ติวเข้มกกต.จังหวัด‘กฎ180วัน’

เลขาฯ กกต.ถก ผอ.กกต.จังหวัดทั่วประเทศ แจงแนวปฏิบัติหาเสียง 180 วันอันตราย เผยกฎเหล็ก ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง-ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัครร่วมงานประเพณีได้แต่ต้องไม่ให้เงิน ส่วนผู้สมัคร-พรรคการเมืองงดแจกของผู้ประสบภัยทุกกรณี ติดป้ายตามที่กำหนด ขรก.-จนท.รัฐต้องวางตัวเป็นกลาง "ทิพานัน" วอนให้ยกเว้นรณีเหตุฉุกเฉิน-ช่วยเหลือ ปชช.ช่วงจำเป็น "เพื่อไทย" ชี้กฎเหล็กกกต.อย่าสร้างความเหลื่อมล้ำเพิ่ม "ก้าวไกล" จับตา กกต.ไม่ให้สองมาตรฐาน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เวลา 09.00 น. วันที่ 27 กันยายน นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ร่วมประชุมกับผู้อำนวยการสำนักงานกกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบ ZOOM เพื่อชี้แจงให้ กกต.จังหวัดแต่ละจังหวัดได้รับทราบแนวทางปฏิบัติ และชี้แจงพรรคการเมืองให้เป็นแนวทางเดียวกันเกี่ยวกับเกณฑ์การหาเสียงช่วง 180 วันก่อนสภาครบวาระ โดยเลขาธิการ กกต.ชี้แจงเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 พรรคการเมืองและผู้สมัคร 1.ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองสามารถไปร่วมงานประเพณีต่าง เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ และมอบพวงหรีดดอกไม้สดได้ แต่ต้องไม่มีการให้เงิน ทรัพย์สินต่างๆ ยกเว้นกรณีที่ฝ่ายเจ้าภาพได้จัดเตรียมสิ่งของตามพิธีการไว้ให้มอบในงานด้วยเช่นผ้าบังสุกุล ปัจจัย เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เงินของพรรคการเมือง หรือผู้สมัคร หรือการระบุชื่อไว้เป็นประธานในงานกฐิน โดยผู้สมัครหรือพรรคการเมืองไม่ได้มอบเงินหรือทรัพย์สินของตนเอง สามารถกระทำได้ แต่ทั้งนี้เจ้าภาพจะประกาศชื่อ หมายเลขสมัครของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองในลักษณะที่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้

2.ผู้สมัครที่มีความจำเป็นต้องจัดพิธีงานต่างๆ ในช่วง 180 วัน สามารถจัดงานได้เท่าที่จำเป็น เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน แต่ให้หลีกเลี่ยงการจัดการงานที่มีลักษณะขนาดใหญ่ มีผู้เข้าร่วมมาก เพราะอาจเป็นเหตุให้มีการร้องคัดค้านว่าเป็นการจัดเลี้ยง จัดมหรสพ ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ 3.หัวหน้าพรรคการเมือง ผู้บริหารพรรคการเมือง ส.ส.ของพรรคการเมืองสามารถลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้สมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้ แต่ห้ามไม่ให้จัดหรือนำคนไปช่วยหาเสียง โดยได้รับค่าตอบแทนหรือสิ่งตอบแทน เช่น การจ้างให้เข้าร่วมรับฟัง โดยไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง

4.ผู้สมัครและพรรคสามารถเข้าไปหาเสียงในโรงเรียนหรือสถานที่ราชการได้ แต่ต้องขออนุญาตเจ้าของสถานที่ก่อนดำเนินการหาเสียง 5.ผู้สมัครและพรรคการเมืองไม่สามารถมอบของช่วยเหลือแก่ประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การมอบสิ่งของช่วยเหลืออุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย และโรคระบาด หรือในเหตุที่เกิดขึ้นลักษณะเดียวกัน 6.ผู้สมัครและพรรคการเมืองสามารถติดประกาศแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยมีวิธีการ ขนาด จำนวน และสถานที่ติดตามที่กำหนดในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด สำหรับแผ่นป้ายที่ติดไว้ก่อนแล้ว จะต้องมีการแก้ไขให้มีขนาดและติดในสถานที่ตามที่กำหนดไว้ 7.ในการหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครและพรรคการเมือง ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 และระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเสียงเลือกตั้ง ส.ส.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 3 ฉบับ อย่างเคร่งครัด

กลุ่มที่ 2 ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็คือรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง 1.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ที่พึงต้องปฏิบัติในตำแหน่งนั้น เช่น การออกรายการวิทยุโทรทัศน์ เป็นประธานเปิดงานในพิธีต่างๆ การลงตรวจงานในพื้นที่ การพบปะประชาชนในพื้นที่ หรือการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน แต่ห้ามไม่ให้มีการกระทำการใดๆ ที่เป็นการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ในการกระทำการหาเสียงในแก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ทั้งนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถไปร่วมประเพณีต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ วางพวงหรีดดอกไม้ได้ แต่ต้องไม่มีการให้เงิน ทรัพย์สินใดๆ กรณีเจ้าภาพได้จัดเตรียมสิ่งของตามพิธีการไว้ให้มอบในงาน เช่น ผ้าบังสุกุล หรือระบุชื่อไว้เป็นประธานในงานกฐิน โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้มอบเงินหรือทรัพย์สินของตนเอง สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ เจ้าภาพจะประกาศชื่อ ในลักษณะช่วยเหลือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือพรรคการเมืองนั้นเพื่อหาเสียงไม่ได้ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถหาเสียงเลือกตั้งนอกเวลาราชการให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองได้ แต่ต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบกระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่พรรคการเมือง ผู้สมัครใด ส่วน ส.ส.และกรรมาธิการ ก็มีวิธีปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการการเมือง

จนท.รัฐต้องวางตัวเป็นกลาง

กลุ่มที่ 3 หน่วยงานของรัฐ สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้ตามปกติ เช่น การจัดประชุมสัมมนา การจัดกิจกรรมประกวด แข่งขันต่างๆ การจัดงานเทศกาลตามประเพณี และต้องปฏิบัติในเป็นไปตามมติ ครม. ลงวันที่ 1 ก.พ.2562 ที่ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างในสังกัดราชการส่วนกลางและภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. 2.ให้ข้าราชการ พนักงาน ทุกระดับทั้งในส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น วางตัวเป็นกลางทางการเมือง 3.นับแต่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.จนถึงวันเลือกตั้ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พนักงานให้กระทำเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้กระทบกับการเลือกตั้ง 4.ให้ราชการส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่นให้การสนับสนุนสถานที่ เพื่อให้เป็นสถานที่จัดการเลือกตั้ง รวมถึงสนับสนุนเป็นสถานที่ติดประกาศ และแผ่นป้ายหาเสียงเลือกตั้ง 5 ให้มีการสนธิกำลังระหว่างทหาร ตำรวจ พลเรือน และอาสาสมัคร ด้านความปลอดภัยเพื่อการคุ้มครองประชาชนและเจ้าหน้าที่เพื่อให้ได้รับความปลอดภัย ซึ่งหลักสำคัญคือข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

นายแสวงกล่าวอีกว่า การทำเอกสารของหน่วยงานของรัฐ เอกสารเผยแพร่เผยแพร่ผลงานของรัฐมนตรี ปฏิทินปีใหม่ที่มีรูปและผลงานของรัฐมนตรี ให้จัดทำเผยแพร่ในนามของหน่วยงานนั้นเท่านั้น และต้องระมัดระวังไม่ให้ลักษณะเข้าข่ายหาเสียงให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือ พรรคการเมือง ส่วนการจัดทำป้ายต้อนรับการลงตรวจพื้นที่ของรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการต่างๆ ที่มาปฏิบัติงานตามหน้าที่ ให้พึงระมัดระวังไม่ให้เข้าข่ายเป็นการจัดทำป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนการจัดทำป้ายต้อนรับหรือป้ายขอบคุณขอพรรคการเมือง หรือ ส.ส.ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากอาจจะเป็นป้ายหาเสียง และเป็นการขัดมติ ครม.ในเรื่องการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ส่วนการปิดประกาศและแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ให้จัดทำประกาศโดยกำหนดให้จัดทำเป็นแนวตั้งขนาดไม่เกิน 30X42 ซม. หรือขนาด A3 ส่วนการจัดทำแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้จัดทำได้โดยมีขนาดไม่เกิน 130X245 ซม. โดยการจัดทำประกาศและแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ระบุชื่อ-สกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่ชัดเจนของแผ่นป้ายและประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งด้วย ส่วนจำนวนและสถานที่ในการปิดประกาศ หรือติดแผ่นป้ายเป็นไปตามประกาศที่ กกต.กำหนดเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำสถานที่ปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2561 แต่กรณีที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง การปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยวิธีการจัดทำ ขนาด จำนวน และสถานที่ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ กกต. และ ผอ.กกต.จังหวัดกำหนดในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด

ส่วนการติดป้ายที่ทำการพรรค สาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือศูนย์อำนวยการการเลือกตั้ง สามารถติดได้สถานที่ละ 1 แผ่น ขนาดไม่เกิน 400X750 ซม. ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับประกาศและแผ่นป้ายดังกล่าว ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ประกอบการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้ เรื่องป้ายหรือประกาศจะมีข้อยกเว้นอยู่คือ แผ่นพับ ใบปลิว เอกสารขนาดเล็ก หรือสติกเกอร์ รวมทั้งจอแอลอีดีที่ติดอยู่ตามรถ สามารถทำได้โดยไม่ต้องเป็นไปตามขนาดหรือจำนวนที่ระเบียบ กกต.กำหนด แต่ให้นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงครั้งต่อไปด้วย

ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ขอขอบคุณ กกต.ที่ออกมาชี้แจงรายละเอียดที่ชัดเจนในการปฏิบัติตัวของพรรคการเมือง ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร รวมถึงข้าราชการ โดยการออกประกาศของ กกต.เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะนำไปปฏิบัติให้เป็นทิศทางและมาตรฐานเดียวกัน

สำหรับพรรค พปชร. มีความพร้อมปฏิบัติ และมีการกำชับ ส.ส.ให้ทุกคนได้ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขของกฎหมายและกติกาที่ กกต.กำหนดไว้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าพรรคมีความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในปัจจุบันจากเหตุภัยธรรมชาติ ที่อาจได้รับการช่วยเหลือไม่ทันท่วงที เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเข้าไปช่วยเหลือ

วอนยกเว้นเหตุฉุกเฉิน

 “อยากให้ กกต.มีแนวทางสำหรับเหตุฉุกเฉิน ภัยธรรมชาติ เช่น การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน การขนย้ายผู้ป่วย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ควรมีข้อยกเว้น โดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.กำชับให้ ส.ส.ทุกคนและว่าที่ผู้สมัคร ปฏิบัติตามแนวทางและกติกา กกต.อย่างเคร่งครัด” น.ส.ทิพานันกล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่การวิจารณ์ถึงการลงพื้นที่ของพรรครัฐบาล อาจจะเป็นการได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นว่า ของตนไม่มี และการลงพื้นที่ ก็เป็นไปในเรื่องของงานราชการ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า เวลานี้มีการเตรียมร้องเรื่องป้ายที่อาจขัดกับระเบียบ กกต.นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องระวัง เพราะมีข้อห้ามและข้อแนะนำออกมาแล้วว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ทางที่ดีที่สุดก็อย่าไปทำผิดกฎ ถ้าออกกฎอะไรมาให้ชัดเจนเราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามอยู่แล้ว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังกฎเหล็ก กกต.มีผลบังคับใช้ก็ถูกทดสอบทันที โดยเฉพาะการลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประเด็นตั้งแต่การทำป้ายต้อนรับพล.อ.ประวิตร โดยป้ายดังกล่าวยังเกินขนาด และมีภาพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 6 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ประชาชนตั้งคำถามว่าเจตนาให้เป็นการหาเสียงแฝงหรือไม่ การแจกสิ่งของ การโปรยทาน หรือการสัญญาว่าจะให้ ล้วนแต่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เข้าข่ายทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าสิ่งเหล่านี้ฝ่ายรัฐบาลทำได้ทั้งหมด แล้วฝ่ายค้านไม่สามารถทำได้เลย จะเกิดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมได้อย่างไร

 “อย่าลืมว่า แม้วันนี้ฝ่ายรัฐบาลจะสวมหมวกรัฐมนตรีลงพื้นที่ แต่หมวกอีกใบที่ใส่ซ้อนทับลงไปคือการเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส. กฎเหล็ก กกต.ต้องไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำเพิ่ม หรือไม่สร้างปัญหา จนทำให้การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมไม่สามารถเกิดขึ้นได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ด้านกิจการภายในและการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางป้องกันไม่ให้ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปฏิบัติขัดกับระเบียบ กกต.ว่า ขณะนี้ทางกองอำนวยการเลือกตั้งของพรรค ก.ก. ที่มีนายกิตติชัย เตชะกุลวณิชย์ เป็นผู้อำนวยการ กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขตของพรรค ก.ก.สอบถามและแจ้งปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านไลน์ ซึ่งจะมีทีมกฎหมายคอยดูแลอยู่ อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายรัฐบาลดำเนินการไม่สอดคล้องกับระเบียบ กกต. เราจะให้ทีมกฎหมายดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน จะไม่ปล่อยให้ กกต.ทำหน้าที่สองมาตรฐาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง