พิ้งกี้เครียดนอนเรือนจำ จ่อเรียกดีเจแมน-ใบเตย

นักแสดงสาว “พิ้งกี้” กับแม่อยู่แดนกักตัว มีอาการเครียดเล็กน้อย ผลตรวจร่างกายไม่พบเชื้อโควิดทั้งสองคน   ตอนเช้าเครียดน้อยลง กินอาหารได้ ยังพูดคุยกำลังใจกัน ส่วนพี่ชายนักแสดงสาวถูกควบคุมตัวอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อัยการแนะนำเรียก "ดีเจแมน​-ใบเตย" ผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่ม ส่วน "โบ๊ท" นายแบบหนุ่มนอนคุกต่อศาลไม่ให้ประกัน

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการควบคุมตัว น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือพิ้งกี้ นักแสดงสาว และนางสรินยา มารดาของพิ้งกี้ ถูกควบคุมตัวในคดี Forex 3D ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ทราบว่าเมื่อคืนนี้หลังจากถูกควบคุมตัวมาที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งสองคนเข้าสู่แดนกักตัวสังเกตอาการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่าทั้งสองคนมีความเครียดเล็กน้อย และพูดคุยให้กำลังใจกันระหว่างแม่ลูกตลอดเวลา ก่อนนอนหลับในช่วงหลัง 2 ทุ่ม

ส่วนตอนเช้าพบว่าทั้งสองคนมีความเครียดน้อยลง และยังคงพูดคุยให้กำลังใจกันอยู่ โดยยังสามารถรับประทานอาหารเป็นข้าวสวยกับแกงจืดได้ ทั้งนี้ทั้งสองคนจะต้องอยู่ในแดนกักตัวอีก 5 วัน ก่อนจะเข้าสู่แดนแรกรับและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เบื้องต้นทราบว่าทางทัณฑสถานหญิงกลางได้เตรียมผู้ต้องขังพี่เลี้ยงคอยดูแลสภาพจิตใจของทั้งสองคน การตรวจร่างกายของทั้งสองคนเบื้องต้นไม่พบเชื้อโควิด และแม่ของพิ้งกี้ไม่มีโรคประจำตัวใดที่น่าเป็นห่วง

ส่วนนายกิตติเชษฐ์ พี่ชายของพิ้งกี้ ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีอาการเครียด แต่ว่ายังสามารถรับประทานอาหารได้ นอนหลับได้น้อย จึงให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดและสอบถามให้กำลังใจ

ด้านนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีการรับตัว น.ส.สาวิกาพร้อมพวกรวม 19 ราย ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีตามหมายศาล เป็นหญิง 5 ราย และชาย 14 ราย ได้ดำเนินการตามมาตรการรับตัวผู้ต้องขังเข้าเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยทุกรายได้รับการตรวจค้น และตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และแยกกักโรคตามปกติ

นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เเละรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีเเชร์ forex พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องทั้งหมด 3 สำนวน คดีแรก 1853/64 มีนายอภิรักษ์ โกฏธิ กับพวกรวม 4 คน ในความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ และ พ.ร.ก.ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, คดีที่ 2 ฟ้องนายสุภิญโญ มีสมปราชญ์ อีกสำนวน โดย 2 สำนวนเเรกมีผู้ต้องหารวมกัน 5 คน ซึ่ง 2 สำนวนนี้ศาลสั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน และนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.00 น. จนเมื่อวานมีการยื่นฟ้องนายสรายุทธ ไชยเดช (พี่ชายพิงกี้ สาวิกา) กับพวกรวม 19 คน (ศาลไม่ให้ประกันทั้งหมด) ซึ่งมี น.ส.สาวิกา ดาราสาวด้วย ทำให้ทั้ง 3 สำนวนรวมทั้งหมดมีจำเลย 24 คน

ดีเจเเมน-ใบเตย อาร์สยาม

โดยในคำสั่งของพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ยังเเนะนำให้ดำเนินคดีในผู้ที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นผู้ร่วมกระทำผิดเเละจะอยู่ในฐานที่เป็นผู้ต้องหาอีก 16 คน ซึ่ง 2 ใน 16 คนนี้มีคนในวงการบันเทิงคือนายพัฒนพล มินทะขิน สกุลเดิม กุญชร ณ อยุธยา (ดีเจเเมน), น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือใบเตย อาร์สยาม ซึ่งจากการประสานระหว่างพนักงานอัยการเเละดีเอสไอทราบว่าอยู่ระหว่างดำเนินการในการดำเนินคดีทั้ง 16 คน ตามที่อัยการเเนะนำไป

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีญาติของนายกษม หรือโบ๊ท กลปราณีต นักร้องนักแสดงและนายแบบ จำเลยที่ 17 มายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเพียงคนเดียว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 5 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้เคยมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 17 โดยระบุเหตุผลไว้ชัดแจ้งแล้ว กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำฟ้องบรรยายคดีนี้ระบุว่า ตั้งเเต่วันที่ 24 พ.ย.58-8 ก.ย.63 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 19 ในคดีนี้ กับจำเลยทั้ง 4 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.853/2564 (คดีอภิรักษ์) ของศาลนี้ กับนายสุภิญโญ มีสมปราชญ์ จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.265/2565 ของศาลนี้ กับพวก ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง โดยเจตนาทุจริตและโดยหลอกลวง ได้บังอาจร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และบังอาจร่วมกันหลอกลวงประชาชนโดยโฆษณาชักชวนหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนทั่วไปหรือแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ www.forex-ed.com และผ่านทางผู้ให้บริการโลกออนไลน์ที่เรียกชื่อว่า “เฟซบุ๊ก (Facebook)” ด้วยการใช้บัญชีผู้ใช้บริการเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “Apiruk Krub”, “Apirak Kothi” และ “Forex-md” ซึ่งเป็นการโฆษณาที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และประชาชนสามารถพบเห็นได้ทั่วไป แพร่ข่าวชักชวนให้ประชาชนทั่วไปนำเงิน (FOREX)

โดยจำเลยทั้ง 19 กับพวก มีทีมงานมืออาชีพ หรือฟอร์เร็กซ์ เทรดเดอร์ (Forex Trader) มืออาชีพ เป็นผู้ทำการลงทุนแทนผู้ลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการซื้อขายหรือ เทรดเงินตราต่างประเทศ โดยจำเลยทั้งสิบเก้ากับพวกจะเป็นผู้ทำการซื้อขายหรือเทรดเงินตราต่างประเทศให้ ซึ่งในช่วงแรก นักลงทุนต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 500ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 15,000 บาท ต่อมามีการเพิ่มการลงทุนขั้นต่ำเป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 50,000 บาท โดยนักลงทุนจะมีระดับการลงทุน หรือรูปแบบการลงทุน ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุนและระยะเวลาการลงทุน แบ่งเป็น 5 รูปแบบ (Class)

คือ 1.Class Bronze ส่วนแบ่งกำไร 60 ต่อ 40 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 20 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ

2.Class Silver ส่วนแบ่งกำไร 65ต่อ 35 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 15 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ อายุบัญชีการลงทุน 6 เดือน

3.Class Gold ส่วนแบ่งกำไร 70 ต่อ 30 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 10 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ อายุบัญชีการลงทุนมากกว่า 2 ปี

4.Class Platinum ส่วนแบ่งกำไร 35ต่อ 25 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 5 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ อายุบัญชีการลงทุนมากกว่า 3 ปี

ชักชวนหลอกลวงประชาชน

5.Class Diamond ส่วนแบ่งกำไร 40ต่อ 20 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 20วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ อายุบัญชีการลงทุนมากกว่า 5 ปี เมื่อเริ่มสมัครผู้ลงทุนจะได้รับ Class Bronze ที่เป็นแผนการลงทุนเริ่มต้น ผลกำไรของผู้ลงทุน แต่ละรายจะขึ้นอยู่กับ Class ที่ผู้ลงทุนแต่ละรายลงเงินไป แต่โดยพื้นฐานการลงทุนปกติ ทุกคนจะต้องเริ่ม จากระดับต่ำสุด คือ Class Bronze ซึ่งเงินลงทุนเท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าอัตราที่บริษัท อาร์ เอ็ม เอส แฟมิเลีย จำกัด กำหนด คือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 50,000 บาท และเมื่อลงทุนครบตามกำหนด ระยะเวลาที่บริษัทกำหนด ระบบจะเลื่อนระดับ (Class) การลงทุนให้โดยอัตโนมัติ และนักลงทุนสามารถรับผลกำไรตามอัตราส่วนในแต่ละระดับ (Class) ที่กำหนด เช่น เลื่อนจาก 60ต่อ40 เป็น 65 ต่อ 35 เป็นต้น

โดยผู้ลงทุนจะต้องทำสัญญากับจำเลยทั้ง 19 กับพวก ที่เรียกว่า “สัญญาร่วมทุนเพื่อเปิด บัญชี หรือเพิ่มทุน ขาย แลกเปลี่ยนหุ้น เงินตรา และหลักทรัพย์” โดยทำสัญญาในนามของบริษัท อาร์ เอ็ม เอส แฟมิเลีย จำกัด และลงนามโดยนายอภิรักษ์ โกฏฐิ ซึ่งในสัญญาระบุว่าต้องลงทุนนาน 3 เดือน จึงจะสามารถถอนเงินทุนออกมาได้ทั้งหมด ในการจ่ายเงินลงทุนให้กับจำเลยทั้ง 19 กับพวกในช่วงแรกนั้น ผู้ลงทุนต้องโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายอภิรักษ์ โกฏฐิ

การโฆษณาชักชวนหลอกลวงประชาชนของจำเลยทั้งสิบเก้ากับพวกดังกล่าวเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงแล้ว จำเลยทั้ง 19 กับพวกไม่ได้ประกอบกิจการซื้อขายหรือเทรดเงินตราต่างประเทศ (Forex) จริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่เคยมีการให้ใบอนุญาตแก่บุคคลหรือ นิติบุคคลใดเพื่อให้บริการลงทุนโดยเก็งกำไรจากการซื้อขายหรือเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในประเทศไทยอีกด้วย ประกอบกับจำเลยทั้ง 19 กับพวกได้อาศัยโอกาสจากความมีชื่อเสียง หรือความน่าเชื่อถือของพวกของจำเลยทั้ง 19 ที่เป็นดารานักแสดง นักร้อง บุคคลในวงการบันเทิง บุคคล ในวงการสังคมชั้นสูงหรือไฮโซ และรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่จำเลยทั้ง 19 กับพวกดังกล่าว ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และเมื่อจำเลยทั้ง 19 กับพวกได้รับเงินจาก ประชาชนผู้ร่วมลงทุนไว้แล้ว ได้นำเงินจากประชาชนรายนั้นหรือรายอื่นๆ มาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หมุนเวียนให้แก่ประชาชน โดยจำเลยทั้งสิบเก้ากับพวกมิได้นำเงินไปลงทุนหรือประกอบกิจการอย่างใดให้ได้รับ

การหลอกลวงดังกล่าวทำให้ประชาชนผู้เสียหายหลงเชื่อถูกหลอกลวง อันเป็นการกระทำความผิดฐานโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน รวม 9,824 กรรม โดยได้ไปทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินรวมผู้เสียหายจำนวน 9,824 คน และมีการกู้ยืมเงินรวมกันมีความเสียหายรวม 2,489,820,321.52บาท

โดยศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ข้อหามีอัตราโทษสูง ค่าเสียหายตามฟ้องมีจำนวนมาก กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 น.ส.สาวิกา ไชยเดช และนางสรินยา ไชยเดช จำเลยที่ 3 (มารดา) น่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง เเละนัดสอบคำให้การ 26 ก.ย.ช่วงเช้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง