‘หน่อย’นำไทยสร้างไทย หึ่ง!หญิงอ้อโผล่ร่วม‘อิ๊ง’

เคลื่อนไหวคึกคัก! ไทยสร้างไทยประชุมใหญ่ เลือก "สุดารัตน์" ถือธงพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง ด้าน “ผู้พันปุ่น” นั่งเลขาฯ พรรค ประกาศยกร่าง รธน. คาดโทษหนักกบฏรัฐประหาร เปลี่ยนรัฐราชการให้เป็นรัฐประชาชน เพื่อไทยขึ้นเหนือ สะพัด "หญิงอ้อ" จ่อร่วมเฟรมการเมืองให้กำลังใจ "อุ๊งอิ๊ง" ขณะที่ "พิธา" ลั่น! เปลี่ยนรัฐบาลเปลี่ยนนายกฯ อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนทั้งระบบองคาพยพ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 พรรคไทยสร้างไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรค ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ชั้น 7 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีผู้ร่วมงานสำคัญๆ อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย, นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา, นายอุดมเดช รัตนเสถียร นายสุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ทั้งนี้ มีวาระสำคัญคือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคไทยสร้างไทยชุดใหม่ จำนวน 50 คน ผลปรากฏว่าที่ประชุมเห็นด้วยให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ส่วน น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีต ส.ส. เป็นเลขาธิการพรรค สำหรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จำนวน 11 คน อาทิ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ, นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข,   นายประวัฒน์ อุตตะโมต อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,  พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ และนางนาถยา แดงบุหงา อดีต ส.ส.กทม. เป็นต้น

ตำแหน่งรองเลขาธิการ จำนวน 10 คน อาทิ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ส่วน น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ เป็นโฆษกพรรค และมีนายธวัชชัย สุทธิบงกช เป็นนายทะเบียนพรรค ขณะที่กรรมการบริหารพรรค มีทั้งสิ้น 24 คน เช่น นายนาดา ไชยจิตต์ นายแมน เจริญวัลย์ เป็นต้น และมี ดร.สุวดี พันธุ์พานิช เป็นเหรัญญิกพรรค

จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ในฐานะหัวหน้าพรรรค แสดงวิสัยทัศน์ว่า 90 ปีประชาธิปไตยวนเวียนกับการรัฐประหาร อยู่กับวงจรอุบาทว์และการด้อยค่าประชาธิปไตย พรรคการเมืองบางพรรคอ้างตัวเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่เคยลุกมาปกป้องเมื่อมีการรัฐประหาร ตนต่างหากที่ต้องต่อสู้กับรัฐประหารตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวสู่การเมืองในปี 35 บางพรรคไม่เคยต่อสู้ แต่ยังร่วมมือกดทับคนตัวเล็กเสียด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า พรรคไทยสร้างไทยจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้วยการปลดล็อกประชาชนจากพันธนาการและการกดทับของรัฐราชการ (LIBERATE) และสร้างอำนาจ (EMPOWER) ประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็กให้เข้าถึงโอกาสต่างๆ เปลี่ยนประเทศร่วมกันด้วยการกำจัดความคิดและวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม เปลี่ยนกลไกรัฐราชการให้เป็นกลไกที่ตอบสนองการดำรงชีวิตและการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน

ล้มล้างรัฐธรรมนูญเป็นกบฏ

ประการแรก ต้องปลดล็อกวิกฤตการเมืองที่ยาวนานกว่า 16 ปี ด้วยการคืนอำนาจให้ประชาชนในการสร้างรัฐธรรมนูญของประชาชน เพื่อประชาชน  ผลักดันให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่สำคัญที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะต้องมีบทบัญญัติให้คนล้มล้างรัฐธรรมนูญเป็นกบฏ และต้องรับโทษทัณฑ์สูงสุด

ประการที่สอง เปลี่ยนรัฐราชการให้เป็นรัฐประชาชนให้สำเร็จ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐต้องเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการดำรงชีวิตและการทำมาหากินของประชาชนให้ง่ายขึ้น, ประการที่สาม คือการปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำมาหากินของประชาชน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ร่างกฎหมายพักใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาต รวมถึงโทษอาญาหรือทางปกครองไว้ชั่วคราว 3-5 ปี ประมาณ 1,500 ฉบับ และประการที่สี่  คือการปลดล็อกจากการทุจริตคอร์รัปชันอันเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายเป็นรากเหง้าของปัญหา ซึ่งได้ฝังรากลึกไปทุกวงการโดยเฉพาะนักการเมืองระดับประเทศ นักการเมืองท้องถิ่นราชการและรัฐวิสาหกิจ พรรคเตรียมโมเดลปราบโกงไว้เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าถ้าพรรคได้ทำงานจริง จะลากเอาคนโกงเบอร์เข้าคุกให้ประชาชนได้อย่างสะใจอย่างแน่นอน

ต่อมาคุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากพรรคเสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็พร้อม เหมือนกับการสอบไล่ เราจะต้องแข่งกับตัวเอง เรามีหน้าที่ทำข้อสอบของเราให้ดีที่สุด และได้ประกาศไปแล้วว่าจะสู้ทุกกติกา ดังนั้นพรรคจึงมีความพร้อมและไม่ได้กังวล พรรคเกิดใหม่แม้จะเสียเปรียบ แต่หวังว่าประชาชนที่ได้ฟังนโยบายของเรา ประชาชนจะร่วมสร้างพรรคไทยสร้างไทยโดยการออกไปเลือก

ถามว่าจะสามารถจับมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือนายทักษิณ ชินวัตร ได้หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า วันนี้เราเสนอว่าเราเป็นทางเลือกใหม่ และมั่นใจว่าถ้าเลือกไทยสร้างไทยแล้วจะไม่กลับไปในวงจรอุบาทว์ ที่เลือกฝั่งหนึ่งก็ติดล็อก เลือกอีกฝั่งหนึ่งก็ติดหล่ม และขอย้ำว่าเรามาเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง วันนี้หมดเวลาแล้วที่จะทะเลาะกัน ถ้าเลือกแบบเดิมแล้วจะมาตีกันอีกประเทศก็จะเดินต่อไปไม่ได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีการจับมือกับพรรคสร้างอนาคตไทย ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่ได้มีการพูดอะไรกัน และในส่วนของพรรคเราก็ยังเดินหน้า ทั้งนี้ เป้าหมายของพรรคเราแตกต่างจากเป้าหมายของพรรคการเมืองอื่น

ถามต่อว่า พรรคเปิดกว้างพร้อมทำงานกับทุกขั้วใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราประกาศบนเวทีว่าเราเป็นพรรคประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจนิยมและเผด็จการทุกรูปแบบ

ที่สหกรณ์การเกษตร อ.สันป่าตอง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยแกนนำพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ,  นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย ลงพื้นที่พบปะตัวแทนเกษตรกรภาคเหนือ อาทิ ชาวสวนลำไย เกษตรกรผู้ปลูกหอมใหญ่ เพื่อรับฟังปัญหาและนำไปจัดทำเป็นนโยบาย

สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น หากรัฐบาลอยู่ครบเทอมในเดือน มี.ค.2566 คาดว่าจะเลือกตั้งประมาณเดือน พ.ค.2566 โดยพรรคเพื่อไทยมั่นใจจะได้แลนด์สไลด์แน่นอน แต่ล่าสุดได้ยินว่าหลังการประชุมเอเปกในเดือน พ.ย.นี้เสร็จสิ้นจะมีการยุบสภา ก็จะทำให้การเลือกตั้งเร็วขึ้น

ขณะที่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ทุกพื้นที่มีปัญหาแตกต่างกัน แต่รัฐบาลต้องดูแลใส่ใจประชาชน พรรคเพื่อไทยเห็นใจพี่น้องชาวเกษตรกรทุกคน วันนี้ปัญหาหลักคือรัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือ และให้การดูแลอย่างที่ควรจะเป็น สมัยรัฐบาลไทยรักไทยเราให้ความสนใจในการพัฒนาภาคเหนือมาโดยตลอด ถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับโอกาสเป็นรัฐบาล เราจะดูแลพี่น้องชาวเกษตรกรทุกคนเป็นอย่างดี เพราะมันคือจิตวิญญาณของพวกเราที่มีมาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่พรรคก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพบตัวแทนเกษตรกร ทีมงานครอบครัวเพื่อไทย ได้เดินทางต่อมายังบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) เพื่อเยี่ยมชมกระบวนแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับข้าวโพด จากนั้นเวลา 11.45 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการจัดกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ในวันที่ 10 ก.ย. และจะมีเซอร์ไพรส์ ขอให้ประชาชนติดตาม เราทำงานอย่างหนักเพื่อคิดแต่ละนโยบายขึ้นมาในการนำปัญหาของประชาชนมาแก้ไข

ถามว่า ขณะนี้หลายพรรคเริ่มมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ควรจะมีความชัดเจนได้เร็วขึ้นหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า อยากให้มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนก่อน พรรคเพื่อไทยจะมีความชัดเจนแน่นอน

ซักว่าจะมีฟ้าลิขิตให้เป็นนายกฯ ได้หรือไม่ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยตอบว่า เรื่องนี้ต้องอยู่ที่พี่น้องประชาชน คนในพรรค และต้องดูเรื่องความเหมาะสม ต้องดูเมื่อการเลือกตั้งที่จะมาถึง ประเทศต้องไปต่อ ไม่ใช่จะมาดูว่าใครจะเป็นผู้นำ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการเปิดแคนดิเดตนายกฯ เมื่อได้วันเลือกตั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่แน่ ขอให้ประชาชนรอลุ้นต่อไป

เมื่อถามว่า จะเป็นชื่อ น.ส.แพทองธารเลยหรือไม่ เนื่องจากผลโพลและประชาชนก็ต้องการให้เป็นนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า กราบขอบพระคุณที่ผลโพลออกมาดี ดีใจมาก แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องขอให้รอดูกันอีกที เนื่องจากผลโพลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราจะเดินหน้าหาเสียงตามจุดมุ่งหมาย เสนอนโยบายให้ประชาชนรู้ว่าเราตั้งใจทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น

"หญิงอ้อ" ก็มา

ถามว่า พรรคจะมีการเดินหน้าสานต่อนโยบายจำนำข้าวหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เรื่องนี้ต้องมีการทบทวนรายละเอียด และต้องทำให้ดี แน่นอนว่ากระบวนการที่มีปัญหาหรือมีอะไรบางอย่าง จะต้องนำมาแก้ไขเพื่อตอบสนองประชาชนได้อย่างแท้จริง อย่างที่เคยพูด นโยบายจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร และจุดมุ่งหมายของพรรคคืออยากให้เกษตรกร ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้ ดังนั้นนโยบายจำนำข้าวในเรื่องคอนเซ็ปต์ยังเป็นสิ่งที่ดี

  รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ในการจัดกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ในวันที่ 10 ก.ย. ของครอบครัวเพื่อไทย ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ ที่นำโดย น.ส.แพทอง ที่จะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พื้นที่ภาคเหนือของพรรค ที่สำคัญงานครั้งนี้คนในครอบครัวของ น.ส.แพทองธารจะมาร่วมงานทั้งหมด ทั้งพี่ชาย พี่สาว พี่เขย รวมถึงคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่จะมาร่วมกิจกรรมและให้กำลังใจ น.ส.แพทองธารในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นการร่วมกิจกรรมทางการเมืองครั้งแรกหลังจากยุคพรรคไทยรักไทย

วันเดียวกันนี้ พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล เปิดแคมเปญ “เลือกตั้งใหญ่ พรรคก้าวไกล” ภายใต้สโลแกน “ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า” เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งปี 2566 พร้อมกับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนสีประจำพรรคใหม่เป็นสีส้มจี๊ด เพื่อความสดใส และหมายถึงวันใหม่ๆ ที่เรากำลังจะเจอกันในอนาคต และเปิดตัวน้องไข่ต้ม แมวส้มมาสคอตก้าวไกล

โดยนายพิธากล่าวว่า การมีอยู่ของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่การทำนโยบายระยะสั้น ไม่ได้อยู่แบบขอไปที แต่เข้ามาเพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้น เปลี่ยนรัฐบาลเปลี่ยนนายกฯ อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนทั้งระบบองคาพยพ จากนี้เราไม่สามารถทำนโยบายแบบปะผุได้ เราคิดว่าถ้าจะทำให้ประเทศก้าวไกล ประเทศไทยก้าวหน้า ต้องมีพรรคก้าวไกลเท่านั้น ต้องทำอย่างที่เราทำมา เราเป็นฝ่ายค้านยังทำให้ระบบเปลี่ยนขนาดนี้

 “ผมพร้อมเป็นนายกฯ ที่ทันสมัย ทำให้คนไทยเท่าเทียมกัน ให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปในอนาคต แล้วเจอกันที่ทำเนียบรัฐบาล” นายพิธากล่าว

ทั้งนี้ ในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค จำนวน 23 คน มีบุคคลที่น่าสนใจคือ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ หรือแก้วตา บุตรสาวของนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อีกทั้งยังเป็นหลานสาวของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตหัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ ซึ่งเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์รวมอยู่ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง