ไม่อยู่จนตายคารัง ‘บิ๊กตู่’รับเป็นนายกฯนาน ฝ่ายค้านขู่ซักฟอกทิ้งทวน

“บิ๊กตู่” ลงภูเก็ตตอกย้ำประเทศไทยมี 3  สถาบันหลัก ต้องปลูกฝังเยาวชนให้ภูมิใจและทิ้งไม่ได้ ยอมรับเป็นนายกฯ นานไปหน่อย แต่ไม่ได้อยู่จนตายคารังขึ้นอยู่กับประชาชน รัฐบาลเรียงหน้าเย้ยอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่ราคาคุย เชื่อเข้าอีหรอบเดิมใช้ข้อมูลโซเชียลตัดแปะ “นิโรธ”  หยามเหมือนแห่นางแมวขอฝน เมื่อคนทำไม่บริสุทธิ์ใจยากเกิดขึ้น “สุทิน” ขึงขังรอบนี้เด็ดทิ้งทวน เตรียมสรุป 8 มิ.ย.นี้ เผยยอดซักฟอกหดเหลือแค่ 5-6 ราย ยอมรับ 90% ฝ่ายค้านทั่วโลกใช้อภิปรายล้มรัฐบาลไม่ได้

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อรับฟังรายงานการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน และเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน

โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ทำวันนี้คืออนาคตของพวกเรา ทั้งนี้พื้นฐานประเทศเราไม่มีอะไรด้อยกว่าใคร ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเราหลายร้อยปีที่ผ่านมา ไม่มีประเทศไหนที่เราน้อยหน้ากว่าเขา สิ่งเหล่านี้จะต้องให้เกิดในจิตใจเด็กของเราให้เขาภูมิใจ หน้าที่และสิทธิมาด้วยกันเสมอ และเรามี 3 สถาบันหลักของประเทศ "ชาติ ศาสนา  พระมหากษัตริย์" สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังให้ทุกคนได้เข้าถึง ประวัติศาสตร์ ศาสนา สถาบันหลักของเรา เราทิ้งไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องงบประมาณเข้าใจว่ามีหลายส่วนที่เพิ่งมีการอภิปรายไป รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งท้องถิ่นจังหวัด ส่วนกลางต้องไปด้วยกัน หลังจากการพิจารณางบประมาณมา ถ้ามีงบประมาณที่ถูกตัดทอน เราก็จะมาเติมส่วนที่ขาดได้ในจุดที่จำเป็น นายกฯ ให้ความสำคัญกับท้องถิ่น หลายอย่างเรารู้ปัญหาอยู่ตรงไหน เราต้องช่วยกันทั้งคู่ ขอให้นายกท้องถิ่นทำให้สำเร็จในสิ่งที่พูด วันหน้าก็มาเป็นนายก

“ขอให้สิ่งที่ท่านทำเป็นกุศล ทำให้คนที่เดือดร้อนคนที่ลำบากดีขึ้น วันนี้ถึงเวลาที่ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ มากบ้างน้อยบ้างก็ว่ากันไป การที่บอกว่ารัฐบาลจะไม่ช่วย ให้แต่คนอื่นช่วยมันไม่ใช่ มันต้องไปด้วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะนี่คือแผ่นดินของเรา วันนี้ทำอย่างไรจะไปด้วยกันได้ ต้องปรับวิธีการเรียนการสอน ต้องสอนให้เด็กมีหลักคิด คนเราถ้าขาดหลักคิด ใช้ตำราอย่างเดียว วันหน้าจะคิดยาก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ทักษะอาชีพและการมีงานทํา เยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียน ทั้งนี้ในช่วงท้ายนักเรียนได้ร่วมกันร้องเพลงบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายกฯ  ได้เดินเข้าไปยังกลุ่มเด็กๆ ร้องเพลงคลอไปด้วย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำกับเด็กๆ ว่า เราต้องรู้จักว่าบ้านเกิดเมืองนอนของเราคือที่ไหน ที่นี่คือประเทศไทย และนี่คือธงชาติไทย ที่เราจะต้องร่วมกันรักเทิดทูนสถาบันชาติกันต่อไป

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนากําหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย  (Thailand Tourism Congress 2022)  และกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทย สู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน” ช่วงหนึ่งว่า  เวลาที่ทุกคนเจ็บปวด ตนเจ็บปวดกว่า เพราะตนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องแบกรับทุกอย่าง แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด  วันนี้ที่เราเดินมาถึงวันนี้ได้ เพราะเรามีหัวใจดวงเดียวกันที่จะทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้า สิ่งที่มาพบกันในวันนี้ คือมาให้กำลังใจ

ไม่อยู่จนตายคารัง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศเราจำเป็นต้องสืบสาน  รักษา ต่อยอดในทุกเรื่อง เรามีของดีของเราอยู่แล้ว เรามีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี และอย่าลืมรอยยิ้มของพวกเราซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ใครๆ ก็รัก นายกฯ อาจจะยิ้มน้อย หน้าตาดุมาก เพราะคุ้นเคยกับชีวิตที่ค่อนข้างจะเครียดและเจอกับปัญหามาตลอดทั้งชีวิต แต่มาเจอกับพวกเราวันนี้ขอยิ้ม

 “ไม่มีใครจะแก้ปัญหาได้เพียงลำพังทั้งสิ้น ถ้าดีท่านเอาไปเลย ถ้าไม่ดีผมรับผิดชอบเอง” เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์พูดมาถึงตรงนี้ก็มีเสียงตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับกล่าวว่า “ผมสู้มาตลอดอยู่แล้ว สู้จากวันนั้นจนถึงวันนี้"

ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “นายกฯ เป็นคนที่นึกถึงคนอื่นเสมอ อยากให้ทุกอย่าง วันนี้มาก็ให้หัวใจคนภูเก็ตไปหมดแล้ว ผมไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน แต่อาจจะเป็นนานหน่อย แต่มันก็ทำให้งานมันเดินเพราะเรามียุทธศาสตร์ แต่ผมไม่ได้อยู่จนตายคารังเสียเมื่อไหร่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนอยู่แล้ว แต่ในขณะที่อยู่ก็ขอให้ช่วยกัน  ผมพร้อมที่จะยิ้มให้กับทุกคน ความจริงผมเป็นคนใจดีนะ  ขอบคุณมากๆ ผมมีความตั้งใจ มีความพยายามสูง แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่เราช่วยกัน”

ขณะเดียวกันยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองเกี่ยวกับ 7 ส.ส.งูเห่าพรรคพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่โหวตสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 โดย  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไม่ตอบคำถามถึงท่าทีของ 7 ส.ส.งูเห่า ว่าจะทำให้รัฐบาลมั่นใจหรือไม่ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ  กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล จะเน้นข้อมูลที่เห็นว่ารัฐบาลทำผิดกฎหมาย และส่อไปในทางทุจริตที่มีหลักฐาน 2-3 เรื่องใหญ่ว่า เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายค้านชอบโหมโรงก่อนศึกซักฟอกทุกครั้งว่ามีหลักฐาน มีไม้เด็ด แต่เมื่อถึงเวลาอภิปรายจริงก็มักเป็นอย่างที่ประชาชนได้เห็นได้รับทราบ ว่ามีแต่วาทกรรม เสียดสี สาดโคลน

นายธนกรยังกล่าวถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป้าหมายหลักเป็นรัฐมนตรีกลุ่ม 3 ป.ว่า ขอให้ฝ่ายค้านไปคุยกันเองให้ตกผลึกก่อนดีกว่า ว่าหาข้อมูลที่อ้างว่ามีการทุจริตได้จริงหรือไม่ ควรใช้เนื้อหาเป็นตัวตั้ง แล้วค่อยสรุปว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีกี่คนแน่ ไม่ใช่เอาจำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายเป็นตัวตั้งแล้วค่อยไปหาข้อมูลเอาดาบหน้า ซึ่งสุดท้ายจะกลายเป็นการอภิปรายแบบน้ำท่วมทุ่งเหมือนที่ผ่านมา

เปรียบฝ่ายค้านแห่นางแมว

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวตอบถึงผลการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ที่ผ่านฉลุย จะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหน้ารู้สึกเบาใจขึ้นหรือไม่ว่า บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าพวกนั้นเขาก็แห่นางแมวไปเรื่อยเพื่อขอฝน  แต่ฝนก็ไม่ตก รอบนี้ก็เหมือนกัน ทั้งนี้การแห่นางแมวเป็นพิธีโบราณที่คนแห่ต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์และสุจริตเพื่อขอฝนจากฟ้า ดังนั้นหากจิตใจไม่สุจริต ไม่ถือศีลก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่ามีความคืบหน้าไปแล้วกว่า   90% หลายพรรคการเมืองยังขอสรุปความถูกต้อง โดยวันที่ 7 มิ.ย.จะได้ข้อสรุปผู้ที่น่าจะถูกอภิปรายจะเป็นรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงสำคัญๆ เช่น นายกฯ,  กระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงคมนาคม  และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งกระทรวงอื่นๆ เพิ่มเติมอีก  คาดว่าไม่เกินวันที่ 8 มิ.ย.จะได้ข้อสรุปและแถลงได้ ส่วนผู้อภิปรายยังไม่ได้วางตัวใคร และจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 15 มิ.ย.แน่นอน

“จะมีรัฐมนตรีถูกอภิปรายน้อยกว่าการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา คาดว่ามี 5-6 คน แต่เวลาที่เหลือนี้ยังมีข้อมูลงอกขึ้นเรื่อยๆ จะให้ตัดตรงไหนทิ้งก็ยังเสียดาย ส่วนข้อกล่าวหา  อาทิ 1.ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน 2.การทุจริต การหาประโยชน์เอื้อตนเองและพวกพ้อง 3.การกระทำผิดกฎหมายและผิดจริยธรรมของความเป็นนักการเมือง และ 4.ไม่ทำนโยบายที่แถลงต่อสภาไว้ หรือทำแล้วล้มเหลว” นายสุทินระบุ

เมื่อถามว่า พรรคเศรษฐกิจไทยและพรรคเล็กมีแนวโน้มร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ที่ผ่านมาก็รู้กันอยู่แล้วว่าใครควรทำอะไร แต่พรรคต้องเดินหน้ายืนบนขาตัวเองให้แหลมคมมากที่สุด ใครจะมาไม่มาเป็นประเด็นรอง  คาดว่าหลังจากยื่นญัตติจะมีการติดต่อเข้ามาขอร่วมอภิปรายด้วย ซึ่งการอภิปรายงบประมาณที่ผ่านมาก็ยังพูดไม่หมด  เพราะจะเอาข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งสุดท้าย คิดว่าครั้งนี้จะดีและสมบูรณ์กว่าทุกครั้ง

เมื่อถามว่า กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค พท.จะอภิปรายนอกสภาควบคู่กับการอภิปรายในสภา นายสุทินกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันแต่สามารถเกิดขึ้นได้

ถามถึงว่า กังวลหรือไม่กับกรณี  7 ส.ส.งูเห่าจะยกมือโหวตไว้วางใจให้รัฐบาล นายสุทินกล่าวว่า ไม่กังวลเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ สังคมก็ตัดเสียงเหล่านี้ออก จึงไม่คาดหวังกับ ส.ส.เหล่านี้อยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญอยากให้ประชาชนจับตาไปที่เนื้อหาสาระ เพราะเห็นได้ชัดได้ว่า 90% ของฝ่ายค้านทั่วโลกไม่เคยเห็นฝ่ายค้านล้มรัฐบาลได้ในการอภิปราย แต่เนื้อหาสาระต่างหากที่ทำให้รัฐบาลเสื่อม และสังคมจะลงโทษ อาจแพ้หลังจากอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือจบที่การเลือกตั้ง

รอฟังเจตนา 7 ส.ส.งูเห่า

นายสุทินยังกล่าวถึงการดำเนินการกับ 7 ส.ส.งูเห่าว่า  พรรคยังไม่มีมติอะไร เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน ตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับของพรรค ส่วนต้องขับออกจากพรรคหรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่ แต่ต้องถามเรื่องเจตนาก่อน ที่สำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์เจตนา หากมีเจตนาทำลายทิศทางของพรรคและขัดขวางการทำงานของพรรคก็ต้องว่ากันไป ซึ่งต้องดูเจตนาของเขาว่าเป็นแบบนั้นหรือไม่  ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคให้โอกาสคนเหล่านั้นมาชี้แจง

​นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุทินจะยื่นญัตติอภิปรายโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองฝ่ายค้านในระบบรัฐสภา ที่ต้องตรวจสอบถ่วงดุลการบริหารประเทศของรัฐบาล แต่ยืนยันว่านายกฯ พร้อมให้ตรวจสอบ ไม่เคยกลัวการถูกอภิปราย และสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว เพียงแต่อยากขอให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ข้อมูลต้องเป็นข้อเท็จจริง มีเนื้อหาสาระที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่ข้อมูลจากโซเชียลแล้วมาตัดแปะ กล่าวหาโจมตีรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง แบบนี้นอกจากประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ฝ่ายค้านเองยิ่งจะเสียเครดิต

นายเสกสกลยังกล่าวอีกว่า ฝ่ายค้านอ้างข้อมูลเด็ดมาโดยตลอด แต่เมื่อถึงเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มุกแป้กทุกครั้ง อย่างการอภิปรายวาระ 1 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านมา เห็นคุยโวว่าจะล้มรัฐบาลให้ได้ แต่ผลโหวตออกมา กลายเป็นว่า ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนหันมาสนับสนุน จนแกนนำพรรคเพื่อไทยออกอาการแทบกระอักเลือดไปเลย ถึงขั้นจะขับไล่ออกจากพรรค

"ผมอยากฝากไปยังฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ก่อนตรวจสอบอะไรนายกฯ และรัฐบาลควรกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เพราะขณะนี้มี ส.ส.เตรียมย้ายออกเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะรับไม่ได้ที่ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ในคอก  ที่รอให้เจ้าของคอกบงการหรือสั่งหันซ้ายหันขวา จึงแหกคอกออกมา” นายเสกสกลระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง