รวมมิตรจ่อม็อบใหญ่ ‘บิ๊กตู่8ปี’

ทีมรวมมิตร “จตุพร-นกเขา-ไพศาล” ตั้งวงถล่ม “ประยุทธ์” ปม “8 ปี” จ่อจัดม็อบใหญ่วัดใจกัน ว่ารัฐบาล ศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชน จะเอากฎหมาย หรือไสยศาสตร์ ที่จะถูกสาปแช่งไปถึงลูกหลาน ย้ำสาเหตุวิกฤตชาติเกิดจากการทุจริต ฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ  ไม่ทำตามหมวดพระราชปรารภ

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) หรือทนายนกเขา กล่าวในรายการ “Exclusive Talk”  ตอน “ศึกใน... ศึกนอก... ในวันครบรอบ 8 ปี ประยุทธ์ อยู่หรือไป?” ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ประชาชนคนไทย (ปท.)” โดยมีนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมอภิปรายด้วย

นายจตุพรกล่าวว่า ตนสังหรณ์ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะรอดการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปัจจัยภายใน-ภายนอก ศึกนอก-ศึกใน จนกระทั่งเรื่อง 8 ปี เรื่องนี้ถือเป็นการวัดใจว่าจะเลือกทางไหน ผู้มีอำนาจถึงที่สุดแล้ว จะเลือกทางไหน ประเมินกันว่าถ้ากล้าสวนกับประชาชน แต่ก็ต้องถามประชาชนเหมือนกันว่า ท้ายที่สุดแล้วประชาชนทนได้หรือไม่

ด้านนายนิติธรบอกว่า หลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี รัฐบาลเป็นผู้มีอำนาจรัฐจะต้องคำนึงถึง 3 ประการ แต่ขณะนี้สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาคือ เราหารัฐบาลไม่เจอ ทั้งนี้ที่มีการพูดถึงวันครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนเก็บจากร่องรอยข่าว ขณะนี้ก็เกิดความพิสดารทางกฎหมาย เรื่องการเลือกตั้ง ตอนนี้รัฐธรรมนูญชัดเจนแล้วว่าบัตร 2 ใบ วาระหนึ่ง 100 วาระสอง 500   ส่วนวาระ 3 ก็เถียงกันอยู่ว่าจะเอาอย่างไร

แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทยกล่าวว่า  ระยะเวลาไปจบวันที่ 15 ส.ค. เหลืออีกไม่กี่วัน ซึ่งก็จะไปครบก่อนวัน 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ 23 ส.ค. แต่ปัญหาก็คือว่ากฎหมายนี้จะได้ออกหรือไม่ หรือตกไปก่อน และถ้าตกก็แสดงว่าไม่มีเลือกตั้ง  เลือกตั้งไม่ได้ ปัญหาภายในประเทศในขณะนี้ สภาพของรัฐธรรมนูญเป็นสภาพที่ใกล้เคียงกับหาทางออกไม่ได้ หมายความว่ารัฐธรรมนูญมีทางออก แต่ไม่นำพากฎหมาย คือไม่ยอมรับ และการฉ้อฉล,ทุจริต, บิดเบือนต่างๆ ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ แล้วก็มองไม่เห็นความเป็นรัฐบาล หรือการใช้อำนาจแห่งรัฐแสดงออก นี่คือปัญหาภายในทั้งนั้น ความทุกข์ยากต่างๆ ทั้งแผ่นดิน จะเกิดกรณีการขายแผ่นดินออกไป เกิดหนี้สินท่วมตัว

ส่วนปัญหาภายนอกในขณะนี้ โดยเฉพาะกรณีที่อเมริกาจะไม่ยอมรับความเป็นจริงของโลก และต้องการกดขี่ต่อ ในขณะที่กลุ่มจีน, รัสเซีย และประเทศต่างๆ   หลายประเทศเขารวมกัน เพื่อที่จะแสดงออกว่าให้อเมริกาเลิกกดขี่ และยอมรับความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน แต่ประเทศไทยก็ถูกอเมริกากดทับ บนพื้นฐานที่เหมือนกับอำนาจรัฐยอมรับด้วย  ตรงนี้ถือเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ในวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น และจะทำอย่างไร

"คำพระราชปรารภ หรือบางคนเรียกว่าอารัมภบท ในฐานะนักกฎหมายต้องถือว่าอันนั้นเป็นกฎหมาย เสมือนหนึ่งพระราชดำริ แต่ถ้ามองในทางกฎหมาย เป็นพระบรมราชโองการ เพราะฉะนั้นบรรดาผู้มีอำนาจรัฐต่างๆ ที่ไม่ทำแล้วยังไปอ้าง ความจงรักภักดี หรือประชาชนทั้งหลายที่ไปเชียร์ ว่าถ้าไม่เอาตรงนี้ไว้ สถาบันจะสั่นคลอน นี่คือตัวที่ทำให้สถาบันสั่นคลอนอย่างแท้จริง เพราะไม่ยอมรับตรงนี้ เพราะถ้ายอมรับตรงนี้ ปัญหาวันนี้ไม่เกิด"

ม็อบใหญ่วัดใจ 8 ปี

นายนิติธรระบุว่า ประชาชนควรจะให้ความสำคัญกับเรื่อง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ ตนคิดว่าวันที่ 23 ส.ค. ต้องจัดเวทีใหญ่หรือไม่ เพื่อวัดใจกันว่า รัฐบาล, ศาลรัฐธรรมนูญ, ประชาชน คนหนึ่งจะเอากฎหมาย คนหนึ่งจะเอาไสยศาสตร์หรือไม่ วันนี้สิ่งที่จะต้องจับตาดูคือความสมเหตุสมผลของกฎหมาย

ขณะที่นายไพศาลเผยว่า รัฐบาลจะบริหารประเทศครบ 8 ปี ตนได้ถามนักกฎหมาย บอกว่าครบ 8 ปีก็ต้องจบ ทั้งนี้ตนเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมาก่อน และเป็นนักกฎหมายด้วย เรื่องไหนสนับสนุนก็สนับสนุน เรื่องไหนค้านก็ต้องค้าน รัฐธรรมนูญปี 2557 ระบุว่านายกรัฐมนตรี จะดำรงตำแหน่ง 8 ปีติดต่อกันไม่ได้ หรือ 2 สมัยติดต่อกันไม่ได้ เมื่อก่อนถ้าดำรงตำแหน่งไม่ติดต่อกัน ก็ยังเป็นได้อีก 1 สมัย

ฉะนั้นเมื่อเขาต้องการพัฒนากฎหมาย และต้องการพัฒนาระบบการปกครองของประเทศ โดยอ้างว่าใครก็ตามอยู่ในอำนาจนายกฯ นานเกินไป เป็นต้นเหตุวิกฤตของประเทศ ขนาด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นคนดีศรีแผ่นดิน เป็นขุนนางตงฉิน และมีความตั้งใจทำงาน ส่งเสริมแต่คนดีให้มีอำนาจ อยู่ 8 ปีคนก็เบื่อ ไล่ท่าน แต่ท่านไม่รอให้คนมาไล่ ท่านไปเองเลย เพราะฉะนั้นเขาต้องการพัฒนากฎหมาย เลยยกตรงนี้ขึ้นมา

นายไพศาลบอกว่า เคยให้ความเห็นไว้ว่า ไปเขียนล็อกตัวไว้ทำไม ถ้าสมมุติว่าบ้านเมืองเกิดวิกฤตขึ้นมา แล้วจำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรี อยู่ไป 10 ปีหรือ 15ปี จะทำอย่างไร เช่น ปัจจุบันนี้ก็เกิดกรณีของรัสเซีย ประเทศรัสเซียเมื่อก่อนห้ามเป็นผู้นำ 2 สมัย ทำให้รัสเซียต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในยามนี้เห็นว่าถ้าไม่มีเสถียรภาพ เขาก็แก้ไข ตนเคยพูดเอาไว้แต่มีคนมารุมด่าและไปรวมกันขอให้ปลดตนออกจากตำแหน่ง เพราะฉะนั้นตนถึงรู้ดีว่า 8 ปีมาอย่างไร ก็เลยค้าน

ต่อมามีการเขียนไว้ในมาตรา 158 เป็นมาตราหลัก ว่านายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม แล้วก็กลัวว่าจะมีการตีความ เลยไปเขียนในมาตรา 264 ในบทเฉพาะกาลว่า นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งก่อนรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับให้เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็หมายความว่าตีความอย่างอื่นไม่ได้

"เขามักจะอ้างว่าให้ไปถามคนร่าง ผมก็ทนไม่ไหวบอกว่าคนร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเจ้าของกฎหมายหรืออย่างไร เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องดูที่กฎหมาย ไม่ใช่ไปถามคนร่าง คนร่างลิ้นมีกระดูกเสียเมื่อไหร่ ก็พลิกลิ้นไปเรื่อย เขาก็อายเลยให้มีนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาในทางกฎหมาย จึงได้ทำบันทึกเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ แล้วไปเขียนล็อกนายไพศาลไว้ เผื่อว่าจะมาเถียงในวันข้างหน้า โดยไปเขียนว่า เหตุที่ต้องกำหนดวาระ 8 ปี เพราะดำรงตำแหน่งนานเกิน 8 ปี เป็นต้นเหตุของวิกฤตทางการเมืองของประเทศ"

จะรอด 8 ปีหรือไม่

นายไพศาลกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะบริหารประเทศครบ 8 ปีในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ตอนแรกพวกนักไสยศาสตร์บอกว่า ต้องหาทางตีความ เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่า เสียงที่เคยบอกว่าเป็น 2 ปีก็พอ อีกไม่นานเราจะทำตามสัญญา มันไม่ใช่แล้ว นักไสยศาสตร์ก็เลยคิดแผนตีความว่า เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ และมีการเลือกตั้งในปี 2562 ก็ถือว่า 8 ปีนับจากการเลือกตั้งปี 2562 แต่ถ้านับจากปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ได้ถึงปี 2570

"ก็เลยตีความผ่านรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้ เมื่อปี 2560 ต้องบังคับใช้ไปข้างหน้า ไม่ใช่บังคับใช้มาข้างหลัง ดังนั้นการดำรงตำแหน่งปี 2557 มาจนถึงปี 2560 ที่เราบัญญัติธรรมนูญใช้บังคับก็ไม่นับ ให้นับตั้งแต่ปี 2560 ที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้คือ ไปถึงปี 2568 เขาจะปลุกเสกตรงนี้ ถ้าตีความตรงนี้ก็ถือว่าไม่นับทั้งสิ้น"

เขาชี้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะรอด 8 ปีหรือไม่ อยู่ที่ว่ากันตามกฎหมาย แต่ถ้าว่ากันไปตามไสยศาสตร์ ก็ไม่ต้องคำนึงถึงว่าอะไรจะเกิด ชื่อเสียงที่ตัวเองสั่งสมมาก่อน จะสาปแช่งไปถึงลูกหลาน ก็ไม่แคร์ก็ทำได้ แต่ประชาชนจะยอมรับหรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ยอมรับ และจะทำกันโดยใช้ไสยศาสตร์ มาปกครองบ้านเมือง ประชาชนก็มีความชอบธรรมที่จะปฏิเสธอำนาจรัฐ เรื่องนี้จะดูแคลนไม่ได้

“ผมเป็นนักกฎหมาย ถ้าไม่เชื่อกฎหมายแล้วจะเชื่ออะไร ที่พูดอยู่วันนี้ก็เพราะอาศัยกฎหมายเป็นพื้นฐาน ผมยังเชื่อว่า 8 ปีจบ วันนี้เสียงอวยเป็นเสียง ของประชาชนหรือเป็นเสียงที่ปลุกเสกขึ้นมา เรื่องวันนี้ถ้าเราพึ่งพาได้ ต้องตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน ว่าไปใช้ในกิจการไอโอมากน้อยแค่ไหน บ้านเมืองมีขื่อมีแป คือหลักกฎหมายตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมา หลังคาถ้าไม่มีขื่อแปค้ำยันแล้วจะอยู่ได้หรือ ก็พังครืนลงมา ทั้งนี้รัฐธรรมนูญใช้บังคับมาแล้ว 5 ปี ถามว่าเหตุแห่งทุกข์ของแผ่นดินนี้ ที่ทรงแสดงไว้ในบทพระราชปรารภ ได้รับการแก้ไขให้บรรเทาเบาบางลง ฟื้นคืนดีขึ้นหรือว่าหนักกว่าเดิม”

นายไพศาลยังอ้างว่า สาเหตุวิกฤตของประเทศเกิดจากการทุจริต ฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพา ต่อความเดือดร้อนของประชาชน ไปดูได้ในหมวดพระราชปรารภ ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ สาเหตุทุกข์ยากและวิกฤตของแผ่นดินเกิดจาก 4 ประการ คือ การทุจริต, การฉ้อฉล โดยการบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร วันนี้น้ำมันแพง มีใครนำพาหรือไม่ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย

ใช้ไสยศาสตร์กับกฎหมาย

อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่บทพระราชปรารภระบุชัดมากอย่างนี้ในรัฐธรรมนูญ และเขียน 2 ตอน นั่นหมายความว่าการที่ปรากฏพระราชปรารภขึ้นในรัฐธรรมนูญ 60 ก็ทรงเห็นวิกฤตของบ้านเมืองว่าเกิดจากอะไร และการจะดับทุกข์ของแผ่นดินได้ ต้องดับที่ต้นเหตุตรงนี้ และนับจากวันนั้นถึงวันนี้ ดีขึ้นหรือหนักกว่าเดิม ถ้าหนักกว่าเดิม ก็แสดงว่าไม่นำพาต่อพระราชปรารภใช่หรือไม่

“พวกใช้ไสยศาสตร์กับกฎหมาย มันสร้างเวรกรรมกับประเทศมาก พวกนี้ถ้าต้นน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ กลางน้ำและปลายน้ำก็สะอาดหมดจด ถามว่าต้นน้ำมาจากไหน ก็มาจากรัฐธรรมนูญจุดหนึ่ง มี ส.ว. ซึ่ง ส.ว.ก็เป็นกลไกของนิติบัญญัติ มีหน้าที่กำกับควบคุม ตรวจสอบฝ่ายบริหารใช่หรือไม่ และคานอำนาจกับสภาผู้แทนราษฎร แต่อยู่ๆ ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง พอแต่งตั้งมา บทบาทหน้าที่ในการกำกับ ควบคุมการบริหารก็เปลี่ยนไป ใช้วิธีไสยศาสตร์เสกไปเลย มีอำนาจเลือกนายกฯ และให้ ส.ว.มีอำนาจ 5 ปี จากเดิม 4 ปี ใครก็ตามที่คิดจะใช้ไสยศาสตร์ ในเรื่องนี้ให้คิดต่อไปด้วยว่า ถ้าเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น แล้วข้าราชการกับประชาชนบอกว่าไม่ยอมรับอำนาจ คุณจะทำอย่างไรต่อไป คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก”

อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ บอกว่า ส.ว.ตั้งรัฐบาล เมื่อตั้งแล้วก็ต้องอุ้มใช่หรือไม่ และยังให้มีอำนาจในการให้ความเห็นชอบ กรรมการองค์กรอิสระ ฉะนั้นหน่วยงานที่ตรวจสอบทั้งหลาย ต้องให้ส.ว.เห็นชอบ แต่เขาจะเห็นชอบแบบมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไขก็ได้ หากมีเงื่อนไขขึ้นมา องค์กรอิสระทั้งหลายจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่ แล้ววันนี้องค์กรอิสระเป็นของราษฎรหรือไม่

นายไพศาลกล่าวว่า โดยหลักการ อำนาจรัฐต้องดู 3 อย่างคือ รัฐบาลเป็นผู้ที่ถืออำนาจรัฐ ใช้อำนาจรัฐ รักษาอำนาจรัฐ และถ้าเป็นรัฐบาลให้ดู 3 อย่างคือ 1.มีจุดยืนในการทำงาน เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน 2.ต้องเป็นปากเป็นเสียงแทนชาติและประชาชนในการรักษาผลประโยชน์ของตน 3.ต้องต่อสู้และดำเนินการทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกรณีภายนอกหรือภายในประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง