3นิ้วบุกทำเนียบ จี้ปล่อย‘นักโทษ’ แรมโบ้ประณาม

แกนนำสามนิ้วควง "แอมเนสตี้" บุกทำเนียบฯ ยื่นเกือบ 3 หมื่นรายชื่อจี้นายกฯ หยุดดำเนินคดีผู้ชุมนุม ปล่อยนักโทษการเมือง ขณะที่ "แรมโบ้" สุดทน ปลุก ปชช.ประณามม็อบป่วนช่วงเปิดประเทศ

เมื่อวันจันทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อม น.ส.ปิยนุช โคตรสาร ผอ.แอมเนสตี้ประเทศไทย นำรายชื่อประชาชน 28,426 รายชื่อส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  เพื่อเรียกร้องให้หยุดดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม และขอให้ปล่อยผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ในเรือนจำทุกคน ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นตัวแทนรับเรื่อง

น.ส.ปนัสยากล่าวว่า เราขอเรียกร้องให้สิทธิประกันตัวผู้ต้องขังที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในคุกตั้งแต่แรก เรื่องทางการเมืองเราต่อสู้กันด้วยอุดมการณ์และความคิด แต่เมื่อมีคนที่มีอำนาจมากกว่ามาจับขังทุกคนที่เห็นต่าง ซึ่งตนเองคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าละอายต่อชาวโลก และเป็นสิ่งที่น่าอับอายมากๆ เมื่อเราพูดว่าเราเป็นประชาธิปไตย

“ถ้าเราจะสู้กันทางความคิดก็ออกมาสู้กันข้างนอกดีกว่า อย่าจับใครไปขังอีกเลย ฝากรัฐบาลให้คิดดีๆ คิดว่าการที่ทำแบบนี้จะคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่า พวกเขากลัวความจริง กลัวความผิดของตัวเอง การต่อสู้ทางการเมืองเราสู้กันได้ด้วยความคิดและการแสดงออก อย่ามาทำแบบนี้กันอีกเลย การดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมไม่มีอะไรดี มีแต่ความอัปยศต่อคนในประเทศ” น.ส.ปนัสยาระบุ

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่แยกราชประสงค์ ตนขอเชิญชวนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่ม 3 นิ้วออกมาประณามการชุมนุม เนื่องจากทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ในขณะที่ประเทศไทยกำลังจะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น ก็เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงจะทำให้ประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ภาคธุรกิจมีรายได้ แต่มีกลุ่มม็อบ 3 นิ้วออกมาชุมนุม ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินทางเข้ามายังประเทศไทยด้วย และทำให้ประชาชนเสียโอกาสทำมาหากิน

 นายเสกสกลกล่าวว่า มองว่าการที่แกนนำออกมาเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองและยกเลิกมาตรา 112 นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะหากมีการกระทำความผิดก็ต้องได้รับโทษ หากไม่มีการลงโทษก็ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเองมองว่าหากกล้าที่จะทำความผิดแล้ว ก็ต้องกล้าที่จะถูกลงโทษเช่นกัน ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็คงไม่ยอมให้มีการยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112  เช่นเดียวกัน

นายเสกสกลระบุวา การออกมาชุมนุมในขณะนี้และจะเคลื่อนไหวมายังทำเนียบรัฐบาล ตนถือว่าเป็นการทำลายประเทศ ทำลายประชาชน ที่กำลังจะได้รับโอกาสจากการเปิดประเทศในวันนี้ ไม่นึกถึงคนทั้งประเทศ เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ดังนั้นขอเรียกร้องให้หยุดการเคลื่อนไหว รวมถึงให้ผู้อยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว ที่คิดว่าจะได้ประโยชน์จากการสนับสนุนเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง ควรหยุดพฤติกรรมนี้เสีย ให้หันมาช่วยกันทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองรุ่งเรืองบ้าง

"คนที่ออกมาก่อม็อบในช่วงนี้คงไม่มีสมองคิด ทั้งที่รู้ว่าประเทศชาติประชาชนได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากสงครามไวรัสโควิด  เศรษฐกิจเสียหายมากมาย แต่พอประเทศชาติ บ้านเมือง และประชาชนกำลังจะฟื้นกลับมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คนพวกนี้กลับมาคิดขัดขวางทำลายบรรยากาศการเปิดประเทศ สมควรที่จะเรียกพวกคนเหล่านี้ว่าเป็นพวกคนเลว พวกคนหนักแผ่นดิน คนไม่รักบ้านรักเมือง ไม่รักคนไทยด้วยกัน  คนพวกนี้เสียชาติเกิดจริงๆ ไม่สมควรเกิดมาเป็นคนไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทยแท้ๆ ยังกล้าเนรคุณอกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด" นายเสกสกลกล่าว

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับหนังสือจากปิยรัฐ จงเทพ  หรือโตโต้ จากกลุ่ม We Volunteer ที่ขอให้คณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ตรวจสอบพฤติกรรมการกระทำหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ในเหตุรำลึกการเสียชีวิตของนายวาฤทธิ์  สมน้อย

โดยนายสิระกล่าวว่า ในการประชุมของ กมธ.จะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ขอมติจากที่ประชุมว่าจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการพิจารณาหรือไม่ และหากเข้าสู่การพิจารณาจะบรรจุเข้าระเบียบวาระวันใด และจะขอเอกสารและคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใดได้บ้างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.แถลงการชุมนุมเห็นต่างทางการเมืองว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการชุมนุมทั้งหมด 4 จุด ในส่วนของกลุ่มทะลุแก๊ส โดยก่อนการชุมนุมตำรวจได้ตั้งจุดตรวจและสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 11 ราย เป็นกรณีของการพกพาอาวุธและยาเสพติดไปในที่ชุมนุม ส่วนการดำเนินคดีเมื่อคืนที่ผ่านมามีทั้งหมด 3 คดี และทำการพิสูจน์ทราบบุคคลที่กระทำผิดได้แล้วทั้งหมด 5 คน

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ล.ศ.8/2564 ที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้กล่าวหา นายณัฐชนน ไพโรจน์ ผู้ถูกกล่าวหากรณีเมื่อวันที่ 29  เม.ย.64 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทำกิจกรรมยื่นจดหมายราชอยุติธรรม พร้อมทั้งยืนอ่านกลอนตุลาการภิวัตน์ที่ศาลอาญา  โดยศาลเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) มาตรา 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 15 จึงมีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 4 เดือน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง