เป็นประเพณีปฏิบัติ แต่ทั้งยุบสภาและลาออกมีผลให้พ้นทั้งคณะ แต่รัฐบาลก็รักษาการต่อไป และเมื่อเป็นประเพณีก็ควรต้องปฏิบัติ จะลาออกก็ได้ จะยุบสภาก็ได้” นายวิษณุกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยุบสภาหรือลาออกเกิดขึ้นจริง จะกระทบต่อการพิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ก็ต้องชะงัก เพราะถ้าไม่มีสภา ก็ไม่มีการพิจารณากฎหมาย และวุฒิสภาก็ประชุมไม่ได้ ซึ่งกฎหมายลูกก็ต้องสะดุดจริง จะทำอย่างไรต่อไปขอยังไม่ตอบ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็จะอยู่บนเขียงทั้งนั้น อาทิ 1.ออกเป็นพระราชกำหนด 2.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศไปเลย และ 3. เลือกตามแบบรัฐธรรมนูญใหม่ โดยที่ไม่ต้องยืมระเบียบอะไรทั้งนั้น แต่ทุกอย่างต้องถูกถกเถียงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด และถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าใช้ไม่ได้ เอาที่เลือกกันมาก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งแต่ละทางออกก็อาจมีผู้เสียประโยชน์ทำให้ไม่ยอมรับ และเมื่อไม่ยอมรับเขาก็ไปร้อง หากร้องแล้วศาลเห็นด้วยขึ้นมาก็จะเหมือนในอดีตที่ศาลเคยตัดสินการเลือกตั้งเป็นโมฆะมาแล้ว

อัดขอทานจัดงานเลี้ยง

ส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีประชุมร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ว่าได้หารือระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน โดยมีข้อสรุปใช้กรอบเวลาตามปี 2565 ในการอภิปราย คือวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. ซึ่งขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้วิเคราะห์อย่างละเอียด และมีความเห็นตรงกันว่ายังไม่สามารถรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับดังกล่าวได้ โดยเวลาที่เหลืออยากให้รัฐบาลพยายามชี้แจง และบอกกับพวกเราว่าอะไรจะแก้ไขหรือปรับปรุงตามข้อเสนอแนะได้บ้าง ซึ่งหากรัฐบาลเปิดใจกว้างที่จะยอมรับและปรับปรุง พวกเราก็อาจรับหลักการ แต่หากรัฐบาลยังแข็งขืน คิดว่าพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถปล่อยไปได้

“เราคิดว่างบประมาณฉบับนี้เหมือนขอทานจัดงานเลี้ยง หรือขอทานเลี้ยงวันเกิดดีกว่า เพราะในสภาพที่ประเทศยากจน ไม่มีเงิน ลำบาก ฐานะการคลังถดถอยย่ำแย่ลง ต้องไปกู้มา แต่ดูการจัดสรรงบประมาณแล้ว ไม่มีช่องทางใดที่ทำให้เกิดรายได้ การอัดฉีดทุกอย่างเป็นแค่การกระตุ้นบริโภค ไม่มีการกระตุ้นการผลิต รัฐบาลไม่สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมได้ตามเป้าแน่นอน งบประมาณที่จัดลงไปมันไม่สื่อ แต่ลงไปในเชิงกระจายตามพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อรักษาสถานะของรัฐบาลไว้มากกว่า โดยซื้อใจพรรคร่วมไว้แล้วก็จัดงบไปตามนั้น แล้วก่อให้เกิดทุจริต ผมคิดว่าขอทานมาจัดงานเลี้ยงมันไม่เหมาะ ฝากให้รัฐบาลที่มีเวลาอยู่ 2-3 วัน ขอให้รัฐบาลไปทำการบ้าน แล้วมาชี้แจงให้พวกเราสบายใจ” นายสุทินกล่าว

นายสุทินย้ำว่า เราไม่ไหวจริงๆ 2 ปีที่ผ่านมาเกิดบทเรียนว่าเมื่อเราให้ผ่านไปแล้วเขาก็ไม่แก้ เราบอกให้ผ่านไปก่อนแล้วฟังเราหน่อย เขาก็ไม่แก้เลย คราวนี้ถ้าเราคิดว่าให้โอกาสแบบเดิม และคิดว่าไปแก้ในชั้นต่อไป เขาก็ไม่ทำอยู่ดี แม้ไม่ให้ผ่านก็ไม่กระทบ เพราะโดยกฎหมายใช้งบปีเก่าได้ แล้วปีเก่าน่าจะดีกว่าปีนี้ แต่อยากให้รัฐบาลปรับแก้และรับปากเราในสภา แต่ 90% เราคิดว่าปฏิเสธแล้ว และในปีนี้ยังมีงบเรื่องเรือดำนำซุกๆ ไว้อยู่

นายสุทินยังกล่าวถึงประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เดิมพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นหลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  2 ฉบับ ที่ขอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาในวันที่ 9-10 มิ.ย. แต่เมื่อเราบอกไทม์ไลน์ไป รัฐบาลก็มีท่าทียืดเวลาพิจารณากฎหมายลูกออกไป คือนำร่าง พ.ร.บ.ตำรวจขึ้นมาก่อน ทั้งที่กฎหมายลูกมีข้อจำกัดด้านเวลา พรรคฝ่ายค้านจึงคิดว่าเราไม่รอแล้ว ดังนั้นการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจเกิดขึ้นก่อนกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับผ่าน ทั้งนี้ ในวันที่ 30 พ.ค. จะประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าว

“อยากจะฝากไปยังรัฐบาลว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของเรา เราอยากจะทำเร็วอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่ต้องรอกฎหมายลูกผ่าน เราอยากให้สัมพันธ์กับทางออกประเทศ หากถูกยุบขึ้นมาแล้วกฎหมายลูกไม่มี เราก็เลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งข้อมูลการอภิปรายเราพร้อมอยู่แล้ว และกำลังเขียนญัตติ เพียงแต่ที่เราอยากยื่นหลังกฎหมายลูกผ่าน เราจะได้หลักประกันว่า เมื่อยื่นอภิปรายแล้วหากเกิดอุบัติเหตุรัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือคว่ำ เรากลัวว่าไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องรอ แต่จะยื่นหลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทั้งนี้ ต้องรอสรุปจากที่ประชุม คงจะเป็นเดือน มิ.ย.ตามที่ฝ่ายค้านเล็งไว้” นายสุทินกล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า รัฐบาลไม่ได้กังวลอะไร เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์จะใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงสิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามบิดเบือนข้อมูลต่างๆ มาโดยตลอด โดยขอให้ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลที่อ้างว่ามีเยอะให้ดี ไม่ใช่พอถึงเวลาเอาจริงก็อ้างนั่นอ้างนี่จนเหลือแต่น้ำท่วมทุ่ง

“การที่ฝ่ายค้านให้ฉายางบปี 2566 ว่าขอทานเลี้ยงวันเกิด หวังซื้อใจพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อรักษาสถานะรัฐบาลนั้น ขณะนี้ความสัมพันธ์รัฐบาลเหนียวแน่น ถ้าจะซื้อใจกันก็น่าจะเป็นการมุ่งมั่นแก้ปัญหาความเดือดร้อนโดยไม่สนใจเกมการเมืองเพื่อซื้อใจประชาชนมากกว่า” นายธนกรกล่าว

นึกว่าทำเพื่อประเทศชาติ

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขอให้พรรคฝ่ายค้านนึกถึงประชาชนเป็นหลัก อย่าเล่นแต่เรื่องทางการเมือง และที่ฝ่ายค้านมองว่างบประมาณฉบับนี้เหมือนเรียกว่าขอทานจัดงานเลี้ยงที่กระจายตามพรรคร่วม ซื้อใจพรรคร่วมนั้น เป็นความคิดของคนที่เห็นต่างจากนายกฯ ที่นำมาพูดใส่ร้าย กล่าวหา โจมตี ยืนยันว่าทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่มีใครเขาคิดเรื่องทางการเมืองในขณะนี้แน่นอน

"นายกฯ และรัฐมนตรีไม่กลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กลับกันฝ่ายค้านก็ควรนำเนื้อหาที่สร้างสรรค์มาอภิปรายด้วย ไม่ใช่ว่านำแต่เรื่องเดิมๆ มาอภิปราย เพราะประชาชนเบื่อหน่ายจะฟัง” นายชนะศักดิ์กล่าว

ขณะที่เฟซบุ๊กของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรค ศท. ซึ่งโพสต์อยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลงของประเทศในทางที่ดีขึ้นในวันที่ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ศท. มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดย พล.อ.วิชญ์ ได้ตอบกลับด้วย อาทิ คอมเมนต์ที่ระบุว่า “ไปยอมเป็นลูกน้องร้อยเอกเพื่ออะไร” ซึ่ง พล.อ.วิชญ์ตอบว่า “ในพรรคการเมืองไม่มีใครเป็นลูกน้องใครครับ ผมเข้ามาช่วยทำงานตามคำเชิญของเขา ด้วยคิดผิดว่าเขาจะทำเพื่อประชาชนครับ และประเทศชาติครับ ต้องขอโทษทุกท่านที่ผมมองคนผิดไปครับ”

นอกจากนี้ยังมีผู้คอมเมนต์ว่า “ไปเชื่อใครไม่เชื่อ เชื่อ ร.อ.” โดย พล.อ.วิชญ์ตอบว่า “ต้องขออภัยด้วยครับ ผมเองไม่ได้รู้จักกันดี มองคนผิด เห็นภาพเป็นคนทำงานคิดว่าจะช่วยกันทำงานได้ ผมตั้งใจทำงานให้บ้านเมืองมาโดยตลอด ไม่เห็นด้วยกันการที่จะมองแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ชีวิตคนเราตายไปเอาไปไม่ได้สักอย่างครับ” โดยคอมเมนต์ดังกล่าว พล.อ.วิชญ์ได้ลบในภายหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีคอมเมนต์ที่ระบุ “สนับสนุนเผด็จการนั้นหรือทำเพื่อประชาชน” ซึ่ง พล.อ.วิชญ์ตอบว่า “ผมสนับสนุนใครครับ การที่ผมไม่สนับสนุนการล้มรัฐบาล เนื่องจากอีกไม่นานก็หมดวาระต้องเกิดการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย หากรัฐบาลล้มไปตอนนี้ประชาชนได้รับผลดีอย่างไรครับ โครงการต่างๆ ที่ทำต้องหยุดชะงัก พรรคการเมืองต่างๆ เตรียมตัวไม่ทัน ท่านอยากได้นายกฯ คนนอกหรือครับ หมดวาระตามระบบเลือกตั้งตามกระบวนการไม่ดีกว่าหรือครับ ปัจจุบันมีเผด็จการอยู่ตรงไหนครับ การที่ประเทศจะดีขึ้นเริ่มที่ตัวเราก่อนทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดี ยุติความขัดแย้งเลิกแบ่งแยกฝักฝ่าย มีจิตใจเมตตาต่อกัน โตๆ กันแล้ว ควรจะตระหนักว่าทุกคนเกิดมาอายุไม่ถึงร้อยปี ช่วยกันคิดดีทำดีต่อตนเองครอบครัวคนรอบข้างกันเถอะครับ” ซึ่งการตอบคอมเมนต์นี้ พล.อ.วิชญ์ได้ลบไปในเวลาต่อมาเช่นเดียวกัน

ปูดคนแดนไกลร่วมวง

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า เหตุผลที่ฝ่ายค้านเล่นเกมคว่ำรัฐบาลเร็วขึ้น โดยอาจเกิดขึ้นตั้งแต่การอภิปรายงบประมาณ ซึ่งกำลังทำตามยุทธศาสตร์กินทีละคำ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่จะปูทางไปสู่การเลือกตั้งในอนาคต เนื่องจากปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทำให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนยุทธวิธีตีเหล็กตอนร้อน รุกเมื่อคู่ต่อสู้เพลี่ยงพล้ำ อีกข้อหนึ่ง การเดินทางไปต่างประเทศของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ทราบว่าได้มีการพูดคุยกับใครหรือไม่ เพราะเมื่อกลับมา พล.อ.วิชญ์ก็หลุดออกจากหัวหน้าพรรค ศท. และ ร.อ.ธรรมนัสก็เดินเกมเร็วด้วยการติดต่อกับกลุ่มพรรคเล็กทันที ด้วยการเซ็นชื่อเข้าร่วมกัน จึงต้องตั้งคำถามว่าหากจะไปคว่ำรัฐบาลตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำไมถึงต้องเล่นเกมเร็วตอนนี้

"การคว่ำรัฐบาลในการอภิปรายงบประมาณ ง่ายกว่าการคว่ำในอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะรัฐบาลไม่ได้ระวังตัว ไม่ได้เตรียมรับมือ รวมถึงการโหวตในสภาการลงมติคว่ำงบประมาณใช้เสียงแค่ครึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่อยู่ในที่ประชุมเท่านั้น แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่า ส.ส.จะเข้าประชุมกี่คน ก็ต้องมีเสียงมากกว่า 239 เสียงถึงจะคว่ำรัฐบาลได้ เหตุผลเหล่านี้ ผมขอเตือนให้รัฐบาลระวังตัวไว้" นพ.ระวีกล่าว และว่า มั่นใจว่าคนแดนไกล ฝ่ายค้าน และ ร.อ.ธรรมนัส เดินหน้าคว่ำรัฐบาลในเกมงบประมาณแน่นอน ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็คงต้องดูการขนกล้วยของคนแดนไกลว่าจะเยอะแค่ไหน

ส่วนนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรค ศท. กล่าวโต้ นพ.ระวีในเรื่องนี้ว่า ไม่เป็นความจริง และขอฝากไปถึง นพ.ระวี ว่าหากต้องการสร้างราคาของตัวเอง ควรใช้วิธีอื่น ไม่ควรมากล่าวหากล่าวโทษว่าพรรค ศท.จะไปล้มรัฐบาล และการเดินทางไปต่างประเทศของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้พบหรือพูดคุยกับนายทักษิณอย่างที่ถูกกล่าวหา ขอฝากถึง นพ.ระวี ว่าเวลาเดือดร้อนมาร้องขอให้ ร.อ.ธรรมนัสช่วย ไม่ควรมาทำเช่นนี้ มาเหยียบกันแบบนี้ หากอยากจะกินกล้วยก็บอกไปว่าตัวเองอยากกินไม่ต้องมาบอกว่าคนอื่นอยากกิน

 “การจัดสรรงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ก็พร้อมที่จะให้ผ่านไปได้ การตั้งธงที่จะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ตั้งแต่ยังไม่มีการพิจารณาเนื้อหาสาระร่างกฎหมายงบประมาณนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ เราต้องฟังรายละเอียดของเนื้อหาของร่างกฎหมายงบประมาณ และฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีก่อนตัดสินใจโหวต” นายไผ่กล่าว

ด้านเพจเฟซบุ๊กพรรคพลังท้องถิ่นไท โพสต์ภาพ 5 ส.ส.ของพรรค พร้อมข้อความระบุว่า…ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไทยืนยันจะลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกันเป็นหลัก

วันเดียวกัน ศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 จังหวัดลำปางใหม่ ตามที่  กกต.เสนอ เนื่องจากเห็นว่านายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งคาดว่า กกต.จะกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.2565 และให้วันที่ 9-13 มิ.ย. เป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งนายวัฒนายังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ได้ ไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง