สูตรหาร500ฉลุย โหวต354ต่อ162เสียง/ฝ่ายค้านด่ากราด‘สภาเผด็จการ’

สภาถกเดือด! สูตรหาร 500 ฝ่ายค้านตีรวนขอปิดประชุม อ้างมีสัญญาณไม่ปกติ ฝ่ายบริหารสั่งให้เปลี่ยนแปลงมติจาก กมธ.พิจารณา “พปชร.” ยันไม่มีใครสั่งฝ่ายนิติบัญญัติได้ “ชวน” สั่งเดินหน้ามาตรา 23 ต่อ  “หมอระวี” ขอให้โอกาสพรรคเล็กมี ส.ส. รับต้องสกัดแลนด์สไลด์ “ไพบูลย์” งัดเอกสารประชุมยื่นศาล รธน.ตีความ “ชลน่าน” ฉุนโวย “สภาเผด็จการ” สุดท้ายที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างน้อยใช้สูตรหาร 500 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 354 เสียงต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 37 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

มีความเคลื่อนไหวต่อกระแสข่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สนับสนุนสูตรคำนวณ  ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันที่ 6 ก.ค.2565

โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงที่เขาคุยกันในวงเล็ก ไม่ได้มีการพูดในห้องประชุม ครม.

ถามว่า หากหาร 500 จะมีช่องทางอย่างไรที่จะไม่ให้ผิดกฎหมายได้บ้าง  นายวิษณุกล่าวว่า มันอาจจะไม่ผิดเลยก็ได้ ตนไม่รู้ แต่ว่ามันก็คงต้องมีคนสงสัยอยู่ดี ผิดหรือไม่ผิดเราก็ไม่รู้ อย่าไปบอกว่าผิดแล้วทำอย่างไรจึงจะไม่ผิด อาจจะไม่ผิดก็ได้

ซักว่า บรรดา ส.ส.เป็นห่วงหากลงมติโหวตหนุนหาร 500 แล้วเขาอาจจะมีความผิดด้วย นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขนาดนั้น แต่คงมีคนสงสัยส่งศาลรัฐธรรมนูญแน่ ก็ไปว่ากันในชั้นศาล และหากศาลบอกว่าอันไหนถูก อันไหนผิด ก็ไม่ถึงขนาดใครมีความผิดถึงขั้นติดคุก

"หากมีการยื่นศาลแน่นอน ต้องกระทบกับการประกาศใช้กฎหมายลูก เพราะหากมีการยื่นจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และเรื่องนี้ผมไม่จำเป็นต้องคุยกับนายกฯ เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภา รัฐบาลไม่เกี่ยวให้เขาว่ากันไป" นายวิษณุกล่าว

ถามอีกว่า หากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชัดเลยหรือไม่ว่าจะใช้สูตรคำนวณ 100 หรือ 500 รองนายกฯ กล่าวว่า ศาลเขาอาจไม่รับไว้พิจารณา หรือรับไว้พิจารณาแล้วดูว่าเจตนารมณ์หรือบทบัญญัติถ้อยคำในรัฐธรรมนูญการใช้ 100 หรือ 500 หาร จะนำไปสู่ผลที่แตกต่างอย่างไร และวินิจฉัยว่าอันไหนถูกหรือผิด

เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วจะไม่นำไปสู่เดดล็อกในการเลือกตั้งครั้งต่อไปใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า หากต้องเลือกตั้งโดยที่กฎหมายยังไม่ประกาศใช้ มันจะเกิดปัญหา เพราะยังไม่ประกาศใช้กฎหมายลูก แต่หากยังไม่มีการเลือกตั้งก็ไม่ถือว่ามีปัญหาอะไร

 “ผมไม่เรียกว่าเดดล็อก เพราะมันมีทางออก แต่ไม่รู้ว่าอันไหนถูกหรือผิด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกเอาอย่างหนึ่ง เช่น ออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือ ออกเป็นประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ซึ่งไม่มั่นใจว่าศาลจะรับหรือไม่ แต่มีคนแนะนำว่าให้ขอคำแนะนำจากศาลว่าจะให้ทำอย่างไร มันมีอยู่ 3 ทาง ถึงอย่างไรก็ได้เลือก เลือกไปก่อน ถูกหรือผิดก็ว่ากัน เชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งโดยที่กฎหมายลูกยังไม่ประกาศใช้ แม้จะเสร็จแล้วก็ตาม ก็จะมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่ายุ่ง แต่ไม่ถึงขึ้นเดดล็อก” นายวิษณุกล่าว

ปัดนายกฯ ส่งซิกหาร 500

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ทุบโต๊ะสั่งให้เอาสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ว่า ไม่ว่าจะใช้สูตรหาร 100 หรือหาร 500 ก็ไม่เกี่ยวกับนายกฯ เพราะเป็นเรื่องที่สภาจะต้องไปพิจารณาร่วมกัน นายกฯ ไม่สามารถไปชี้นำหรือสั่งการใดๆ ได้ สมาชิกสภาทุกท่านล้วนมีคุณวุฒิ ไม่อยากให้นายทักษิณเอาความเคยชินที่คิดว่าทุกอย่างชี้นิ้วสั่งได้มาทึกทักและจินตนาการเอาเอง

"ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ หากได้ ส.ส.เกิน 300 จริงอย่างที่พูด ก็เพราะประชาชนเลือกและไว้วางใจ แต่ถ้าไม่ถึง 300 ก็เพราะประชาชนให้บทเรียนที่ฝ่ายค้านไม่เคยทำหน้าที่ในสภาอย่างที่ควรจะเป็นเช่นกัน" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันว่า นายกฯ ไม่เคยพูดเรื่องสูตรคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะนายกฯ บอกมาตลอดว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ในความเป็นจริงก็ไม่ได้พูดชัดเจนจะเอาแบบไหน แล้วแต่ กมธ. แล้วแต่ ส.ส.ให้ไปคุยกัน ไม่ได้มีธงจะเอาแบบไหน ตนก็ไม่เคยเห็นหัวหน้าพรรคพูดจะเอาแบบไหน เป็นเรื่องของ กมธ. วิปรัฐบาล และพรรคการเมืองต่างๆ จะต้องคุยกัน

ถามว่า นายทักษิณระบุไม่ว่าจะหารด้วยอะไร แม้สัดส่วนของพรรค พท.จะลดลง แต่พรรคก้าวไกลจะเพิ่มขึ้น ก็ยังมีจำนวนที่มากกว่าพรรค พปชร.อยู่ดี นายชัยวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดก็เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่าการรับฟังคือการฟังเสียงของประชาชน ประชาชนมีเจตจำนงอย่างไร จะให้ใครมาเป็นตัวแทนทำงานในสภา อยากให้ใครเป็นตัวแทนมาบริหารงานบ้านเมือง ซึ่งวิธีเลือกตั้งเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่เจตนารมณ์ของประชาชน ดังนั้นไม่ว่ากฎหมายจะเขียนอย่างไรต้องสะท้อนความต้องการของประชาชนให้ได้ ส่วนตัวคิดว่าขณะนี้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

ส่วนนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวว่า เหตุที่ทำให้วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพลิกเป็นหารด้วย 500 เพราะพรรค พท.เคลื่อนเรื่องกระแสแลนด์สไลด์แรงเกินไป ยิ่งผลโพลหลายสำนักมาสมทบกระแสแลนด์สไลด์ให้แรงยิ่งขึ้น จนหลายพรรคกลัว โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลกลัวสอบตก ต้องมารวมตัวกันใช้สูตร 500 หาร ที่เห็นชัดคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นเจ้าของร่างแท้ๆ และพรรคชาติไทยพัฒนาก่อนหน้านี้ยืนยันสนับสนุนใช้ 100 หาร แต่จู่ๆ กลับลำใช้สูตร 500 หาร เพราะเห็นผลโพลแลนด์สไลด์ กลายเป็นเข้าทาง พล.อ.ประยุทธ์ที่อยากใช้ 500 หารอยู่แล้ว

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกระแสที่รัฐบาลจะโหวตหาร 500 ว่า ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากคิดว่าพรรค พท.จะได้เปรียบจากการหาร 100 ก็เท่านั้น เพราะหากหาร 500 พรรค พท.จะไม่ได้เปรียบ แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์สั่งได้หมดทั้ง ส.ว. พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลได้ เราก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว เว้นแต่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสั่งไม่ได้

ถามว่า หากลงมติแล้วการหาร 500 ชนะ จะมีการยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า แม้ไม่ยื่นกฎหมายก็ต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หากรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วจะต้องส่งไปให้องค์กรที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้ใครอ่านก็รู้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น เพราะคิดแต่ว่าจะต้องชนะแค่วันนี้

หยันบิ๊กตู่กลัวแลนด์สไลด์

 “นายกฯ คิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรเพื่อสกัดพรรค พท. ซึ่งไม่มีอะไรมากและผมไม่เชื่อว่าหากชนะการหาร 500 แล้วพรรคร่วมรัฐบาลจะแข็งแกร่งมากขึ้น และพรรคฝ่ายค้านจะไหลออก เพียงแต่ว่าให้พรรคร่วมที่อยู่ในช่วงกระแสตกมีความหวังขึ้นเพื่อให้มีพลังเกาะเกี่ยวเหนี่ยวนำกันไปได้ต่อ หากหาร 100 อาจจะแพแตกตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยก็ได้ เพราะเขาทราบดีว่าประชาชนไม่นิยม จึงต้องใช้แท็กติกการเลือกตั้งช่วย” นายสุทินกล่าว

ซักว่าพรรค พท.จะแพแตกหรือไม่ รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า ไม่แตก เพราะเชื่อว่าเราไม่ได้มีความคิดว่าต้องอาศัยเทคนิคการเลือกตั้ง เพราะเรายืนบนฐานของประชาชนเป็นที่ตั้ง

เช่นเดียวกับ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรค พท. ยืนยันพรรค พท.ไม่หวั่นไหวจะหาร 100 หรือ 500 ก็พร้อมสู้ทุกกติกา และจะไม่กระทบกับการสร้างปรากฏการณ์เพื่อไทยแลนด์สไลด์ พร้อมที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชน

ที่รัฐสภา เวลา 09.52 น. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากเมื่อวันที่ 5 ก.ค. โดยเมื่อเปิดประชุมมา นายชวนได้สั่งให้ลงมติมาตรา 6/3 ซึ่งเป็นมาตราที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อยขอสงวนคำแปรญัตติไว้ โดยขอให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หมายเลขเดียวกันทั้งแบบแบ่งเขตและพรรค แต่ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 150 ไม่เห็นด้วย 341 งดออกเสียง 5 ไม่ออกเสียง 3 เสียง

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมพิจารณาเรียงรายมาตรา จนถึงมาตรา 12 เรื่องข้อห้ามมิให้ผู้สมัครกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองหรือผู้อื่นด้วยการสัญญาจะให้ทรัพย์สิน เงินทอง การสัญญาว่าจะให้ การจัดมหรสพงานรื่นเริงต่างๆ ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอมานั้น มีสมาชิกรัฐสภาอภิปรายอย่างกว้างขวาง อาทิ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีความกังวลมาตรฐานการทำงานของ กกต. ขณะนี้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้วจากการจะกลับไปใช้สูตร 500 หารจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นการแย่งชิงอำนาจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอรักษาอำนาจตนเองไว้ก่อน ไม่สนใจสังคม อยากมีอำนาจทั้งที่เศรษฐกิจแย่ ประชาชนยากจนทุกหย่อมหญ้า แต่ท่านอยากไปต่อ ฝ่ายค้านน่าเป็นห่วงที่สุด นอกจากโดนความพิสดารของรัฐธรรมนูญแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่รู้จะโดนอะไรอีก

"ทราบว่าขณะนี้การแบ่งเขตเลือกตั้งเริ่มฮั้วให้บางพรรคแล้ว จังหวัดใดได้ผู้แทนเพิ่มเริ่มมีปัญหา เชื่อว่ากระบวนการแจกกล้วยจะกระจายไปยังเขตเลือกตั้งเป็นคันรถ กกต.รู้ แต่ไม่ปฏิบัติ เพราะต้องหาหลักฐาน บางบ้านสะสมเสบียงเป็นพันล้านบาทเตรียมเลือกตั้ง วันนี้เรารบกับ 3 ป. ไม่ใช่ปลากัด ปลาดุก ปลาช่อน แต่คืออำนาจเต็ม ขอฝากไปยัง กกต.ที่จะสร้างประชาธิปไตยในแผ่นดินให้ความเป็นธรรมกับบ้านเมือง พวกผมหมดปัญญาแล้ว ต่อให้ยกสองมือ ไม่มีทางชนะ ผมยอมแล้ว" นายครูมานิตย์กล่าว

ขณะเดียวกัน มีสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆอาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว., นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายต้องการให้จัดงานมหรสพในการหาเสียงได้ ไม่ได้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองหรือผู้สมัคร เพราะมีการกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครและพรรคการเมืองไว้อยู่แล้ว การจัดงานมหรสพเป็นวิธีให้ประชาชนออกมารวมตัวฟังการแถลงนโยบายในหมู่คนจำนวนมากได้ อย่าเอาการได้เปรียบเสียเปรียบจากการฟังปราศรัยมาเกี่ยวข้อง

ในที่สุดที่ประชุมลงมติยืนตาม กมธ. คือ ห้ามมิให้ผู้สมัครกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองหรือผู้อื่นด้วยการสัญญาจะให้ทรัพย์สิน เงินทอง การสัญญาว่าจะให้ การจัดมหรสพงานรื่นเริงต่างๆ ด้วยคะแนน 401 ต่อ 78 งดออกเสียง 6 ไม่ลงคะแนน 3 เสียง

ต่อมาเวลา 17.50 น. การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ดำเนินมาถึงมาตรา 23 ซึ่งเป็นประเด็นสังคมให้ความสนใจกับตามองคือ การใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่กำหนดให้ใช้ สูตรหาร 100 ขณะที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยขอสงวนคำแปรญัตติใช้สูตรหาร 500 ก่อนเข้าสู่การพิจารณา ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้พยายามเสนอให้เลื่อนการพิจารณามาตรา 23 ออกไปพิจารณาต่อในการประชุมร่วมครั้งหน้า วันที่ 26-27 ก.ค.2565  

หาร 500 เดือดลั่นสภาเผด็จการ

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ เพื่อไทย หารือว่า ร่างแก้ไขฉบับนี้ค่อนข้างมีความสำคัญ ได้ประชุมมาตั้งแต่เช้า หลายคนบ่นห่วงสุขภาพตัวเองน่าจะไปพักผ่อน และการประชุม ส.ส.พรุ่งนี้ก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา อีกทั้ง ม.23 มีกระแสข่าววิจารณ์กันทั่วไปว่าจะเกิดวิบัติ หรือมีการพลิก เพราะในคณะกรรมาธิการ และวิปรัฐบาลก็มีมติเอกฉันท์ไปแล้ว แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรกัน คิดว่าน่าจะให้เวลาไปตั้งสติคิดกันใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่สั่งมาเป็นเบื้องต้นอันดับแรก คิดว่าวันนี้น่าจะเพียงพอ  

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย วิปฝ่ายค้าน หารือว่าทางวิป 3 ฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะพิจารณาให้เสร็จทั้ง 2 ฉบับ แต่ต้องยอมรับความจริงว่ากฎหมายฉบับนี้ถูกดึง ถูกชะลอ คงไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ภายในวันนี้ แม้จะมีการนัดประชุมอีกวันที่ 26-27 ก.ค. เพื่อพิจารณาให้จบ แต่ก็ทราบดีว่าขณะนี้มีความไม่ปกติเกิดขึ้นกับ พ.ร.บ.นี้ มีคำสั่งฝ่ายบริหารให้มีการเปลี่ยนแปลงมติ จากที่กรรมาธิการพิจารณา แม้วันนี้จะเดินหน้าผ่านมาตรานี้ไป ก็ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จ เพราะยังเหลืออีกหลายมาตรา เสนอให้ปิดการประชุมในวันนี้ เพื่อนั่งคิด นอนคิด อีก 2 สัปดาห์ค่อยกลับมาพิจารณาใหม่  

แต่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า สิ่งที่นายจุลพันธ์พูดว่ามีการดึงยื้อนั้นทำให้ฝ่ายรัฐบาลเสียหาย ตลอดการพิจารณาทุกฝ่ายมีความพยายามผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้เสร็จ ขอยืนยันว่าฝ่ายบริหารไม่สามารถสั่งฝ่ายนิติบัญญัติได้ สมาชิกรัฐสภามีความอิสระ 

จากนั้นนายชวนได้เดินหน้าเพื่อพิจารณาในมาตรา 23 โดยสมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติทยอยอภิปราย โดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่สงวนคำแปรญัตติอภิปรายย้ำถึงเหตุผลที่จะต้องมีการใช้สูตรหาร 500 ว่าเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2560 มีความมุ่งหมายเพื่อแก้ไขสภาพปัญหาการเมืองในระยะที่ผ่านมา ที่ ส.ส.มิได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองหรือเจ้าของพรรคการเมือง หลักที่สำคัญคือ ระบบ ส.ส.พึงมี ที่เป็นระบบการคิดสัดส่วน ส.ส.ที่ยุติธรรมที่สุด พรรคใดได้คะแนนพรรคกี่ % ก็มีสิทธิได้ ส.ส.พึงมีตามสัดส่วน % นั้น ในส่วนของการจัดสรรปันส่วนผสม ถือเป็นระบบที่ป้องกันการผูกขาดทางการเมือง เผด็จการรัฐสภา และจัดสรร ส.ส.ให้กระจายแก่พรรคเล็กๆ ที่มีความพร้อม การเสนอเช่นนี้หลักสำคัญไม่ใช่เพียงแค่พรรคเล็กจะไม่สูญพันธุ์ แต่เป็นการสกัดการแลนด์สไลด์ของพรรคใหญ่ ที่ได้ ส.ส.เขตเกิน ส.ส.พึงมีไม่ได้ และทุกคะแนนเสียงต้องไม่ตกน้ำ 

  “ทุกมาตราตามรัฐธรรมนูญล้วนแต่มีผลบังคับใช้ ไม่มีมาตราใดเป็นติ่งหรือ มองข้ามไปได้ การคำนวณคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมต่อพรรคการเมือง และต้องเคารพหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของประชาชน โดยมาตรา 27 ระบุชัดเจนว่าบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิเสรีภาพและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างหรือความคิดทางการเมืองอันไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือเหตุอื่นใดจะกระทำมิได้” นพ.ระวีกล่าว 

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ขอหารือว่า ขอตั้งข้อสังเกตรายงานฉบับนี้ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีความเห็นของ กมธ.เสียงข้างมากประกอบ มีแต่ความเห็นของ กมธ.เสียงข้างน้อย ทั้งที่ในชั้นการพิจารณามีความเห็นของ กมธ.เสียงข้างมาก จึงควรวินิจฉัยก่อนจะให้แปรญัตติได้หรือไม่ การจะทำอะไรต้องยึดหลัก 

 “สมัยก่อนมีการกล่าวหาเผด็จการรัฐสภา แต่ระวังถ้าขณะนี้มีการสั่งการเอา 500 หาร จะไม่ใช่เผด็จการรัฐสภา แต่เป็นสภาเผด็จการคือ สภาที่ถูกครอบงำด้วยเผด็จการ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุ

จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็น โดย กมธ.เสียงข้างน้อยหลายคน อาทิ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม, พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. อภิปรายสนับสนุนให้ใช้สูตร 500 หาร คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่ขัดหลักการและไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะทุกร่างกฎหมายที่เสนอมา ไม่มีร่างฉบับใด หรือรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ก็ไม่ได้ระบุให้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้วิธีหารด้วย 100 หรือ 500 จึงไม่ขัดหลักการแน่นอน กรณีที่เกิดปัญหาขึ้น ถือเป็นความผิดของทุกฝ่ายที่ละเลยไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 83, 86 และ 91 ไปด้วย หากจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญในอนาคตก็คงไม่มีใครขัดข้อง  

อย่างไรก็ดี ระหว่างที่ กมธ.เสียงข้างน้อยอภิปราย ปรากฏว่า ส.ส.เพื่อไทย อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี คอยประท้วงตลอดเวลาว่าไม่สามารถแปรญัตติในสิ่งที่ขัดกับหลักการของร่างกฎหมายได้ ทำให้การประชุมดำเนินไปอย่างไม่ต่อเนื่อง จนนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่สลับขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องคอยไกล่เกลี่ยและชี้แจง ควบคุมการประชุมให้ดำเนินการต่อไปได้ 

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า แม้ไม่มีการบอกตรงๆ ให้ใช้ 100 หารในร่างกฎหมาย แต่ตนเคยถาม กมธ.ที่เป็น กกต.ในฐานะเป็นเจ้าของกฎหมายว่า การเขียนรัฐธรรมนูญตามมาตรา 91 ที่ระบุถึงวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้คำนวณตามสัดส่วนแบบสัมพันธ์กันโดยตรง มีความหมายว่าอย่างไร กมธ.ที่เป็นตัวแทนจากกกต.ตอบชัดเจนว่าให้คำนวณไปตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 คือการหารด้วย 100 เรื่องนี้มีเอกสารเยอะ ยังไงต้องเอารายงานการประชุมไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการพิจารณาเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ การใช้ 500 หารไม่สามารถทำได้ เพราะเมื่อประชาชนเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อมา แต่ไปกำหนดว่าถ้าได้คะแนนเกิน ก็ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถามว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ประชาชนตรงไหน 

จากนั้นได้มีการสลับกันอภิปรายอย่างต่อเนื่อง สลับกับการคอยประท้วงตลอดเวลา กระทั่งเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยเมื่อฝ่ายรัฐบาลพยายามที่จะขอให้ประธานที่ประชุมสรุปการรับฟังความเห็นต่างๆ เพื่อลงมติในมาตรา 23 ทำให้ฝ่ายค้านลุกขึ้นตอบโต้และจะขออภิปรายเพิ่มเติมอีก ซึ่งนายพรเพชรให้อภิปรายต่ออีกเล็กน้อย

เวลา 21.45 น.หลังจากที่สมาชิกอภิปรายกันครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาในการพิจารณามาตรา23 ไปเกือบ 4ชั่วโมง ที่ประชุมรัฐสภาลงมติไม่เห็นด้วยกับมาตรา23 เรื่องการใช้สูตร 100 หาร ในการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามเนื้อหาที่กมธ.เสียงข้างมากเสนอมา ด้วยคะแนน 392 ต่อ160 งดออกเสียง 23 ไม่ลงคะแนน 2  

ต่อมานายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้เข้ามาทำหน้าที่ประชุม และได้สอบถามความเห็นในที่ประชุม จะเห็นด้วยกับสูตรคำนวนส.ส.ที่หาร500 ของนพ.ระวี หรือการหาร100 ของนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผลปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนพ.ระวี ด้วยคะแนน 354 ไม่เห็นด้วย 162  งดออกเสียง 37 ไม่ลงคะแนน 4 เสียง 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง