บิ๊กตู่เคาะสูตรหาร500 พรรครัฐบาล-สว.ขานรับ ฝ่ายค้านพล่าน!ยึด100สู้

สะพัด! "บิ๊กตู่" ส่งสัญญาณใช้สูตรหาร 500 คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์  "พรรคร่วมรัฐบาล-ส.ว." ขานรับพรึ่บ ดับฝันแลนด์สไลด์เพื่อไทย "ป้อม" ย้ำ ส.ส.พรรคยึดตามมติ "ปชป." ยอมกลืนน้ำลายปล่อยลูกพรรคฟรีโหวต "ฝ่ายค้าน" โวยหวังสืบทอดอำนาจ ลั่นส่งเรื่องถึงศาล รธน.แน่ "ก้าวไกล" ย้ำต้องหาร 100 เท่านั้น "สภา" ถก กม.ลูกเลือกตั้งสะดุด สมาชิกท้วงไม่มีเนื้อหาบัตร 2 ใบ คนละเบอร์ องค์ประชุมหวิดล่มอีก "รังสิมันต์" โวลับดาบทุกวันรอซักฟอก

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พรรคการเมือง ที่มีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระหว่างหาร 100 กับหาร 500 ว่าขอให้เป็นเรื่องของ กมธ.พิจารณา ส่วนการลงมติก็แล้วแต่สมาชิกพรรคว่าจะคุยกันอย่างไร แต่ไม่สามารถปล่อยฟรีโหวต ต้องให้ประธาน กมธ.กับวิปรัฐบาลพูดคุยกันว่าจะเอาอย่างไร

"สูตร 100 หรือ 500 ดีทั้งคู่ ผมไม่ได้มองที่ประโยชน์ของพรรค แต่มองที่ประโยชน์ของประชาชน" พล.อ.ประวิตรกล่าว 

ถามว่าสมาชิกพรรคอยากได้ความชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงมติ หัวหน้าพรรค พปชร.ย้อนถามกับสื่อว่า สมาชิกคนไหนให้ไปเรียกมา เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน คนไหนจะมาเรียกร้องเอาจากตนให้ไปเรียกมา

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล  (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า พรรค พปชร.ยังไม่ได้หารือเรื่องโหวตการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และมองเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาชั้น กมธ. ซึ่ง กมธ.เสียงข้างน้อยและเสียงข้างมากยังคงมีข้อถกเถียงเรื่องของสูตรการคำนวณอยู่ ดังนั้นเมื่อกลับมาสู่การพิจารณาในวาระ 2 ก็เป็นหน้าที่ของสมาชิกที่จะต้องร่วมกันพิจารณา การใช้สูตรหาร 100 หรือ 500 ต้องยอมรับว่ามีผลต่อการเลือกตั้งของ ส.ส. จึงเชื่อว่าทุกคนจะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ

 “ในส่วนของวิปรัฐบาลยังไม่ได้มีมติเรื่องของการโหวตสูตรคำนวณว่าจะออกมาในทางใด ขอให้เป็นเรื่องที่ กมธ.เสมอและเป็นดุลพินิจของสมาชิกรัฐสภา จากนั้นค่อยกลับมาคุยในวิปรัฐบาลอีกครั้ง”ประธานวิปรัฐบาลระบุ

ที่รัฐสภา ห้องรับรองของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อหารือถึงแนวทางในการโหวตร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในประเด็นสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะเลือกใช้สูตรหาร 100 หรือสูตรหาร 500 โดยมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. เป็นประธานการประชุม

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานวิปของพรรค  กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมถึงหลักการของคณะกรรมาธิการที่ยึดสูตรหาร 100 ว่า พรรค ปชป.ได้เสนอญัตติในการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยชูต่อกระแสสังคมว่าจะเอาสูตรหาร 100 เพราะใช้สูตรหาร 500 ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 86 และ 91 ที่สำคัญพรรคเป็นผู้เสนอขอแก้ไขประเด็นนี้เอง จึงต้องยึดหลักการตรงนี้ไว้ และวิปรัฐบาลก็ยึดตามแนวทางของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยึดสูตรหาร 100

จากนั้น นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ชี้แจงว่า ที่ตนได้แปรญัตติเรื่องนี้ไว้ เพราะมองว่าสูตรหาร 500 เหมาะสมกว่า เพราะต้องคำนึงถึงคำว่า ส.ส.พึงมี และหากใช้สูตรหาร 100 ก็อาจจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และ 94 ที่สำคัญเป็นการรักษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่า 

ทั้งนี้ หลังจากหารือได้ประมาณ 30 นาที ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้เรียกสมาชิกทำการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. จึงทำให้ ส.ส.ส่วนใหญ่วิ่งมาร่วมโหวต ส่งผลให้การประชุมหยุดชะงักไป โดยก่อนที่จะออกจากห้องประชุมพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา ได้ถามนายองอาจว่า แล้วสูตรไหนจะดีที่สุดสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายองอาจตอบว่า จะไปรู้ได้อย่างไร

ขณะที่ น.ส.บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี ได้ตะโกนขึ้นมาว่า ประเด็นนี้เรามีการพูดคุยมา 2 วันแล้ว ถ้ายังไม่จบก็ปล่อยให้ฟรีโหวตแล้วกัน จึงทำให้ ส.ส.ส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้อง ก่อนที่จะแยกย้ายลงมาโหวตร่างกฎหมายในที่ประชุมใหญ่

 หลังจากกลับมาประชุมอีกครั้ง ทำให้จำนวน ส.ส.มาไม่ครบ จึงมีการแจ้งว่าเมื่อสมาชิกมีความเห็นต่างเช่นนี้พรรคก็จะให้ฟรีโหวต โดยขึ้นอยู่กับ ส.ส.แต่ละคนว่าจะเลือกสูตรไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในการประชุมครั้งนี้ นายเฉลิมชัยและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีของพรรคไม่ได้เข้าร่วมแม้แต่คนเดียว

สัญญาณชัดสูตรหาร 500

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ ได้โทร.ล็อบบี้ส.ส.ภาคใต้ทุกคน ว่านายเฉลิมชัยได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้โหวตสูตรหาร 500 เช่นเดียวกับนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนสนับสนุนสูตรหาร 500 บนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมี ส.ว.ร่วม 10 คนเดินมาจับมือแสดงความเห็นด้วย โดยเฉพาะนพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เดินมาจับมือก่อนที่จะเปิดประชุมร่วมรัฐสภา โดยบอกว่า "เราชนะแล้ว สูตร 500 มาแน่"

มีรายงานจากรัฐสภาถึงข่าวความเคลื่อนไหวการพิจารณาวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อจะใช้สูตรหารด้วย 100 หรือ 500 ที่ยังคงมีคะแนนเสียงก้ำกึ่งเบียดกันมาตลอดนั้น ปรากฏว่าในช่วงบ่ายวันที่ 5 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตรเรียบร้อยแล้ว เพื่อตกลงให้ใช้สูตร 500 หารในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และได้ส่งสัญญาณมาถึงแกนนำในขั้วพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่ม ส.ว.รับทราบถึงแนวทางดังกล่าว

"ทำให้ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะสนับสนุนการใช้สูตร 500 หารคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยพรรค พปชร.จะให้เป็นฟรีโหวต แต่ทิศทางทุกคนจะสนับสนุนการใช้ 500 หาร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสียงแตกเป็น 2 กลุ่ม แต่เสียงส่วนใหญ่ 40 คนเอาด้วยหาร 500 ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคเล็ก และ ส.ว.จะเทเสียงให้กับการหาร 500 ทั้งหมด โดยจะมีการโหวตประเด็นดังกล่าว ซึ่งอยู่ในมาตรา 23 ในวันที่ 6 ก.ค. มีแนวโน้มที่จะได้รับเสียงโหวตท่วมท้น ชนะฝ่ายค้านที่มีเพียงพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลเป็นแกนหลักในการสนับสนุนสูตรการใช้ 100 หาร" แหล่งข่าวระบุ

ที่ทำเนียบรัฐบาล มีรายงานว่าในการประชุม ครม. นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ประสานงานวิปรัฐบาล ได้รายงานในที่ประชุม ครม.ว่า ฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 วัน และลงมติวันที่ 6 โดยที่ประชุมไม่ได้มีความเห็นใดๆ และไม่ติดขัดหากจะต้องมีการลงมติในวันที่ 23 ก.ค.หรือ 24 ก.ค. ทั้งนี้ ให้เป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลไปหารือกับวิปฝ่ายค้านให้ได้ข้อสรุปในวันที่ 6 ก.ค.นี้ นอกจากนั้นยังได้มีการรายงานวาระการพิจารณาของรัฐสภา โดยเฉพาะการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งที่ประชุมไม่ได้มีการหารืออย่างเป็นทางการว่าจะให้ ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลโหวตไปในทิศทางใด ระหว่างสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะหารด้วย 100 หรือ 500 
ทั้งนี้ ในระหว่างช่วงพักเบรกการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกแกนนำรัฐบาลเข้าหารือเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะใช้สูตรหาร 100 หรือหาร 500 ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์, นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากเข้าประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากกระทรวงพาณิชย์
โดย พล.อ.ประยุทธ์สอบถามความเห็นรายบุคคลว่ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรตอบยืนยันว่า “เอาหาร 100” ส่วนนายอนุทิน กล่าวว่า “เอาหาร 500” ขณะที่นายเฉลิมชัยแจ้งว่า “ส่วนตัวเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 แต่ในพรรคบางส่วนยังเห็นแตกต่างกัน พรรคอาจจะต้องฟรีโหวต” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า “ส่วนตัวเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะออกเป็นสูตรไหน เราก็ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ตีความอยู่ดี ก็ขอให้คุยกันมาแล้วกัน” และเมื่อแนวโน้มของการหารือส่วนใหญ่เอนเอียงไปที่สูตรหาร 500 ทำให้ พล.อ.ประวิตรมีท่าทีอ่อนลง พร้อมตอบกลับทำนองว่าจะเอาอย่างไรก็ว่ากัน

ฝ่ายค้านโวยถึงศาล รธน.แน่
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ รัฐมนตรีหลายคนได้จับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งแนวโน้มส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าควรจะใช้สูตรหาร 500 และประเมินเสียงโหวตของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลว่าถึงอย่างไรก็เชื่อว่าสูตรหาร 500 จะชนะสูตรหาร 100 และภายหลังประชุม ครม.เสร็จสิ้น รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.หลายคนได้เดินทางเข้ารัฐสภาเพื่อร่วมพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว โดยนายสุชาติได้เดินทางเข้าสภาเพื่อเข้าร่วมการพิจารณาวาระดังกล่าว พร้อมส่งสัญญาณกับ ส.ส.ว่าสูตรหาร 500 จะเป็นประโยชน์กับพรรคมากกว่า

ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. กล่าวถึงการโหวตสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะหารด้วย 100 หรือ 500 ว่า ไม่ทราบว่าเสียง กมธ.ในสัดส่วน ส.ว.ที่โหวตหนุนสูตรคำนวณหาร 500 จะสะท้อนเสียง ส.ว.ทั้งหมดหรือไม่ และเท่าที่พูดคุยก็มีแนวคิดของ ส.ว.ทั้ง 2 ทางในการคิดคำนวณ

ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ส่งสัญญาณให้แกนนำในขั้วพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มส.ว. สนับสนุนใช้สูตรหาร 500 ในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ไม่รู้ว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร กฎหมายต่างๆ ในรัฐสภามีขั้นตอนและหลักอยู่ ไม่ใช่นึกคิดจะเอาอะไรก็เอา เห็นแย้งกับรัฐธรรมนูญยังคิดจะเอาอยู่อีกหรือ และมีเจตนาอะไร หากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการสืบทอดอำนาจต่อ  

นายสมคิดกล่าวว่า สูตรหาร 100 ในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สืบเนื่องจากมีการแก้ไขกำหนดบัตรเลือกตั้งให้เป็นบัตร 2 ใบแล้ว รัฐธรรมนูญมาตรา 91 กำหนดไว้ชัดเจนว่าคะแนนที่เลือกพรรคการเมืองต้องเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กันโดยตรง ดังนั้นมาตรา 91 คือตัวต้นของการใช้สูตรหาร 100 เรื่องนี้เราไม่ได้คิดเอง เพราะ กกต.เป็นผู้ร่าง ก่อนให้ ครม.ใช้เป็นร่างหลักของรัฐบาล และเป็นหลักการของรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ต้องยึดถือตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา อย่าไปยึดถือว่าตัวเองจะมีอำนาจตลอดไป หรือให้กลุ่มพวกพ้องพรรคการเมืองที่ช่วยเหลือตัวเอง 

ถามว่าท่าทีของฝ่ายรัฐบาลจะเป็นการดับฝันแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า หากประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปดับฝันเขาไม่ได้ ต่อให้จะใช้วิธีการอะไรกับประชาชนเขาก็เลือก ยิ่งไปใช้วิธีการที่ไม่ชอบพามากลประชาชนรู้ทัน

"ไม่มีใครกำหนดเรื่องแลนด์สไลด์ได้ นอกจากประชาชน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ อย่าไปหลงทางกับพรรคการเมืองที่สนับสนุนเลย หลักการเราต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ไม่ใช่มีพรรคการเมือง 20 พรรค แล้วต้องมาเลี้ยงกล้วยกันแบบนี้ เสียภาพพจน์หมดเลย พล.อ.ประยุทธ์ ชอบแบบนั้นหรือ ทำไมไม่ทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง เพื่อทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปอย่างสง่างาม" นายสมคิดกล่าว 

ซักว่าท่าทีของฝ่ายค้านจากนี้จะเป็นอย่างไร รอง ปธ.วิปฝ่ายค้านกล่าวว่า เอาจริงๆ ฝ่ายค้านก็ต้องสู้ แม้ว่าจะเป็นเสียงข้างน้อย ถ้ารัฐสภาแห่งนี้เอากฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้ มันใช่หรือ ทั้งๆ ที่รู้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเสียงข้างมากในสภาทำแบบนี้เพื่ออะไร เรื่องนี้อย่างไรก็ถึงศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องมีใครไปร้อง 

เช่นเดียวกับนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านหนุนสูตรการหาร 100 และพรรคก้าวไกลเองก็หนุนการหาร 100 แต่มีรายละเอียดในวิธีการคิดคำนวณ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ให้เกิด ส.ส.ปัดเศษ พร้อมทั้งขอให้รัฐสภาสนับสนุนการแปรญัตติของนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่แปรญัตติเพื่อไม่ให้การเมืองมีปัญหาอย่างที่ผ่านมา หลังปล่อยให้ กกต.ตีความวิธีคิดคำนวณ ซึ่งจะได้ระบบคู่ขนานแบบปี 2540 อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ

"เชื่อว่าทิศทางของรัฐสภาส่วนมากน่าจะโหวตการหาร 100 เพราะ กมธ.มาจากตัวแทนพรรคการเมือง และตัวแทน ส.ว.เสียงส่วนใหญ่หนุน สูตรคำนวณหาร 100" โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าว

ก้าวไกลลับดาบซักฟอก รบ.

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในวาระ 2 และวาระ 3 ตามที่ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ การกำหนดวิธีเลือกตั้งเป็นบัตรสองใบ เป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้วิธีคำนวณ หา ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยนำคะแนนบัญชีรายชื่อทั้งประเทศมารวมกันแล้วหารด้วย 100 เพื่อเป็นคะแนนเฉลี่ยคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อ 1 คน

การพิจารณาช่วงแรกเป็นไปอย่างราบรื่น กระทั่งถึงมาตรา 6 เรื่องการกำหนดจำนวน ส.ส.ที่แต่ละจังหวัดพึงมี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ. อภิปรายเสนอเพิ่มเติมให้มีมาตรา 6/3 เรื่องการให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขตกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ควรเป็นหมายเลขเดียวกันทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน จำได้ง่าย ป้องกันความสับสน ไม่ควรให้เป็นบัตรคนละเบอร์ ถือว่าวินวินกันทุกฝ่าย ประชาชนได้ประโยชน์ ส่วน กกต.จัดการเลือกตั้งได้ง่าย แต่ปรากฏมีผู้อภิปรายขอหารือว่าไม่สามารถอภิปรายได้ เพราะเนื้อหาเรื่องบัตรสองใบ คนละเบอร์ ไม่ได้มีเนื้อหาอยู่ในมาตราใดของร่างกฎหมายฉบับนี้เลย  จนสมาชิกเกิดความสับสน 

ในที่สุด นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ประชุม แจ้งว่า ประธาน กมธ.บอกว่ามีการทำรายงานมาไม่ครบถ้วน เพราะไม่มีการเขียนเนื้อหาที่ กมธ.เสียงข้างน้อย สงวนคำแปรญัตติขอแก้ไขไว้ ทำให้เนื้อหาดังกล่าวหายไปจากร่างกฎหมาย ขอพักประชุม 15 นาที ไปแก้ปัญหา

ต่อมาหลังจากพักไปนานกว่า 1.30 ชม. เพื่อกลับไปแก้ไขรายงานเสร็จแล้ว ที่ประชุมได้เริ่มขึ้นอีกครั้งในเวลา 17.25 น. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมแจ้งว่า ประเด็นที่ถกเถียงกันคือ มาตรา 6/3 ที่ขอแปรญัตติ ไม่มีอยู่ในร่างของ กมธ. ทั้งที่มีผู้ขอแปรญัตติถึง 4 กลุ่มไว้จริง วิธีแก้ปัญหาคือจะขอให้ลงมติมาตรา  6/2 ไปก่อน แล้วค่อยให้ผู้แปรญัตติมาอภิปรายในมาตรา 6/3 เรื่องบัตร 2 ใบคนละเบอร์กันต่อไป

จากนั้นนายชวนขอให้ลงมติมาตรา 6/2 แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นอีกเนื่องจากองค์ประชุมอยู่กันบางตา ส.ส.รัฐบาลอยู่ในห้องประชุมกันน้อย นายชวนกดออดเรียกหลายรอบ เสียเวลาไป 15 นาที ยังไม่มีทีท่าจะครบองค์ประชุม จน ส.ส.ฝ่ายค้านรุมตำหนิเรื่ององค์ประชุม หลังจากรออยู่เกือบ 30 นาที จึงให้ ส.ส.แสดงตน ปรากฏว่ามีองค์ประชุม 364 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจาก 366 เสียง

ส่วนความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานในที่ประชุม ครม.ว่า คณะวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านจะมีการหารือร่วมกันถึงเรื่องดังกล่าวในวันที่ 6 ก.ค.นี้ที่รัฐสภา ในส่วนของรัฐบาลยังยืนยันให้เป็นวันที่ 19 ก.ค.เป็นต้นไป

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเตรียมลับมีดไว้ทุกวัน เพื่อเตรียมพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคก้าวไกลพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดรัฐบาล แม้จะรู้ดีว่าเสียงของฝ่ายค้านในสภาจะแพ้ แต่จะเป็นการส่งไม้ต่อให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป  

"ข้อมูลครั้งนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดในการส่งต่อให้ประชาชน รวมถึง ส.ส.ที่อุ้มรัฐบาล ก็เชื่อว่าจะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเช่นเดียวกัน ทั้งนี้มั่นใจว่าจะมี ส.ส.จำนวนมากจะไม่ได้เข้าสภา หากยังอุ้ม พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร" โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เวลาในการอภิปรายเมื่อได้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านคงต้องใช้เวลาในการอภิปรายเยอะ ซึ่ง 3-7 วันถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม หาก 3 วันเผาเลยมันก็คงไม่ได้เรื่อง และหากเป็น 5 วันสวดแล้วเผา ตนคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ขอให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เปิดใจกว้างขอเวลา 5 วัน

 “ถ้าเกิด 3 วันแล้วไม่มีอะไรดี หรือไม่น่าสนใจ ฝ่ายค้านจะถูกตำหนิเอง แต่ถ้า 3 วันแล้วรีบขมวดปมจบ หนังกำลังมัน  พระเอกยังไม่รู้ว่าจะตาย ตำรวจจะมาตอนจบหรือไม่ เพราะฉะนั้นขอ 5 วัน” นายจิรายุกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง