ไทยติดเชื้อ 2.2 พันราย ดับ 18 คน โฆษกรัฐบาลชี้รอฟัง ศบค.ชุดใหญ่เคาะแนวปฏิบัติถอดแมสก์ สธ.แนะประชาชนฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 3 เข็ม เป็นพื้นฐาน เข็มต่อไปกระตุ้นทุก 4 เดือน ลดโอกาสติดเชื้อ แนวโน้มฉีดทุกปีเหมือนไข้หวัดใหญ่
เมื่อ 15 มิถุนายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,263 ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,258 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,258 ราย, จากเรือนจำ 1 ราย, จากต่างประเทศ 4 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 2,109 ราย อยู่ระหว่างรักษา 21,581 ราย อาการหนัก 644 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 322 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 9 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 14 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย ขณะที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,490,760 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,438,793 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 30,386 ราย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการถอดหน้ากากอนามัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 เป็นประจำ ซึ่งมีการปรับมาตรการต่างๆ มากมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมแนวปฏิบัติการถอดหน้ากาก ซึ่งต้องฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เพื่อความรอบคอบ คำนึงถึงความปลอดภัย สุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้ คาดว่าประชาชนจะได้แนวปฏิบัติในที่ประชุม ศบค. วันศุกร์ที่ 17 มิ.ย.นี้
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบคำแนะนำการให้วัคซีนโควิดเพิ่มเติมว่า ประชาชนทุกคนควรฉีดวัคซีนรวมเข็มกระตุ้นอย่างน้อย 3 เข็มเป็นพื้นฐาน ส่วนการฉีดหลังเข็ม 3 เนื่องจากวัคซีนทุกสูตรประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อจะลดลงในช่วง 3-4 เดือน
ส่วนประสิทธิภาพในการป้องกันอาการรุนแรงลดลงไม่มาก จึงแนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้นหลังเข็ม 3 ได้ทุก 4 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงบุคลากรสาธารณสุข เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกปีหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถกำหนดได้ แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะต้องฉีดทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่
สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว แต่เด็กเล็กอายุ 5-11 ปี เพิ่งได้รับการฉีดเพียง 2 เข็ม จึงต้องรออีก 4 เดือน เพื่อพิจารณาข้อมูล ซึ่งการศึกษาของ ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ และ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ได้ผลตรงกันว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ในเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ภูมิคุ้มกันสูงกว่าการฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม ข้อดีคือมีระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ทำให้ฉีดได้เร็วกว่าไฟเซอร์ที่ต้องห่างกัน 8 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาในเด็กอายุ 6-11 ปี แบบครึ่งโดส 0.25 มิลลิลิตร (50 ไมโครกรัม) ห่างกัน 4-12 สัปดาห์ด้วย
นพ.โอภาสกล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนโควิดร่วมกับวัคซีนตัวอื่นในวันเดียวกันได้ หรือห่างกันเท่าใดก็ได้ ยกเว้นวัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัลเวกเตอร์และวัคซีนเชื้อเป็นตัวอื่น (เช่น วัคซีน MMR, LAJE, Varicella, Hepatitis A และ Herpes Zoster) หากไม่สามารถฉีดพร้อมกันในวันเดียวกันได้ ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 28 วัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดแผนรับมือ แรงงานเมียนมา ทะลักเข้าเมือง!
เบรก "เศรษฐา" ลงพื้นที่ชายแดนตามติดสงครามเมียนมา "หมอมิ้ง" เผยตั้ง คกก.วอร์รูมสถานการณ์
โผครม.สุทินเหนียว ‘เศรษฐา’เลิกถ่างขา
"เศรษฐา" ลั่นปรับ ครม.ไม่เงียบแน่ ระบุยังไม่มีกำหนดไทม์ไลน์
ก.ก.ชูปฏิรูปกองทัพอยู่ใต้พลเรือน
รอง ปธ.กมธ.ทหารถามกลับกองทัพมีอะไรแตะต้องไม่ได้ ชูร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหมของก้าวไกล ปฏิรูปกองทัพตัดทิ้ง "ซูเปอร์บอร์ด"
ดึงพรรคร่วมตีปี๊บ‘ดิจิทัล’ สหภาพธกส.ลุ้นกฤษฎีกา
นายกฯ เรียกแกนนำพรรคร่วม รบ.หารือ ให้ช่วยตีปี๊บแจกเงิน "ดิจิทัลวอลเล็ต" "ภูมิธรรม" เผยพรรคร่วมไฟเขียว
‘โจ๊ก’ทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ ยื่นปปช.เอาผิดนายกฯขวาง‘สุชาติ’ลาก‘ป้อม’จุ้นองค์กรอิสระ
วงแตก! "บิ๊กโจ๊ก" ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ เปิดศึกรอบด้าน ยื่นประธาน ป.ป.ช.สอบ “เศรษฐา”
ปช.อยากได้รมต.อีก1เก้าอี้ นปช.ขวาง‘บิ๊กเล็ก’รมช.กห.
"รทสช." ย้ำกลางที่ประชุมใหญ่ดีเอ็นเอ "ลุงตู่" อาสาสู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง