ป้อมดีใจ‘บิ๊กตู่’รอด ไม่กังวล30ก.ย.ทีมกม.นายกฯฟังแทน/ม็อบขู่ศาลระวังคุก

“พล.ต.วิระ” ย้ำวันที่ 30 ก.ย. ไปฟังคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ 8 ปีแทน “ประยุทธ์” “บิ๊กป้อม” เผยไม่มีกังวล และดีใจหากน้องตู่รอด “ก้าวไกล” ลั่นไม่ยอมหาก “บิ๊กตู่” ได้ไปต่อ พร้อมขู่ศาลห้ามวินิจฉัยช่วยผู้มีอำนาจ! “ประวิตร” ข้องใจเลือกตั้ง อบจ.ร้อยเอ็ดแลนด์สไลด์ตรงไหน แค่ชนะธรรมดา “อนุทิน” บอกไม่ใช่พื้นที่เป้าหมาย “ท็อป” ไม่ขัดนั่งหัวหน้าพรรคแทนพี่สาว ส่วนพรรครวมพลังยังกั๊กเรื่องไป รทสช.  

เมื่อวันอังคารที่ 27 กันยายน พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคำร้องวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. จะเดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง โดยศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยเวลา 09.30 น. แต่จะไปก่อนเวลา เพื่อเป็นตัวแทนของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะไปรอฟังคำวินิจฉัยเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องชี้แจงอะไรเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์มีความเห็นอย่างไรบ้าง พล.ต.วิระกล่าวว่า มีการเจอกัน บางครั้งก็ไปพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งเรื่องงานและเรื่องต่างๆ และเมื่อถามต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความมั่นใจหรือมีความเป็นห่วงกังวลอะไรหรือไม่ พล.ต.วิระย้ำว่า ขอให้รอในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.ก็แล้วกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เดินทางไปศาลด้วยตัวเอง พล.ต.วิระกล่าวว่า “ผมไป ผมไปเอง”

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงวันที่ 30 ก.ย. ที่มีข่าวว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหว ตรงนี้เตรียมรับมืออย่างไรว่า ไม่มี และเมื่อย้ำว่ามีรายงานอะไรเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้ำว่า ไม่มีๆ ไม่มีรายงาน ทุกๆอย่างปกติดี

สอบถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คุยทุกวัน เมื่อถามอีกว่าตอนนี้ท่านกังวลเรื่องอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่กังวลทุกเรื่อง และเมื่อถามว่าในวันที่ 30 ก.ย. จะนั่งรอฟังการวินิจฉัยวาระ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ที่ไหน พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็ทำงานตามปกติ ท่านนายกฯ ก็ทำงานของท่านตามปกติ

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ห่วงใยอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คุณต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ดีกว่า อย่ามาถามเอง ถามต่อว่าที่บอกว่าคุยกันทุกวันเผื่อ พล.อ.ประยุทธ์จะห่วงเรื่องพายุ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย แต่คุยกันเรื่องส่วนตัว จะไปคุยอะไรกัน

ถามว่า วันที่ 30 ก.ย.นี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลยังทำงานต่อไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไร ก็เดินหน้า มันมีอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ส่วนการประชุม ครม.ปกติก็ประชุมอยู่แล้วทุกครั้ง โดยประชุมออนไลน์

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรยังจะเดินทางลงพื้นที่ตามปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังปกติทุกอย่าง และทุกอย่างก็อยู่ที่พวกคุณถาม ถามอีกว่าเวลาท่านลงพื้นที่ดูแข็งแรง มียาดีอะไร พล.อ.ประวิตรหัวเราะพร้อมกล่าวว่า จะมาถามอะไร เฮ้อ

เมื่อถามว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาท่านดีใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ดีใจ ผมดีใจทั้งนั้นแหละ” เมื่อถามว่าไม่กังวลอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรส่ายหัวพร้อมร้อง “วู้ จะกังวลอะไร”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการชุมนุมของกลุ่มประชาชน 4 ภาคและเกษตรกรที่ปักหลักข้างทำเนียบฯ ขึ้นป้ายเชียร์ พล.อ.ประวิตร โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เห็น ไม่ได้ดู แต่มันก็มีคนรักคนเกลียดเป็นธรรมดา มันมีทั้งรักทั้งเกลียดแหละ คุณจะเกลียดก็เกลียดไป ไม่ว่าอะไรหรอก ผู้สื่อข่าวถามว่าการปักหลักปิดถนนแบบนี้จะทำได้นานแค่ไหน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่เขาดำเนินการอยู่แล้ว

ก้าวไกลลั่นไม่ยอมรับบิ๊กตู่รอด!

ถามอีกว่า คิดว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็ผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างปกติ เลือกตั้งก็ปกติทุกอย่าง แล้วไปเอาที่ไหนมาว่าจะไม่มี” โดยผู้สื่อข่าวได้บอกว่ารัฐมนตรีที่ยืนข้างๆ ท่านพูด ซึ่งนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่อยู่ข้างๆ ได้ยิ้มแหยๆ ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม พากันหัวเราะเบาๆ 

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ด้านกิจการภายในและการเลือกตั้ง กล่าวถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 ก.ย.ว่า หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในทิศทางที่เหมือนมีความพยายามให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ซึ่งเราจะไม่ยอมรับผลการตัดสินนี้แน่นอน เพราะสามารถตีความง่ายมากว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มาแล้ว 8 ปีหรือไม่ สถานการณ์ที่ร้อนแรงจากการที่มีประชาชนเฝ้าสังเกตการณ์และต้องการออกมากดดันว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นการช่วยผู้มีอำนาจ คิดว่าสังคมไปต่อไม่ได้

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตรว่าให้ความมั่นใจได้หรือไม่ เพราะเริ่มมีการพูดว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง และจะมีรัฐประหารหรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามดังกล่าวและมีสีหน้าที่ปกติ

ในขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (สธ.) กล่าวถึงกรณีนายชัยวุฒิให้สัมภาษณ์ว่าถ้าผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมมากขึ้นในวันที่ 30 ก.ย. ระวังอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง ว่าต้องไปถามคนพูด ตนไม่ได้พูด

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อได้ยินลักษณะนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้ฟังว่าพูดตอบจากคำถามอะไร และประโยคเต็มคืออะไร ขอให้ไปถามคนที่พูด และพรรคคนที่รัฐมนตรีคนดังกล่าวสังกัด ซึ่งหากไม่เกิดการเลือกตั้งขึ้นมาจริงๆ รัฐบาลนี้ก็รักษาการไปตามรัฐธรรมนูญ

นายอนุทินยังกล่าวถึงกระแสข่าวจะมีม็อบใหญ่แล้วจะทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง ว่า หากม็อบที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เขาคงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง และส่วนตัวเชื่อว่าการเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หากสภาครบวาระต้องเลือกตั้งภายใน 45 วัน หรือถ้ายุบสภาต้องเลือกตั้งภายใน 45 วันไม่เกิน 60 วัน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ

ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า ต้องไปถามคนที่มีอำนาจดูสิ พร้อมโบกมือก่อนบอกว่าไม่มีหรอก

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ว่า คำวินิจฉัยที่จะออกมาย่อมไม่สามารถที่จะถูกใจใครทั้งหมด ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แต่บ้านเมืองเมื่อมีกระบวนการให้องค์กรสำคัญคือศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ต้องรับฟังด้วยเหตุและผล ต้องยอมรับและให้เกียรติในอำนาจศาล ไม่เช่นนั้นข้อที่ถกเถียงเป็นประเด็นในสังคมย่อมไม่มีข้อยุติ ดังนั้นทุกฝ่ายไม่ควรกระทำการใดในลักษณะข่มขู่ คุกคาม กดดัน การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ตัวอย่างมีให้เห็นปี 2552 และปี 2553 มีการชุมนุมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นประกาศชื่อที่อยู่ของครอบครัวตุลาการ ข่มขู่ คุกคาม กดดัน ทุกรูปแบบ จนติดคุกกันไปหลายคน เหตุการณ์นั้นผ่านมาเป็น 10 ปี ไม่อยากให้บ้านเมืองต้องวนกลับไปในสถานการณ์เช่นเดิมอีก

บิ๊กป้อมมึนแลนด์สไลด์ตรงไหน

วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งพรรคเพื่อไทยชนะและระบุเป็นแลนสไลด์ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ว่าที่นายก อบจ.ร้อยเอ็ด ที่ชนะแบบแลนด์สไลด์กว่า 3 แสนคะแนน เป็นแลนด์สไลด์ครั้งที่ 2 ติดต่อกันจากการเลือกตั้ง อบจ.กาฬสินธุ์ เชื่อว่าจะส่งถึงการเลือกตั้งใหญ่อย่างแน่นอน

 ในขณะที่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามเรื่องนี้ว่า แลนด์สไลด์ยังไง ชนะไปนิดหน่อยถือเป็นธรรมดา แบ่งคะแนนกันไป ไม่เป็นไรหรอก

เมื่อถามว่าจะส่งผลถึงการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมจะไปรู้เหรอ พอผมไม่รู้คุณก็บอกว่าผมไม่รู้ ปัดโธ่” เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะปรับกลยุทธ์สู้เลือกตั้งอย่างไร พล.อ.ประวิตรไม่ตอบ

ด้านนายอนุทินกล่าวในเรื่องนี้ว่า จ.ร้อยเอ็ดไม่ใช่จังหวัดเป้าหมายหลักของพรรค เพราะเราส่งแค่ 1 เขต ทุกอย่างจะรู้ว่าแลนด์สไลด์ หรือตอกเสาเข็มก็วันเลือกตั้ง ไปดูกันวันนั้น 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะรักษาการประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า แลนด์สไลด์ที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่การเลือกตั้งใหญ่นั้นเป็นอีกสนามหนึ่ง ต้องไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็เป็นเครื่องเตือนใจให้กับผู้สมัครในหลายๆ พื้นที่ว่าอย่าประมาทไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด จะคะแนนนำหรือเป็นที่นิยมอย่างไร

นายวราวุธยังกล่าวถึงกรณี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ลาออกจากหัวหน้าพรรค ชทพ.ว่า ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พรรคจะประชุมวิสามัญครั้งที่ 2/2565 ซึ่งจะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) หัวหน้าพรรคและตำแหน่งที่สำคัญใหม่ ซึ่งจะมีสมาชิกพรรคมาร่วมประชุมกัน และลงคะแนนกัน ซึ่งจากที่ได้พูดคุยกับ น.ส.กัญจนา จะเป็นการเตรียมการและปรับองคาพยพของพรรคเพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ทำงานให้กับประเทศและปรับปรุงมิติต่างๆ ให้ก้าวทันสถานการณ์ของโลก

เมื่อถามว่า นายวราวุธจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ชทพ.เองเลยใช่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ต้องเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งจะทราบผลในวันที่ 3 ต.ค. ว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งไม่ได้ปิดกั้น โดยคนที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคงจะพร้อมหรือไม่พร้อม แต่คนที่พร้อมคงเป็นคนที่เลือกเข้ามา คนที่ลงคะแนนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ตัวผู้ได้รับเลือกนั้นจะมีความพร้อมหรือไม่นั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ถ้าหากสมาชิกคิดว่าพร้อมสามารถปฏิบัติงานได้ คงเป็นไปตามประสงค์ของสมาชิกที่จะลงคะแนน

ถามว่า หัวหน้าพรรค ชทพ.จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า โดยปกติของทุกพรรค หัวหน้าพรรคจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคจะเสนอ

ขณะที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรครวมพลังกล่าวถึงการขับเคลื่อนพรรคเพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งว่า พรรครวมพลังไปเรื่อยๆ ส่วนมีแนวโน้มไปรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่ยังไม่บอก

เมื่อถามอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยบอกว่า หากสูตรคำนวณ ส.ส.กลับมาใช้หาร 100 อาจต้องไปรวมกับพรรค รทสช. นายเอนกตอบว่า ค่อยๆ คิดไป

นายณัฐชากล่าวถึงสัญญาณ ส.ส.พรรคก้าวไกลย้ายพรรคว่า ในกรอบ 180 วันก่อนครบอายุสภาผู้แทนราษฎร จะมีส.ส.ย้ายพรรคแน่นอน แต่เชื่อว่า ส.ส.ที่จะย้ายสังกัดจะรอดูสถานการณ์วันที่ 30 ก.ย.ก่อน หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อก็อาจอยู่ต่อจนถึงสิ้นปี 2565 แล้วค่อยลาออก แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ  วันที่ 1-2 ต.ค. อาจมี ส.ส.ทยอยลาออกเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง