แข่งจับผิดรุมบี้กกต. ‘พปชร.-พท.’ซัดกันนัวทุ่มหาเสียง/จุรินทร์หวานรักเสี่ยหนู

"ทีม กม.นายกฯ" มั่นใจปม 8 ปี ยัน "บิ๊กตู่" เคารพคำพิพากษาศาล   "ประวิตร" ฟิตต่อเนื่อง เตรียมลุย จ.เพชรบูรณ์ 25 ก.ย. เป็น ปธ.อุ้มพระดำน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร เผย พปชร.เตรียมถาม กกต. ข้อปฏิบัติ ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัคร หลัง 24 ก.ย.ทำอะไรได้-ไม่ได้ ยิ้มวัยรุ่นโดนใจนุ่งยีนส์ลุยพื้นที่ "สมศักดิ์" ชี้หลังลอยกระทงเข้าโหมดการเมืองเต็มที่ "จุรินทร์" เชื่อคนใต้แยกแยะออกไม่เอาพรรคเฉพาะกิจ ย้ำไร้ขัดแย้งภูมิใจไทย "อนุทิน" ลั่นแค่เกมการเมือง "พท." ซัดรัฐบาลง่อนแง่น หลายพรรคเตรียมสละเรือ จี้เร่งแก้ไขปัญหา  ศก.

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ  ในประเด็นระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ วันที่ 30 ก.ย.นี้ว่า ไม่กังวลอะไร รอฟังคำวินิจฉัย ส่วนข่าวต่างๆ ที่ออกมา ตนไม่ทราบที่มาที่ไป

พล.ต.วิระกล่าวว่า เอกสารต่างๆ ได้ยื่นให้ศาลครบแล้ว โดยวันที่ 30 ก.ย.ช่วงเช้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมกัน ซึ่งจะมีคำวินิจฉัยส่วนตัวก่อน แล้วค่อยวินิจฉัยกลาง โดยในวันดังกล่าวตนจะเป็นตัวแทนไปรับฟังคำวินิจฉัยศาล

ถามว่ากรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะชี้แจงเพียงแค่ว่าอยู่ครบ 8 ปีหรือไม่ครบ พล.ต.วิระกล่าวว่า ไม่ทราบ รวมถึงข่าวที่ออกมาทั้งหมด ทั้งเรื่องแนวทางการวินิจฉัยที่จะออกมา 3  2  4 หรือ 7  2 ตนไม่ทราบ และมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ตุลาการยังไม่ได้ประชุม

 “ไม่รู้สึกกดดันใดๆ เราทำในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่าน พล.อ.ประยุทธ์ก็บอกเหมือนกับข่าวที่ออกมาว่าท่านเคารพคำพิพากษา” ทีมกฎหมายนายกรัฐมนตรีกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการกระชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ช่วงเช้า

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาเตือน ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร หลังวันที่ 24 ก.ย. ให้ระมัดระวังเรื่องการแจกของต่างๆ เนื่องจากเข้าสู่ 180 วันที่สภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค.ว่า เราได้ทำเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วในเรื่องการใช้เงิน ทั้งนี้ จะต้องสอบถามรายละเอียดทาง กกต.อีกครั้งว่าเราจะใช้เงินอะไรได้บ้าง หรืออะไรใช้ไม่ได้บ้าง ไม่ต้องห่วง เพราะทางพรรค พปชร.ก็ต้องเตรียมการไว้

ถามว่าช่วงเวลานี้ถือว่าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้วหรือยัง เพราะตัวท่านเองก็เดินสายลงพื้นที่ตลอด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา จะไปเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างไร คุณคิดไปเอง เป็นช่วงท้ายของรัฐบาลที่ต้องเร่งขับเคลื่อนทุกอย่างที่ทำค้างไว้ ไม่ต้องห่วง รัฐบาลทำงานทุกอย่าง รวมทั้งประชาสัมพันธ์งานที่ได้ดำเนินการ

ซักว่าท่านเองจะมีการปรับลุคส์การแต่งตัว นุ่งกางเกงยีนส์ให้ดูกระฉับกระเฉงวัยรุ่นโซเชียลชอบลุคส์นี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนั้นเป็นวันหยุด เมื่อถามย้ำว่าต่อไปลงพื้นที่วันหยุดจะแต่งตัวแนวนี้ใช่หรือไม่ เพราะดูเหมือนวัยรุ่นชอบลุคส์นี้ พล.อ.ประวิตรยิ้ม ก่อนขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล

ถามถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้มีการคุยกันใน ครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไร ทำงานด้วยกันเรียบร้อย ไม่มีอะไร เรียบร้อยดี

บิ๊กป้อมใส่ยีนส์เรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรมีคิวลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่จังหวัดฉะเชิงเทรา กระบี่ ตาก และนราธิวาส ล่าสุดวันที่ 25 ก.ย.นี้ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจุดแรก เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตรไปเป็นประธานงานอุ้มพระดำน้ำ ที่วัดโบสถ์ชนะมาร ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จากนั้นเดินทางไปศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ติดตามการดำเนินงานโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ก่อนประชุมตรวจราชการพร้อมมอบนโยบาย ช่วงบ่ายจะเดินทางไปยังเทศบาลเมืองหล่มสักและเทศบาลตำบลตาลเดี่ยว เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งนี้ ถือเป็นการลงพื้นที่ตรวจราชการในฐานะรองนายกฯ และรักษาราชการแทนนายกฯ เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งไม่นับรวมกำหนดการเดินทางไปต่างจังหวัดในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และการลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมกรุงเทพฯ

ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ ของ พล.อ.ประวิตร ในช่วง 1 เดือนว่า พล.อ.ประวิตรทำหน้าที่ได้ดีมาก อย่างการประชุม ครม. หรือการประชุมในเรื่องสำคัญต่างๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เรียบร้อยทุกเรื่อง และไม่ได้มีปัญหาอะไรที่เกิดจากการทำงานของ พล.อ.ประวิตร ทุกอย่างไปได้ด้วยดีหมด

ถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์เมื่อ พล.อ.ประวิตรปรับลุคส์แต่งกายด้วยการสวมกางเกงยีนส์ เพื่อเตรียมพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า แค่ใส่กางเกงยีนส์เป็นนายกฯ ได้เลยหรือ มันไม่เกี่ยวกันหรอก ซึ่งโดยทั่วไป พล.อ.ประวิตรเป็นคนแต่งตัวสบายๆ อยู่แล้ว ใส่กางเกงยีนส์ ใส่เสื้อยืดเป็นปกติ เพียงแต่ที่ผ่านมาเรามักเห็นภาพเวลาที่ไปปฏิบัติราชการก็จะแต่งตัวเรียบร้อย หรือสวมเครื่องแบบ แต่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์จะแต่งตัวสบายๆ กางเกงยีนส์ เสื้อยืดบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองอะไร ส่วนตัวคิดว่าการแต่งตัวแบบนี้ก็ดี มีความเป็นกันเองและมีความเป็นวัยรุ่น ดูคึกคักดี ซึ่งการแต่งตัวที่ทันสมัยขึ้นเป็นเรื่องที่ดูดีและถูกต้องแล้ว

"ในเรื่องของการแต่งตัวเป็นเรื่องปกติ  แต่ที่ห่วงมากกว่าคือเรื่องทำกิจกรรมการเมือง จึงอยากฝากเตือนไปทุกพรรคการเมืองว่า หลังวันที่ 24 ก.ย. ที่ผมเป็นห่วงคือการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคการเมือง ซึ่งไปในนามพรรค น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่จะแลนด์สไลด์จัดกิจกรรมทางการเมือง คนเยอะมาก จัดเวทีใหญ่มาก ค่าใช้จ่ายสูงมาก ผมคิดว่าแต่ละเวทีเป็น 10 ล้านบาท แล้วจะนับอย่างไร นับหรือเปล่า ระวังด้วย" รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว

ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวถึงการจัดเตรียมคนเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งว่า ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน การลงพื้นที่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรอให้ฤดูดังกล่าวผ่านพ้นไปในช่วงหลังตุลาคมไปแล้ว พอเข้าช่วงลอยกระทงก็ไม่มีฝนแล้ว ก็น่าจะเข้าโหมดการเมืองอย่างเต็มที่

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ว่า พรรค ปชป.ไม่มีปัญหา เราตัดสินใจทุกเรื่องไปในสิ่งที่ถูกที่ควร ยึดประโยชน์ส่วนรวมและอนาคตของประเทศเป็นหลัก เป็นจุดยืนที่เรายึดถือมาตลอดในการทำงาน และรับความเห็นของทุกฝ่ายทุกพรรค

 “เรื่องกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่พรรค ปชป.เป็นผู้จัดตั้งในยุคของนายชวน หลีกภัย ซึ่งมีความเห็นว่าควรจะมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ เพื่อรักษาวินัยของคนที่กู้ไป และให้ความเป็นธรรมกับผู้ใช้คืนมาก่อนหน้านี้ ที่ต้องรับภาระดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมถึงให้ความเป็นธรรมกับคนรุ่นใหม่ต่อไปที่จะมีเงินหมุนเวียนให้มากู้ใหม่ เพราะหากไม่มีวินัย กู้แล้วไม่คืนกองทุน ก็จะหมดในเวลาไม่นาน คนต่อไปจะเอาเงินที่ไหนมากู้ เพราะนี่คือกองทุนหมุนเวียน พรรคเราชัดเจน แต่มีบางพรรคไม่สนับสนุนแนวทางนี้ และไม่ยกมือให้ เราก็เคารพความเห็น ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องกังวล เรามีวุฒิภาวะทางการเมือง” นายจุรินทร์กล่าว

ปชป.-ภท.แค่เกมการเมือง

ถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการต่อสู้ในการเลือกตั้งระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้นหรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ไม่ขอพูดถึงพรรคไหน เพราะในทุกภาคจะมีนักการเมืองลงไปเตรียมตัวสมัครรับเลือกตั้ง ไม่มีภาคไหนลงมาพรรคเดียว ภาคใต้ก็มีหลายพรรค เท่าที่ผ่านมาพรรค ปชป.ก็ต้องแข่งขันกับหลายพรรคการเมือง แต่สุดท้ายเราก็ยืนหยัดอยู่ได้

"เราเป็นสถาบันการเมืองที่คนภาคใต้แยกแยะออก ไม่ได้ทำพรรคการเมืองแบบเฉพาะกิจ ฉะนั้นประชาชนภาคใต้เขาแยกออก อันไหนยั่งยืน อันไหนเฉพาะกิจ และเราก็ยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แม้บางยุคอาจจะได้น้อยไปบ้าง แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้" หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว

ถามว่าจะต้องเคลียร์ใจอะไรกับนายอนุทินเป็นพิเศษหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่มีอะไร รักกัน

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรค ปชป. หลังมีการโต้เถียงเกี่ยวกับกฎหมายกัญชาและ กยศ.ว่า เรื่องของกฎหมายดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละพรรค อย่าไปเรียกว่าความขัดแย้งเลย กรณีของ กยศ. พรรค ปชป.และพรรค พปชร.เห็นว่ามีดอกเบี้ย แต่พรรค ภท.และพรรค พท.เห็นว่าไม่มีดอกเบี้ย ทีอย่างนี้ไม่เห็นบอกว่าขัดแย้งเลย เพราะฉะนั้นมีความเห็นกันได้ เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค เราต้องเคารพกติกา ส่วนกฎหมายกัญชาเสียงส่วนใหญ่ให้ไปทบทวน เราก็ต้องฟังยืนยันไม่มีความขัดแย้งอะไร

ถามว่าได้คุยกับนายจุรินทร์บ้างหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ซึ่งปกติก็ไม่ได้คุยกับหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว  ปกติจะมีวิปรัฐบาล มีอะไรก็คุยผ่านวิปรัฐบาลไป ส่วนที่เคยบอกต่อไปจะได้ไม่ต้องเกรงใจกันก็ไม่มีนัยอะไร

ซักว่า หากกฎหมายกัญชาไม่ผ่านวาระ 3 จะถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า จะไปถอนอะไร จะเลือกตั้งแล้วมิใช่หรือ เราไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ถ้าวาระ 3 ไม่ผ่าน ก็เป็นเรื่องของสภา และที่มาบอกว่าอยากจะให้มีกฎหมายมาคุมกัญชาอย่างละเอียดรอบคอบ แสดงว่าที่พูดไปแสดงว่าไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น ซึ่งกฎหมายนี้มี กมธ.ที่มาจากทุกพรรคทุกฝ่าย ซึ่งทั้งหมดก็เห็นชอบในช่วงรับหลักการ ตอนเข้าไปมี 45 มาตรา ตอนออกมามี 95 มาตรา ปุถุชนที่ไหนก็ต้องคิดได้ว่ามันต้องละเอียดขึ้น มีความรอบคอบระมัดระวังในการบังคับใช้มากขึ้น แต่ที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านบอกว่ารับหลักการ 45 มาตรา มิใช่ 95 แล้วมาบอกว่าพรรคภูมิใจไทยเกเรเป็นเด็กๆ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเด็กมากกว่า ซึ่งมันคนละเรื่องกัน

เมื่อถามว่า ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ผิดใจกันจนหลังเลือกตั้งจนไม่สามารถจับมือกับพรรค ปชป.ได้ หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า ภาษาฝรั่งเขาบอกว่า in the name of the game นี่คือเกมการเมือง ก็ว่ากันไปตามเกมการเมือง เรามาไม่ได้มีอะไรกัน และทะเลาะเรื่องส่วนตัว โตๆ กันป่านนี้แล้ว ต่างคนต่างทำงาน

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีนายจุรินทร์ระบุคนภาคใต้แยกแยะออก ไม่เลือกพรรคเฉพาะกิจว่า ไม่แน่ใจว่าหมายถึงใคร เพราะเราจะทำพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ถึงจะสร้างใหม่ แต่สร้างขึ้นมาจากฐานของประชาชนอย่างมั่นคง ให้เครือข่ายสมาชิกและตัวแทนของประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับการขับเคลื่อน

“แม้กระทั่งการกำหนดตัวผู้สมัคร เราจะเริ่มสร้างพรรคด้วยคนข้างล่าง ด้วยพลังของคนข้างล่าง ไม่ต้องกังวล เพราะที่จริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์สอนผมมาดี เพียงแต่วันนี้บริบทเปลี่ยนไป ไม่ว่าท่านหัวหน้าพรรคจะว่าพวกเราอย่างไร ก็ยังมีความรู้สึกที่ดีกับตัวพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดิม และเสมอไป” เลขาฯ พรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

พท.ซัดรัฐบาลง่อนแง่น

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า เราอยู่ในยุคสุญญากาศที่รัฐบาลทำงานได้ไม่เต็มที่ เมื่อก่อนรัฐบาลบอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่สภาพรัฐบาลรักษาการตอนนี้ นายกฯ ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ล้มสะดุดหัวคะมำเสียอาการ รักษาการนายกฯ ลุกขึ้นมาใส่กางเกงยีนส์ลงพื้นที่หาเสียง เกิดคำถามว่าจะมีใครเหลือสมาธิมาทำงาน ถ้ารัฐบาลมีสภาพเป็ดง่อย ประชาชนคงต้องบอกว่าจำเป็นต้องทิ้งรัฐบาลไว้ข้างหลัง กกต.ยังมาก่อนกาล ทำงานเร็วกว่ารัฐบาล เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์จะมีชะตากรรมอย่างไร ต้องพ้นไปหรือได้กลับมา ไม่มีใครรู้ แต่คนที่เหลืออยู่ต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ เศรษฐกิจไทยแย่มานาน โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง

"ปลายอายุรัฐบาล เศรษฐกิจไทยอ่วม ปัญหาเงินเฟ้อ วิกฤตราคาพลังงานค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟ พาเหรดกันขึ้นราคา ค่าครองชีพพุ่งสูง คนตกงาน ประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม มาตรการที่นำกลับมาใช้อย่างเช่นคนละครึ่ง คนเข้าถึงน้อย และไม่ได้รับความสนใจ เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ทุกปัญหาทำประชาชนเดือดร้อน รอเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก หรือรอสภาวะสุญญากาศการเมืองคลี่คลายไม่ได้ รัฐบาลบอก 30 กันยายน 2565 คนจนหมดประเทศ แต่ถึงตรงนี้นอกจากคนจนไม่หมดกลับเพิ่มขึ้น 4 ปีรัฐบาลทำคนจนพุ่ง 20 ล้านคน ไม่รู้ว่าระหว่างคนจนหมดไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นไป สิ่งไหนจะเกิดขึ้นก่อนกัน" นายอนุสรณ์กล่าว

รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ พรรค พท. กล่าวว่า เรื่องที่ กกต.แจ้งเตือนหลังวันที่ 24 ก.ย. ไม่สามารถแจกสิ่งของได้นั้น พรรค พท.พร้อมปฏิบัติตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่จะเป็นประโยชน์มากกว่านี้หาก กกต.ที่เป็นผู้ประกาศระเบียบนี้ออกมา ไปจับตาการลงพื้นที่ของรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองอย่างเสมอภาค เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สองมาตรฐาน ไม่ใช่ว่าถ้าเป็นฝ่ายรัฐบาลทำอะไรก็ไม่ผิดหรือผิดยาก รัฐมนตรีอาศัยอำนาจหน้าที่ในรัฐบาลไปแจกของแบบเนียนๆ ได้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไม่สามารถทำได้ หากเป็นเช่นนั้นข้อกฎหมายนี้คงไม่เกิดประโยชน์ในการทำให้เกิดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง

ส่วนนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรค พท. ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรเร่งช่วยทำใน 3 เรื่อง เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน 1. เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา อยากให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะประเทศไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด 2.อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐเดือนสิงหาคมยังอยู่ที่ 8.3% ซึ่งสูงมาก ดังนั้นธนาคารกลางของสหรัฐคงจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างแรงอีกครั้งในไม่นาน ดังนั้นก่อนที่ประเทศไทยจะต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงตามบ้าง พล.อ.ประวิตรและรัฐบาลจะต้องเตรียมตัวและเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ให้ลดลงก่อน เพราะหากดอกเบี้ยพุ่งขึ้นอีก การแก้ไขหนี้จะยิ่งทำได้ยากลำบากยิ่งขึ้น  และ 3.รัฐบาลจะต้องมีแผนใหญ่ในการบริหารจัดการน้ำท่วมเหมือนในประเทศที่เจริญแล้วและประสบปัญหานี้ดำเนินการ เช่น ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น 

 “3 เรื่องนี้ควรต้องรีบดำเนินการ เพราะจะเป็นประโยชน์กับประเทศ และจะช่วยประชาชนได้อย่างมากในระยะสั้นและในระยะยาว เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย ซึ่งยังมีเรื่องต่างๆ ต้องทำอีกมาก ซึ่งจะเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ในรูปแบบใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย การปรับเปลี่ยนประเทศเป็นระบบดิจิทัล เพื่อสร้างงานและสร้างธุรกิจสมัยใหม่” นายพิชัยระบุ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง