ประยุทธ์กำชับ! การ์ดยังห้ามตก สธ.ปัดทิ้งวัคซีน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“ประยุทธ์” ยังเกาะติดปัญหาโควิด-19 ย้ำประชาชนการ์ดอย่าเพิ่งตก “ศบค.” แจงพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,976 ราย เสียชีวิตอีก 32 คน “ต่อศักดิ์” ชี้สถานบริการต้องได้ใบรับรองจาก กทม.ก่อนเปิด ย้ำทุก สน.ต้องคุมเข้ม เพราะกรุงเทพฯ ถือเป็นหัวใจของทั้งประเทศ  “สธ.” ยันแจกวัคซีน รพ.สต.หวังฉีดเข็มกระตุ้นไม่ใช่กำจัดทิ้ง
เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มิ.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,976 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,972 ราย, มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,972 ราย, มาจากเรือนจำ 1 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 4,238 ราย อยู่ระหว่างรักษา 34,898 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 32 ราย เป็นชาย 15 ราย หญิง 17 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปี และมีโรคเรื้อรัง 72% แบ่งเป็นเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 23 ราย คิดเป็น 72% และมีอายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรคเรื้อรัง 8 ราย คิดเป็น 25% และไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 1 ราย คิดเป็น 3% ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มเติมของวันที่ 2 มิ.ย.2565 รวม 89,025 โดส

ทั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,460,556 ราย ยอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,395,545 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 30,113 ราย โดยมียอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 รวมทั้งสิ้น 137,969,663 โดส

 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ยังติดตามสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในประเทศและทั่วโลก ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด เพื่อเตรียมพร้อมปรับมาตรการให้สอดคล้องกับพัฒนาการของโรคระบาดต่อไป ขณะที่ขอให้คนในประเทศยังต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่รัฐบาลและ ศบค.กำหนดต่อไป

ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมและอบรมทางไกลผ่านจอภาพ (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประกอบการสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานบริการอาบอบนวด โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น., นายไพฑูรย์ งามมุข ผอ.สนง.สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและอนามัย กทม., ผบก.น.1-9, สปพ., สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์กล่าวว่า ภาพรวมการลงพื้นที่ตรวจสอบยังไม่พบปัญหาควบคุมการปฏิบัติให้ความร่วมมือในระดับที่ดี วันนี้กำชับการปฏิบัติผู้ประกอบการ 2 ส่วนอาบอบนวด 34 แห่ง และร้านประเภทอื่น 689 แห่ง ลงระบบแอปพลิเคชัน Thai Stop Covid ให้เข้าตามแบบแผนการปฏิบัติ จากนั้นกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะตรวจสอบ แล้วออกใบรับรองผ่านการมาตรฐานการควบคุม ให้อยู่ในกรอบที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด ไม่ให้เกิดคลัสเตอร์แพร่ระบาดโควิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าว เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองนำร่องการท่องเที่ยว

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ยังกล่าวว่า ในเรื่องมาตรฐานหลักในการดูแลนั้น กทม.จะดำเนินการดูแลระยะการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโรค โดยเฉพาะการเปิด-ปิดสถานประกอบการให้ตรงเวลา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นห่วงเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก ส่วนพื้นที่มีความกังวลนั้น กรณีสถานบันเทิง มีความจำเป็นถอดหน้ากาก ถ้าผู้ให้บริการผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน การฉีดวัคซีนให้พนักงานภายในร้านไม่ต่ำกว่า 3 เข็ม รวมถึงข้อกำหนดอื่นๆ ส่วนพื้นที่อาบอบนวด 34 แห่ง ดำเนินการตามมาตรฐาน สธ. 

“กทม.เป็นตัวแทนของทั้งประเทศ หากเกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นก็จะมีผลกระทบทั้งหมด จึงมีการสั่งกำชับจาก พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ตำรวจในพื้นที่ห้ามปล่อยปละละเลยเด็ดขาด ซึ่งผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ต่อไป” 

วันเดียวกัน กรณีเพจชมรมแพทย์ชนบทโพสต์ถึงการกระจายวัคซีนโควิด- 19 ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นแผนการกำจัดหรือทิ้งวัคซีนให้หมดอายุ เนื่องจาก รพ.สต.จะเอาตู้เย็นที่ไหนเก็บ เพราะทุกวันนี้ไม่ค่อยมีคนมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วนั้น นพ.สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการ สธ.กล่าวว่า การส่งวัคซีนโควิด-19 ไปไว้ที่ รพ.สต. เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการวัคซีนได้ใกล้บ้านที่สุด ทำให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นมติของที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) มาประมาณเกือบเดือนแล้ว เนื่องจากพบว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนไม่มารับวัคซีนคือ เดินทางไม่สะดวก หรือไม่มีคนพาไป สธ.จึงส่งวัคซีนโควิด-19 ทั้งซิโนแวค, แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ไปยัง รพ.สต. ซึ่งเป็นหน่วยบริการที่ใกล้บ้านที่สุด เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลสามารถพาผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงไปฉีดวัคซีนกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน นอกจากนี้ รพ.สต.หลายแห่งยังร่วมกับท้องถิ่นออกสำรวจประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและจัดวัคซีนไปบริการเชิงรุกถึงบ้าน โดย สธ.สนับสนุนอุปกรณ์การฉีดวัคซีน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)สนับสนุนค่าฉีดวัคซีนให้กับ รพ.สต.ในอัตรา 40 บาท/เข็ม

"ไม่ใช่การระบายวัคซีนไปทิ้งแต่อย่างใด เพราะทุกวันนี้ รพ.สต.ก็มีให้บริการวัคซีนอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น วัคซีนคอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก เป็นต้น" นพ.สุเทพกล่าว

นพ.สุเทพกล่าวอีกว่า จากความทุ่มเทของหน่วยบริการทุกระดับ รพ.สต. รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการจัดบริการวัคซีน ทำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกวัน ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น ซึ่งวัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราควบคุมสถานการณ์โควิด-19 และผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้มากขึ้น และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นขณะนี้ยังมีความสำคัญมาก เนื่องจากผู้เสียชีวิตในแต่ละวันเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว และได้รับวัคซีนไม่ครบ

"การรับวัคซีนโควิดเพียง 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้น้อยมาก ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ปานกลาง แต่การฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ป้องกันการติดเชื้อได้มากขึ้น ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 93% หากฉีดเข็มที่ 4 ป้องกันติดเชื้อเพิ่มเป็น 76% และป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตสูงถึง 99%" นพ.สุเทพกล่าว

นพ.สุเทพกล่าวอีกว่า สธ.ตั้งเป้าหมายฉีดเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมมากกว่า 60% เพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้นเพียงพอ รองรับการเปิดประเทศและใช้ชีวิตได้เป็นปกติ มีความปลอดภัยมากขึ้น สอดคล้องกับมาตรการเตรียมพร้อมโควิดสู่โรคประจำถิ่นในมาตรการ 2U คือ Universal prevention และ Universal Vaccination ทั้งนี้ ภาพรวมขณะนี้มีประชาชนฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 138 ล้านโดส ครอบคลุมเข็มแรก 81.6% เข็มที่ 2 ได้ 75.7% และเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ขึ้นไปได้เพียง 40.7% จึงขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์และความจำเป็นให้ประชาชนมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้ประเทศสามารถผ่านสถานการณ์โควิด- 19 และเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นได้ต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊ง' ดูไว้! นักการเมืองต้องรักษาสัจจะเหมือน 'อภิสิทธิ์' เคยหาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในงานอีเวนต์ ”10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10“ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม