อ้อนไม่ทิ้งเชียงใหม่ ‘บิ๊กตู่’ปลื้มกองเชียร์เพียบ/ฝ่ายค้านลากซักฟอก5วัน

"บิ๊กตู่" ยกคณะลงพื้นที่  อ้อนรักชาวเชียงใหม่ทุกคน ลั่นไม่ใช่ศัตรูใคร ขอเลิกขัดแย้งกันเสียที บอกถ้าใครทำให้บ้านเมืองเสียหายถือเป็นกรรมเขา "ผมไม่ไปโกรธเขาหรอก" FC ลุงตู่ชูป้ายให้กำลังใจ ม็อบต้านตามไล่ให้ลาออก "ชัยวุฒิ" มั่นใจ 8-9 เดือนรัฐบาลตีกระแสนิยมคืนได้ "ธรรมนัส" ป้อง "พี่ป้อม" ไม่มีเหตุโดนซักฟอก ฉะ รมต.นั่งห้องแอร์มโนบริหารบ้านเมืองสำเร็จ "ปธ.วิปฝ่ายค้าน" ยันอภิปรายต้อง 5 วัน งัดไม้แข็งไม่เจรจา  ยึดตามข้อบังคับประชุมสภา ซักฟอกรัฐมนตรีต้องครบ 11 คน

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ตั้งแต่เวลา 07.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่เพื่อตรวจราชการ

โดยจุดแรก เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินทางด้วยรถตู้โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน 9 กด 1881 กรุงเทพมหานคร มาตรวจเยี่ยมโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ ณ ประตูระบายน้ำแม่ตะมาน ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง พร้อมกล่าวว่า โครงการนี้นายกฯ เข้ามาตั้งแต่ปี 2557 และปี 2558 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการก็อยากมาติดตามความก้าวหน้า ซึ่งวันนี้ได้ทราบว่ามีปัญหาเรื่องที่ดินที่ป่าอะไรต่างๆ เหล่านี้ ก็ได้มอบให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส รับฟังความคิดเห็นประชาชน หากสร้างเสร็จจะตอบทั้งหมด เติมน้ำ ระบายน้ำ จูงน้ำ ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรงนี้ตนให้ความสำคัญมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯ ตรวจเยี่ยมโครงการดังกล่าว ได้พบปะทักทายประชาชนและกลุ่มเกษตรกรศูนย์ข้าวชุมชนที่มาต้อนรับให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายขนาดใหญ่ข้อความว่า "รัฐบาลและชาวนาคือครอบครัวเดียวกัน ขอบคุณลุงตู่ วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ" และป้าย "ชาวเชียงใหม่ยินดีต้อนรับ" ขณะเดียวกันมีหญิงสาววัยกลางคนสวมเสื้อยืดโปโลสีขาวที่สกรีนข้อความว่า "#รวมไทยสร้างชาติด้วยคนไทยทุกคน" โดยบนข้อความเป็นภาพสกรีนการ์ตูนนายกฯ และรูปหัวใจ "#ลุงตู่ FC กองหนุนลุงตู่" พร้อมนำภาพวาดนายกฯ ร่วมเซลฟีกับเยาวชนมามอบให้เป็นที่ระลึก

ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินทางมาที่วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง ต.แม่ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เข้ากราบนมัสการพระราชวิสุทธิญาณ เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน- แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต) เพื่อความเป็นสิริมงคล พระราชวิสุทธิญาณอนุโมทนาให้พรและสนทนาธรรมกับนายกฯ พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้น้อมถวายกัปปิยภัณฑ์แด่พระครูวิบูลธรรมกิจ (บัวเกตุ ปทุมสิโร) เจ้าอาวาสวัดป่าปางกึ๊ดกิตติธรรม ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้พักฟื้นอาการอาพาธอยู่ภายในวัดป่าดาราภิรมย์ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไปนมัสการพระทันตธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว และเยี่ยมชมปูชนียวัตถุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทางวัดได้จัดแสดงไว้ภายในหอแก้วชั้นบน

เวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นประธานในพิธีเปิด FTI EXPO 2022 : SHAPING FUTURE INDUSTRIES FOR STRONGER THAILAND ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย แต่ปัญหาหลายปัญหาเกี่ยวข้องกฎหมาย ซึ่งอะไรทำได้เชิงบริหารตนจะทำให้ทั้งหมด วันนี้เราทำในช่วงแรกให้อยู่รอด ในช่วงที่ผ่านมาปลอดภัยจากโควิด ปลอดจากการล้มละลาย และเดินหน้าไปสู่ความพอเพียงที่ทุกคนมีรายได้และความยั่งยืน เพื่อทำให้รากฐานเศรษฐกิจของเราขยายตัวต่อเนื่อง

ไม่เคยทิ้งชาวเชียงใหม่

นายกฯ ยังกล่าวกระเซ้าช่วงหนึ่งด้วยว่า "พูดสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว พูดไม่ดีจะโดนโห่ด้วย" และว่า ขณะที่วางยุทธศาสตร์ ยืนยันว่าไม่ใช่รักษาอำนาจไป 20 ปี แต่วางยุทธศาสตร์เพื่อเป็นแผนและกรอบการทำงาน ซึ่งจะเห็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นมา ทั้งถนน รถไฟฟ้า และอื่นๆ

"วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักความสามัคคี เสถียรภาพ ทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่ต้องการทะเลาะกับใคร และผมทำให้ทุกคน ทำให้ทุกจังหวัด ลงแผนงานโครงการให้ทุกจังหวัด แม้ว่าจะรักผมหรือไม่ แต่ผมก็ทำให้เขา เป็นหน้าที่ของผม วันนี้เลิกกันเสียที ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย สิ่งที่ทำมาแต่สูญเปล่าไปเฉยๆ เราต้องการเห็นประชาชนก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดีแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เราต้องจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน" นายกฯ กล่าว

ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า ตนหวังว่ารถยนต์ประเทศคันนี้วิ่งไปข้างหน้า ไม่ถอยหลัง ไม่ตายอยู่กับที่ จะเป็นจะตายก็ต้องช่วยกันเข็น ส่วนใครจะนำก็ต้องว่าไป​ แต่สิ่งที่ทำวันนี้ต้องต่อเนื่อง ถ้าบอกว่าไอ้นู่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ไม่ใช่ ก็ไม่ถูก ตนไม่ได้ว่าใคร ว่าตัวเอง ตนชอบพูดหาเรื่องแบบนี้แหละ แต่พูดด้วยหัวใจ หัวใจของตนเพื่อประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ได้มีกลุ่มเห็นต่างประมาณ 20 คนมาปักหลักชูป้ายต่อต้านนายกฯ บริเวณด้านหน้า พร้อมข้อความ อาทิ "อยู่ 8 ปี อนาคตไม่มี ลาออกไป", "อนาคตไม่มี หนี้สาธารณะ", "ลุงตู่ กู้ กู้ กู้" นอกจากนี้ยังมีข้อความประชด เช่น "อยู่ยาวไป 7 ชั่วโคตร" และลงท้ายด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เป็นต้น

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังสกัดไม่ให้เข้ามาภายในพื้นที่จัดงาน และกันม็อบออกจากเส้นทางที่นายกฯ ใช้เดินทางเข้าสู่ศูนย์ประชุมฯ โดยมีรายงานว่าในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ของนายกฯ ครั้งนี้ ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง จ.เชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงดูแลความปลอดภัยและการจราจรต่างประมาณ 2,000 นาย

ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปที่โรงเรียนวัดเวฬุวัน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เยี่ยมชมผลการดำเนินงานพัฒนาทักษะการเขียนชุดคำสั่ง หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน (Coding) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ รองรับการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งถึงการมาลงพื้นที่ว่า วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติ แต่รัฐบาลก็พยายามทำให้ดีที่สุด ฉะนั้นช่วงนี้ขอให้ช่วยกันไปก่อน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ใช้งบประมาณไปมากพอสมควร ซึ่งวันนี้ตนไปหลายภารกิจ ก็พูดทั้งวัน ซึ่งตนรักชาวเชียงใหม่ทุกคน โดยทุกครั้งที่มาหรือไม่มา ตนไม่เคยทิ้งเชียงใหม่เลย ดูได้จากงบประมาณที่ผ่านมาก็ให้เชียงใหม่

"ผมไม่ใช่ศัตรูใครทั้งสิ้น ฉะนั้นวันนี้ขอให้รักกัน ปรับนิดหน่อยเพื่อไปสู่วันที่ดีกว่า บ้านเมืองอยู่ได้เพราะเรา ไม่ใช่เพราะนายกฯ ถ้าใครทำให้บ้านเมืองเสียหายนี่ถือเป็นกรรมเขา ผมไม่ไปโกรธเขาหรอก ไม่จำเป็นต้องรักนายกฯ รักกันเองนี่แหละ ยืนยันผมจะทำให้เต็มที่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ไปที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ เยี่ยมการพลิกโฉมเทศบาลด้วย Digital Transformation Municipality ทั้งนี้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึง​ คณะผู้จัดงานได้แจ้งให้ผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดไม่ใส่เนกไท เนื่องจากนายกรัฐมนตรีอยากให้ผู้เข้าร่วมงานมีลุคส์เป็น Smart​ nexture​ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวชื่นชมยกให้เป็นตัวอย่างความเข้มแข็งของการบริหารส่วนท้องถิ่น ถือเป็นความสำเร็จในการขับเคลื่อนด้านดิจิทัล นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ทำให้ง่ายต่อการติดต่อราชการ รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูลในทุกๆ ด้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯ เดินทางกลับกรุงเทพฯ

'ธรรมนัส' ซัด รมต.ห้องแอร์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันการทำกิจกรรม จ.เชียงใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นการลอกนโยบายพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่มีผู้กล่าวอ้าง เพราะเรามาทำงาน รัฐบาลต้องดูแลคนไทยทุกจังหวัดทั้งประเทศ มีโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำไว้ ก็จำเป็นต้องมาติดตามงาน ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นเรื่องของการทำงาน อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องของการเมือง

ถามว่า พรรค พปชร.จัดกิจกรรม "พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย" ลงพื้นที่เดินสายโรดโชว์ เพราะคะแนนนิยมตกหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาพรรคไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมทางด้านการเมือง ไม่ค่อยได้ออกพื้นที่ไปจัดกิจกรรม จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเหลือเวลาอีก 8-9 เดือนจะครบเทอม เราก็ต้องทำกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคการเมืองเขาทำกันอยู่แล้ว วันนี้มีพรรคไหนไม่ทำบ้าง ก็ทำกันทุกพรรค เชื่อมั่นว่าในสิ่งที่ทำมาทั้งในนามพรรคและในนามรัฐบาล เรามาถูกทางแล้ว

"เราคือตัวจริงที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ อยู่ที่ว่าเราทำการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน ก็เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐต่อไป" รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงทิศทางโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ได้ตัดสินใจไปแล้ว และสมาชิกพรรคก็ตามตน แต่ไม่ใช่ตามเพราะคำสั่ง แต่ตามเพราะเหตุผลที่เห็นหลักฐานหลายอย่างในการทุจริตของรัฐบาล ถ้าหากพรรคเศรษฐกิจไทยยังไปสนับสนุนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเหล่านี้ สมัยหน้าประชาชนเขาไม่เลือกเราหรอก เสียงสะท้อนจากประชาชนที่ตนไปหาเสียง จ.ลำปาง เขารับไม่ได้จากพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรีหลายคน

ถามถึงกรณีการโหวตไว้วางใจให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้กำกับดูแลกระทรวงไหนเลย เป็นรองนายกฯ คนเดียวที่ไม่มีกระทรวงหรือหน่วยงานราชการเป็นของตัวเองเลย ดังนั้นจะไปอภิปราย พล.อ.ประวิตรเรื่องอะไร ถ้าจะเอาเรื่องเก่ามาพูด ตนไม่เห็นด้วย เพราะก็โดนอภิปรายมาทุกสมัยแล้ว

"กรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ยังยืนยันว่ามีการทุจริตในกรมน้ำนั้น กรมดังกล่าวเป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สิ่งแรกเจ้ากระทรวงต้องรับผิดชอบ ขณะที่ พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯ ไม่ได้กำกับดูแล ตนไม่ได้เข้าข้างพล.อ.ประวิตร แต่พูดถึงเนื้อหาสาระ" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ถามถึงการโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจได้หรือยัง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในส่วนของนายกฯ ขณะนี้ตนยังไม่เห็นสาระในการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล หากรัฐมนตรีหลายรายโดนสอย หรือเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้นายกฯ จะยังอยู่ในหน้าที่ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ

 “รัฐมนตรีอาจมองว่าทำผลงานสำเร็จ ทำโน่นทำนี่ทำเยอะแยะ แต่ผลของการกระทำของพวกคุณ ประชาชนเขาได้ประโยชน์อะไรบ้าง เขาเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ดังนั้นอย่านั่งในห้องแอร์แล้วมโนเองว่าบริหารบ้านเมืองสำเร็จ ทำอะไรเยอะแยะมันไม่ใช่ มันต้องดูว่าผลของการกระทำเกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และประชาชนหรือไม่ ผมไม่ต้องการมานั่งด่าใคร แต่มันเป็นเสียงที่ประชาชนสะท้อนออกมาให้ ส.ส.ตั้งกระทู้ถามในสภาหน่อย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ฝ่ายค้านยันซักฟอก 5 วัน

ด้านนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะผู้ทำหน้าที่ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม หรือทีมปราบมารของพรรค กล่าวว่า ในการอภิปรายครั้งนี้เราตั้งชื่อว่า สงครามครั้งสุดท้าย จะใช้ตำราพิชัยสงคราม โดยวางตัวเองเป็นทัพหน้าและให้ทีมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นปีกซ้าย ส่วนพรรคภูมิใจไทยเป็นปีกขวา สำหรับนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล จะเป็นทัพหลวง และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์  ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นทัพหลัง ตั้งเป้าหมายไม่ปล่อยให้ฝ่ายค้านล่วงล้ำเกินกว่าข้อบังคับกำหนด

"หากอภิปราย 2 วันยังวนอยู่ในอ่าง จะขอเวลา 4-5 วันไปทำไม และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่องครักษ์พิทักษ์รัฐบาลหากทำหน้าที่เป็นตัวป่วน ไม่เป็นตามข้อบังคับ ก็จะทำให้เสียคนได้เหมือนกัน แต่หากทำหน้าที่ตามข้อบังคับ เชื่อว่าประชาชนจะชื่นชมเข้าใจ ซึ่งถือว่าเป็นการโชว์คุณภาพของฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันก็เป็นการโชว์การทำงานของรัฐบาลในคราวเดียวกัน" นายสายัณห์กล่าว

วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงข่าวกรณีการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ฝ่ายค้านได้เตรียมข้อมูลมาตลอด จนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรสะดุด และไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ โดยขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูลให้ชัดและคมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่คาดว่าไม่สัปดาห์นี้ก็สัปดาห์หน้าจะมีการนัดหมายเพื่อหารือเรื่องดังกล่าว

นายสุทินกล่าวว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านต้องการฝากไปบอกรัฐบาลคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการตรวจสอบตามหน้าที่ของฝ่ายค้านและตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหนึ่งปีกำหนดไว้เพียงแค่หนึ่งครั้ง ถ้ารัฐบาลขี้เหนียวเวลาในการอภิปราย ก็มองได้ว่า 1.ฝ่ายรัฐบาลพยายามด้อยค่าการตรวจสอบให้ไม่มีประสิทธิภาพโดยการลดเวลาให้การอภิปรายให้สั้นที่สุด และ 2.ฝ่ายรัฐบาลหวาดกลัวการอภิปราย โดยเห็นได้จากการบีบเวลาให้เหลือน้อยที่สุด และการตั้งองครักษ์ถึง 2 ชุด แสดงให้เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

"ฝ่ายค้านทราบดีว่าหากอภิปรายนานเกินพอดี จะไม่เป็นผลดีกับฝ่ายค้านเอง  เพราะชาวบ้านจะรู้สึกเบื่อที่จะฟัง และการที่เราขออภิปราย 5 วันและอีก 1 วันเป็นการลงมตินั้น แต่ทางฝ่ายรัฐบาลกลับบอกให้ 3-4 วัน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเจรจากันอีก และไม่ต้องให้ประธานสภาฯ นัดคุยกันให้เสียเวลา ขอให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาจะดีกว่า ที่กำหนดไว้ว่าต้องอภิปรายให้ครบจำนวนรัฐมนตรีที่ได้ยื่นไป ซึ่งครั้งนี้ก็คือ 11 คน ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขณะเดียวกันข้อบังคับก็ยังเขียนป้องกันไว้อย่างครอบคลุมว่าห้ามอภิปรายพร่ำเพรื่อ กินเวลาและซ้ำซ้อน" ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว

นายสุทินยังกล่าวกรณีพรรคเล็กเดินหน้าเรียกร้องให้ใช้วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 ว่า พรรค พท.ยังคงยืนยันใช้สูตรหาร 100 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ส่วนแนวคิดการหาร 500 นั้น เชื่อว่าขัดรัฐธรรมนูญและจะมีปัญหาในการปฏิบัติ ฉะนั้นทางเดียวคือจะต้องใช้สูตรหาร 100

ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ช่วงเย็นเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส.ส.พรรคเล็กได้เดินทางเข้าพบพล.อ.ประวิตรที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เพื่อนำเสนอความเห็นของกลุ่มพรรคเล็กว่าควรใช้วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 ซึ่ง พล.อ.ประวิตรบอกว่าไม่มีปัญหาว่าจะหารด้วย 500 หรือหาร 100 ขอให้วิปรัฐบาลไปพูดคุยกัน

"การดำเนินการของพรรคเล็กจากนี้ จะเดินหน้าพูดคุย โดยเราจะไปล็อบบี้ส.ส.ทุกพรรค และพูดคุยกับ ส.ว. เพื่อให้เห็นด้วยกับเรา โดยในขณะนี้มี ส.ว.กว่าร้อยละ 80 เห็นด้วยกับการหารด้วยตัวเลข 500 หลังจากหลายคนพิจารณาแล้วเห็นว่าการหารด้วย 100 จะขัดต่อรัฐธรรมนูญมากกว่าการหารด้วย 500 ซึ่งคาดว่าญัตติการพิจารณาร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ จะเข้าสู่การพิจารณาการประชุมร่วมรัฐสภาในช่วงเย็นวันที่ 5 ก.ค. หรือช่วงเช้าวันที่ 6 ก.ค." นพ.ระวีกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง