พท.โวยอัปยศขู่ยื่นปปช.-ศาลรธน.

ชำแหละเสียงโหวตหนุน-ไม่หนุน สูตร 500 หาร ปาร์ตี้ลิสต์ พบ 3 แกนนำพรรคไม่ร่วมโหวต ด้าน พปชร.-ส.ว.หายเพียบ ขณะที่  73 ส.ว.เกียร์ว่าง "เพื่อไทย" ร่อนแถลงการณ์หลังสูตรพาฝันแลนด์สไลด์ถูกคว่ำคาสภา ถล่มนายกฯ ใช้เสียงข้างมากตามอำเภอใจฝ่าฝืน รธน.เพื่อสืบทอดอำนาจจ่อชงศาล รธน. "ชลน่าน" แฉเกิดจากการแลกเปลี่ยนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทำลายรัฐสภาอย่างอัปยศที่สุด ขู่ยื่น ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม พร้อมนำไปใช้ซักฟอก โฆษกรัฐบาลอ้างเสียงส่วนใหญ่ในสภาไม่ใช่เผด็จการรัฐสภาเหมือนสมัยรัฐบาลเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐสภาลงมติในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในมาตรา 23 แก้ไขมาตรา 128 เกี่ยวกับวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะใช้ 100 หาร หรือ 500 หาร ปรากฏภาพรวมที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างมาก ที่ให้ใช้สูตร 100 หาร ด้วยคะแนน 392 ต่อ 160 งดออกเสียง 23 ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง

จากการตรวจสอบการลงมติพบว่า  ภาพรวมงูเห่าทำงานเป็นปกติ โดยพรรคเพื่อไทยพบว่าเสียงส่วนใหญ่ลงมติเห็นด้วยกับ 100 หาร และงูเห่ายังคงเป็นหน้าเดิม จำนวน 7 คน อาทิ ส.ส.ศรีสะเกษ จำนวน 3 คน ที่จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก, นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา, นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี, นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก

ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ไม่ได้ร่วมโหวตมี 13 คน อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม., นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เป็นต้น และเป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งนายจิรายุและนายขจิตรลุกขึ้นอภิปรายเป็นระยะ แต่ไม่พบว่าลงมติโหวตแต่อย่างใด

ขณะที่พรรคก้าวไกลลงมติไม่เห็นกับ 100 หาร 47 คน เพื่อจะได้ไปลงมติในรอบที่สอง ที่ต้องโหวตว่าจะใช้สูตร 500 หารของนพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ หรือจะใช้สูตร 100 หาร ของนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งในรอบดังกล่าวเสียงส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกลโหวตให้กับนายปกรณ์วุฒิ

แต่ที่สุด ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบตาม นพ.ระวี ที่เสนอให้ใช้สูตร 500 หาร ซึ่งจะเห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้โหวตไปในทิศทางเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เนื่องจาการโหวตในรอบแรกพรรคเพื่อไทยโหวตยืนตามกมธ.เสียงข้างมากที่เสนอให้ใช้สูตร 100 หาร

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อชาติ มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ คือ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และหัวหน้าพรรค ที่โหวตงดออกเสียง และในรอบสองไม่ยอมลงมติ ส่วนลูกพรรคคนอื่นๆปฏิบัติตามมติวิปฝ่ายค้าน

ส่วนพรรคภูมิใจไทย เป็นไปมติวิปพรรค โหวตไม่แตกแถว เห็นชอบตามกมธ.เสียงข้างน้อยที่เสนอให้ใช้ 500 หาร มีเพียง 3 คน ไม่ยอมลงมติ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคเจ้าของแนวคิดสูตร 100 หาร กลับมีส.ส. เพียง 11 คนเท่านั้นที่เห็นด้วยกับสูตรดังกล่าว อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสาทิตย์ ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกมธ.วิสามัญฯ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และประธานวิปพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายกนก วงษ์ตระหง่าน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายสุทัศน์ เงินหมื่น นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี นายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ ยังมีนายสมชาติ ประดิษฐพร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ในรอบแรกโหวตเห็นด้วยกับสูตร 100 หาร แต่ในรอบที่สองกลับโหวตเห็นด้วยกับสูตร 500 หาร

สำหรับพรรคพลังประชารัฐ มีเพียง 2 คน คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี ที่ลงมติเห็นด้วยกับสูตร 100 หาร แต่การโหวตในรอบที่สอง ปรากฎว่านายไพบูลย์ไม่ยอมโหวต ขณะที่นายกฤษณ์ โหวตสูตร 500 หารของนพ.ระวี ทั้งนี้ มี 30 ส.ส.ไม่ยอมร่วมโหวต และในการโหวตรอบที่สองหาย 32 คน

พท.โวยสืบทอดอำนาจ

ด้านพรรคเศรษฐกิจไทยมี 5 คนที่ไม่ร่วมโหวต อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรค, นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรค เป็นต้น ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนามีเพียงนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขานุการ กมธ. ที่โหวตสนับสนุน 100 หาร และมี 6 ส.ส. ไม่เข้าร่วมโหวต อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายประภัตร โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น

สำหรับเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับ 500 หาร มีเพียง 7 คน ที่เห็นชอบกับ 100 หาร เช่น นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายวันชัย สอนศิริ, นายเสรี สุวรรณภานนท์ ขณะที่มี ส.ว.ไม่ร่วมโหวต 73 คน โดยมีชื่อของพล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ว่า มติรัฐสภาดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า สองวันนี้มีข่าวมาตลอดว่ามีผู้มีอำนาจในรัฐบาลต้องการให้เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งกลับไปเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมเพื่อสืบทอดอำนาจของตนต่อไป โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและข้อบังคับของรัฐสภา คำนึงแต่ความอยู่รอดและผลประโยชน์ทางการเมืองของตน วันนี้สมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในซีกรัฐบาลได้ใช้เสียงข้างมากจงใจกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 โดยลงมติแก้ไขมาตรา 128 ตามกรรมาธิการเสียงข้างน้อย เพื่อนําระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ถูกยกเลิกโดยรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2564 กลับมาใช้

"การแก้ไขเช่นนี้ขัดมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2564 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภาอย่างชัดเจนเป็นการใช้เสียงข้างมากกระทำการตามอำเภอใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นร่างมาตรา 128 ขัดรัฐธรรมนูญต่อไป"

ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค แถลงว่า การคำนวณแบบนี้ถูกนำมาใช้เมื่อการเลือกตั้งปี 62 เกิดภาพ ส.ส.ปัดเศษ มีรัฐบาลผสมกว่า 20 พรรค การทำงานในสภาไม่เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จนได้รับฉายาว่าเป็นสภาที่ขับเคลื่อนด้วยกล้วยหรือสภาแจกกล้วย ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบคู่ขนานเสียงข้างมาก จะถูกแก้เป็นจัดสรรปันส่วนผสมแบบบัตร 2 ใบ แน่นอนว่าขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แต่คนมีอำนาจต้องการว่าจะเอาแบบนี้ เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเป็นหลักประกันว่า 30 เสียง จากพรรคการเมืองกลุ่มหนึ่งจะช่วยโหวตให้ แต่พรรคการเมืองนี้จะได้ประโยชน์จากคะแนนจัดสรรโดยหาร 500 ถ้าเป็นแบบนั้นจริง จะเป็นความอัปยศที่สุดในรัฐสภาไทย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่มีการสั่งยกเลิกทำลายกฎหมายตัวเอง จึงเป็นการทำลายระบบรัฐสภาย่างอัปยศ ตนจึงขอประณามสิ่งที่เกิดขึ้น

 “การทำให้ตัวเองอยู่รอดโดยหวังเพียงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ปรากฏการณ์แบบนี้มีมาตลอด เหมือนผู้มีอำนาจท่านนี้ถูกบีบคออยู่ตลอด ที่เมื่อพรรคร่วมต้องการอะไร ถ้าขอแล้วไม่ให้จะถอนตัว นี่ถือเป็นพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง มีผู้สั่งการ มีพรรคการเมืองที่รับคำสั่ง มีสมาชิกรัฐสภาที่รับคำสั่ง ซึ่งเราจะดำเนินการตามกฎมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งหลังจากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านวาระ 3 จะถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา และ กกต. ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังจะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย” นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย แต่ถ้าเห็นว่าเป็นการครอบงำที่เกิดจากบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งการให้กระทำตามที่เขาต้องการ และพรรคการเมืองนั้นยินยอมให้ครอบงำ จะต้องยื่น กกต.ให้ตรวจสอบ

โฆษกอ้างเสียงส่วนใหญ่

ขณะที่พรรคก้าว แกนนำและ ส.ส.ของพรรคแถลง นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค กล่าวว่า เป็นการลงมติที่อัปยศที่สุด เพียงเพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นพรรค ก.ก.ยังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.การเลือกตั้ง และจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด รวมถึงคัดค้านกระบวนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ และจะร่วมมือกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยและพี่น้องประชาชน เพื่อออกจากระบบประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการตีความ 8 ปีนายกฯ จะทำอย่างถึงที่สุด

ทางด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้มีอำนาจในรัฐบาลต้องการให้เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งกลับไปเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมเพื่อสืบทอดอำนาจของตนต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยไม่ควรจินตนาการแล้วทึกทักเอาเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องสูตรคำนวณนั้นไม่ใช่เรื่องที่ท่านนายกฯ จะไปสั่งการอะไรได้ เป็นเรื่องที่สภาต้องพิจารณากันเอง ที่สำคัญ แม้แต่พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นฝ่ายค้านด้วยกันกับพรรคเพื่อไทยก็ยังโหวตสนับสนุนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ ..) พ.ศ..... ที่ว่าด้วยวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งให้ใช้จำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ยเลย แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเองก็ทราบดีว่าเจตนาของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาคัดค้านแบบหัวชนฝานั้นมีอะไรแอบแฝงใช่หรือไม่ ดังนั้น เมื่อฝ่ายค้านด้วยกันเองยังรู้เท่าทันพรรคเพื่อไทย ก็ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยสร้างความสับสนให้กับประชาชนในเรื่องนี้อีกต่อไป

 “เรื่องนี้รัฐบาลโดยเฉพาะท่านนายกฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสั่งการใดๆ อย่างที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา หากพรรคเพื่อไทยยังคงเอาแต่ท่องบทว่าเรื่องนี้เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ ผมมองว่าเป็นความเห็นที่สิ้นคิดมาก ควรใช้สมองส่วนหน้าคิดบ้าง พรรคเพื่อไทยควรรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของสภาด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นความเห็นของเสียงส่วนใหญ่ในสภา ไม่ได้เป็นเผด็จการรัฐสภาเหมือนในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน” นายธนกรกล่าว

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ขอขอบคุณทุกคน ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ส.ส., ส.ว. ผู้นำฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล พรรคการเมืองต่างๆ และพรรคเสรีรวมไทย รวมไปถึงพรรคการเมืองที่อยู่นอกสภา และสื่อมวลชนทุกแขนง ที่นำเสนอข่าวให้เกิดความเข้าใจในสูตรคำนวณบัญชีรายชื่อโดยเอา 500 หาร ในตอนนี้ถึงมติเสียงข้างมากของที่ประชุมร่วมรัฐสภาจะออกมาเช่นนี้ แต่เราก็ยังประกาศชัยชนะไม่ได้สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะการประชุมยังต้องลงมติในวาระ 3 รวมถึงตามระเบียบสภาจะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลฎีกา และ กกต. และฝ่ายที่ต้องการหาร 100 ก็ยังมีสิทธิ์ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งเชื่อว่ามีการเตรียมการไว้แล้วแน่นอน เมื่อจบขั้นตอนเหล่านี้ถึงจะเป็นชัยชนะของประชาชนอย่างแท้จริง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง