ธรรมนัสจ่อปิดดีลดูไบ ลาออกจากศท.รอถกบทบาทในพท./เหลิมโวแลนด์สไลด์แน่

เรียบร้อยโรงเรียนดูไบ “ธรรมนัส” ลาออกจากเศรษฐกิจไทยเตรียมกลับคอกเพื่อไทย แต่บทบาทยังไม่ชัดลง ส.ส.เขตหรืออยู่แค่เบื้องหลังรอถกนายใหญ่ ส่วนบรรดาลิ่วล้อผู้กองส่วนใหญ่ไป พท. มีบางส่วนไป ภท. แต่ยังไม่ทิ้ง ศท.ให้คนใกล้ชิดดูแลเป็นพรรคหลบภัย “เหลิม” โผล่ยันโพลพรรคชนะแลนด์สไลด์แน่ ท้าภูมิใจไทยเปิดปราศรัยที่ศรีสะเกษแล้วอีเรียมน้ำตาจะตก กวักมือเรียก “สุชาติ-สมศักดิ์” กลับถิ่นเก่า เปิดศูนย์เลือกตั้งพรรค “โอ๊ค-อิ๊ง" นั่งที่ปรึกษา “ก้าวไกล” คว้าแชมป์บริจาคภาษีอุดหนุนพรรคการเมือง

เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการย้ายพรรคและการขับเคลื่อนพรรคเพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งใหญ่ โดยที่อาคารสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองพะเยา ต.เวียง อ.เมืองพะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3/2565 หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะหัวหน้าพรรคได้ลาออกเมื่อวันที่ 8  ต.ค.ที่ผ่านมา โดยการประชุมมีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนโลโก้และข้อบังคับพรรค

โดยที่ประชุมมีมติเลือกนายเชวงศักดิ์ ใจคำ เป็นหัวหน้าพรรค พร้อม กก.บห.ชุดใหม่ ซึ่งน่าสังเกตว่า ส.ส.ที่ตามมากับ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เป็น กก.บห.ชุดใหม่เลย เพื่อเป็นการเปิดทางให้ ส.ส.ได้ย้ายพรรคในการเลือกตั้ง โดยปัจจุบันพรรคมี ส.ส. 17 คน ซึ่งในการประชุมใหญ่วิสามัญมี ส.ส.เดินทางมา 13 คน และไม่ได้เดินทางมา  4 คน คือ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก, นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี และนายณัฏฐพล  จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ ที่ได้ไปร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มาระยะหนึ่งแล้ว และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม ภท.ครั้งหน้า ขณะที่อีก 1 คน คือ นายสะถิระ  เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับ ศท.มานาน ตั้งแต่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ลาออกจากหัวหน้าพรรค เนื่องจากนายสะถิระสนิทสนมกับ พล.อ.วิชญ์ ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้ายังไม่แน่นอนว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กับพรรคใด โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ต้องการให้ย้ายกลับมาอยู่กับ พปชร. แต่นายสะถิระเองก็สนิทสนมนายสนธยา คุณปลื้ม ที่มีข่าวว่าจะแยกตัวกลับไปรีแบรนด์พรรคพลังชล

รายงานข่าวแจ้งว่า กก.บห.ชุดใหม่ของ ศท.ส่วนใหญ่ยังเป็นสายตรงของ ร.อ.ธรรมนัส โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.พะเยา ได้แก่ นายเชวงศักดิ์ หัวหน้าพรรค, นายสัจจวิทย์  ลีลาวณิชย์ เลขาธิการพรรค, นางชวาลี เดือนดาว  เหรัญญิกพรรค และนายสุธี พงษ์เพียรชอบ นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง ก็เป็นเลขานุการส่วนตัวของ ร.อ.ธรรมนัส โดย กก.บห.พรรคชุดนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่เท่านั้น

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวภายหลังประชุมใหญ่วิสามัญพรรคว่า ตนลาออกจากหัวหน้าพรรค เนื่องจากกฎระเบียบที่เคร่งครัดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีรายละเอียดมาก ทำให้ ส.ส.ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เพราะเกรงจะผิดกฎหมาย ตนและ ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคจึงตัดสินใจลาออก เพื่อคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่มาขับเคลื่อนการทำงานของพรรค ส่วน ส.ส.จะได้ทำงานในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า สำหรับทิศทางการทำงานต่อไป  จะย้ายไปสังกัดพรรคอื่นตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้คิดย้ายไปอื่น เพราะยังมีเวลาอีกมากที่จะตัดสินใจ  และหากตัดสินใจแล้วคงต้องนำ ส.ส.ทั้งบัญชีรายชื่อและ ส.ส.เขตไปด้วยกันทั้งหมด เพราะถือว่าเป็น ส.ส.น้ำดีที่ได้รับเลือกตั้งมาด้วยเสียงประชาชนในพื้นที่ ส่วนข่าวลือที่ว่าเราดีลกับคนแดนไกลนั้น ยืนยันว่าไม่มี

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรค พท. กล่าวประเด็นนี้ว่า ไม่ใช่ผู้บริหารพรรคเลยตอบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไร และถ้ามาจะมีประเด็นหรือไม่นั้น ฝนยังไม่ตกอย่าเพิ่งกางร่ม ส่วนกลุ่มนายสุชาติ ตันเจริญ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มีกระแสข่าวจะมาหรือไม่มา ก็ตอบไม่ได้ แต่ถือว่าเขาเป็นคนเก่าคนแก่ ถ้ามาก็ถือเป็นเกียรติ

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การโยกย้าย การจะมาสังกัดพรรคการเมือง ถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง เพราะใกล้การเลือกตั้ง โดยสิ่งที่พรรคพิจารณา ถ้าประชาชนยอมรับไม่ได้ อาจทำให้ประชาชนต่อต้าน เรียกร้อง เมื่อเห็นว่าดี แต่ประชาชนเห็นว่าไม่ดี ก็ต้องปรับปรุงหลายครั้ง เรารับฟังความคิดเห็น แต่ถ้า ส.ส.มีอุดมการณ์ ทำงานร่วมกับเราได้ ไม่เป็นที่ต่อต้านจากสมาชิกพรรค ก็อยู่ด้วยกันได้ ไปด้วยกันได้ 

 “ตอนนี้ไม่มีการพูดคุยเจรจา ในการทำงานทางการเมืองยังแปรปรวนตลอดเวลา เป้าหมายสุดท้ายคือ ทำอย่างไรให้ตัวเองเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย นอกจากเงื่อนไขประชาชนรับไม่ได้ เราก็จะมาพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป” นพ.ชลน่านกล่าว 

บทบาท ‘ธรรมนัส’ ยังไม่ชัด

ถามย้ำอีกว่า กรณีกลุ่มของนายสมศักดิ์ นายสุชาติ  ถ้ากลับมาจะได้รับการยอมรับหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า หลายคนเคยอยู่กับพรรค และพฤติการณ์ พฤติกรรมก็ไม่ได้ทำความเสียหาย เลยไม่ได้เป็นเงื่อนไขอะไรที่สมาชิกพรรค ส.ส.จะต่อต้าน ดูแล้วไม่น่าเป็นประเด็น

รายงานข่าวจาก พท.แจ้งถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัสเตรียมนำ 13 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยย้ายมาร่วมงานการเมืองว่า การเจรจาเป็นไปในทิศทางที่ดี มีแนวโน้มค่อนข้างสูงจะมาร่วมงานกับพรรค พท.แน่นอน แต่สำหรับตัว ร.อ.ธรรมนัสเองยังไม่ชัดว่ามาแล้วจะลง ส.ส.เขตพะเยาหรือคอยทำงานเบื้องหลัง โดยอาจต้องมีการหารือกับนายทักษิณ ชินวัตรว่าจะเอาอย่างไร แต่การจะขยับลง ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้นคงเป็นไปได้ยาก เพราะพรรคมีบุคลากรเป็นจำนวนมาก  ประกอบกับภาพลักษณ์ที่เคยเป็นมือทำงานให้พรรค พปชร. อาจทำให้กระทบต่อแนวทางของพรรคเพื่อไทยในการหาเสียง

มีรายงานอีกว่า พท.ไม่ได้มีปัญหาทับซ้อนในพื้นที่  กับนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ในการเลือกตั้งรอบหน้า เพราะจะขยับไปลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่นางอรุณี  ชำนาญยา อดีต ส.ส.ก็วางมือทางการเมืองพอดี ส่วนในเขตพื้นที่อื่นๆ เช่น ขอนแก่นและนครราชสีมาก็ไม่มีปัญหา  เพราะในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน ยังเปิดไม่ครบทุกเขต ยังเว้นว่างเอาไว้ ซึ่งการเข้ามาของ ร.อ.ธรรมนัส มีการคาดหมายว่าอาจได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในโซนภาคเหนือ กลุ่มจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน พะเยา กำแพงเพชร ที่ ร.อ.ธรรมนัสและคนใกล้ชิดรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี   

 ส่วนนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรค พปชร.แพแตกเตรียมย้ายออกในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งที่จะมี ส.ส.ไหลเข้าไหลออก แต่คิดว่าส่วนใหญ่ไม่น่ามีใครออก เพราะอยู่พรรค พปชร.มีสิทธิเสรีภาพแสดงออกความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ มากกว่าทุกพรรค ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นคนที่เดินหน้าทำงาน ไม่เคยปริปากบ่น แม้ใครจะต่อว่าบูลลีก็ไม่เคยตอบโต้ ให้เกียรติทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ นี่คือหัวหน้าพรรคของสถาบันการเมืองที่แท้จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ ส.ส.เตรียมย้ายพรรค เพราะมองว่ากระแสพรรคตกต่ำ นายนิโรธกล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง แต่เขาต้องคิดว่าบันไดขั้นแรกที่พรรค พปชร.มอบให้คือเข้ามาเป็น ส.ส. เป็นสิ่งที่ต้องนึกถึงก่อน และส่วนตัวไม่คิดว่ากระแสของพรรคตกต่ำ แต่ที่ผ่านมาถูกพรรคอื่นพยายามด้อยค่า และทำให้เห็นว่าเกิดความระส่ำระสาย เพื่อให้พรรคของตัวเองขยับขึ้นมา เป็นเรื่องปกติธรรมดา  ยืนยันว่าพรรค พปชร.ยังเหนียวแน่น ไม่มีการสั่นคลอนอะไร

เมื่อถามว่าชื่อของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์  ยังขายได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายนิโรธกล่าวว่า ทั้ง 2 ท่านตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว และมีผลงานออกมาเยอะมาก เพียงแต่รัฐบาลและพรรค พปชร.ไม่เคยออกมาพูดโชว์หรืออวดอ้าง เพราะมีจิตสำนึกอยู่เสมอว่าทั้งคู่อาสาเข้ามาเป็นลูกจ้าง และมีหน้าที่รับใช้ประชาชน  นี่คือสิ่งที่เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่น

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. กล่าวว่า ตนเองและ ส.ส.ภาคใต้ทั้ง 13 คนมั่นคงกับพรรคทุกคน เพราะที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนให้ความเจริญกับภาคใต้เท่ารัฐบาลของพรรค พปชร.ที่บริหารโดย  พล.อ.ประยุทธ์

ขณะเดียวกันยังคงมีความเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆ  ในการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การเปิดปราศรัยครั้งแรกจะลงพื้นที่ศรีสะเกษ เชิญชวนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ไปด้วย ไปอยู่กันคนละอำเภอ  เมื่อเปิดปราศรัยแล้วต้องให้สนุก เล่นการเมืองอย่าไปเครียด ขอให้ตรงไปตรงมา อย่าไปซื้อเสียง แล้วไปบอก พรรคคนเยอะแล้วจะรู้สึก อีเรียมเอ็งจะมีน้ำตาหลั่งมาในอีกไม่นานนัก ซึ่งโพลของพรรค เราชนะขาด ชนะจนพวกนั้นร้องไห้ จะเอาอะไรมาชนะพรรคเพื่อไทย  

‘โอ๊ค-เอม’ นั่งที่ปรึกษาศูนย์เลือกตั้ง

ด้าน นพ.ชลน่าน พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  (พท.) ได้แถลงข่าวเปิดศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งจะมีนายประเสริฐเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นเลขาธิการ

นายประเสริฐกล่าวว่า ศูนย์ฯ มีผู้อำนวยการและคณะกรรมการทั้งสิ้น 55 คน ประกอบด้วยผู้บริหารศูนย์ฯ และมีนายชัยเกษม นิติสิริ, นพ.ชลน่าน, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, ร.ต.อ.เฉลิม, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นายพานทองแท้  ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นที่ปรึกษา โดยมี 6 กลุ่มงาน  ได้แก่ 1.กลุ่มงานนโยบายและข้อมูลการเลือกตั้ง 2.กลุ่มงานบริหารพื้นที่ 3.กลุ่มงานกฎหมายและป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง 4.กลุ่มงานรณรงค์และผลิตสื่อ 5.กลุ่มงานสื่อสารและประชาสัมพันธ์ และ 6.กลุ่มงานปราศรัย

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ดูแลกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวแต่งตั้งนายสุชัชวีร์  สุวรรณสวัสดิ์ เป็นประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และ  น.ส.วทันยา บุนนาค เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. โดยนายองอาจกล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในพื้นที่ กทม.นั้นได้เตรียมไว้จำนวนหนึ่งแล้ว  โดยมีทั้งอดีต ส.ส.และคนรุ่นใหม่ครึ่งต่อครึ่ง

 “เร็วเกินไปที่จะพูดถึงตัวเลข ส.ส.ใน กทม. วันนี้เป็นเพียงวันเริ่มต้นในการนำเสนอสิ่งที่จะพัฒนาก้าวหน้าแก่ประชาชน ภายหลังจากที่เราได้ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว  เราได้บุคลากรที่มีคุณภาพ จึงเชื่อมั่นว่าจากการเปลี่ยนแปลง เราจะประสบความสำเร็จได้” นายองอาจกล่าว

ถามย้ำว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ประเมินจะได้ ส.ส.กทม.  7-8 ที่นั่ง  นายองอาจกล่าวว่าเป็นการประเมินโดยทั่วไป ซึ่ง กทม.มีลักษณะพิเศษเฉพาะ จึงเร็วเกินไปที่จะประเมิน

ส่วนที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ พรรคไทยสร้างไทย  (ทสท.) เปิดโครงการ “ถึงเวลา…ปลดล็อกเศรษฐกิจ” เปิดนโยบายเศรษฐกิจพรรค โดยนายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรค ทสท. กล่าวว่า พรรคมีเป้าหมายสร้างนโยบายตั้งแต่เกิดจนแก่ โดยมีนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี หรือกองทุนคนตัวเล็ก เพื่อให้พี่น้องมีพลังและลุกขึ้นมาทำมาหากินได้อย่างเข้มแข็ง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า 30 ปีทำงานการเมืองมาไม่เคยเห็นประชาชนทุกข์ยากมากถึงเพียงนี้ ซึ่งพรรคเห็นว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ ถ้าไม่ปลดล็อกความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะการเมือง 2 ขั้วที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร จะ Reinventing ปลดล็อกเปลี่ยนประเทศเพื่อให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้ โดยการปลดล็อกวิกฤตการเมือง สร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปลดล็อกการทุจริตคอร์รัปชันที่โกงกินบ้านเมืองมานาน พรรคจะมุ่งส่งเสริม SMEs คนตัวเล็ก และเป็นเป้าหมายของพรรค ที่จะส่งเสริมในทุกโอกาส เพื่อให้คนตัวเล็กเป็นคนตัวใหญ่ได้

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้ลงพื้นที่พบปะสมาชิกพรรคและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรค โดยนายทวีระบุว่า จ.นครศรีธรรมราชมีอยู่ 9 เขต พรรคจะส่งครบทั้ง 9 เขต และในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะกวาด ส.ส.พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบไม่แบ่งพรรคอื่นเลย คือ 12 คน

“พรรคที่เสนอกัญชาไม่เป็นยาเสพติดควรยุบพรรคเสียด้วยซ้ำ อันนี้พรรคเราต่อต้านเต็มที่ และพรรคเราจะมีมาตรการเรื่องควบคุมอาวุธปืนอย่างจริงจังเหมือนมาเลเซีย  สมัยหน้าเราจะเป็นรัฐบาลเราต้องแก้ปัญหาประชาชนให้ได้” นายทวีระบุ

‘ก้าวไกล’ แชมป์เงินบริจาค

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือด่วนเรียกสมาคมฯ ให้ไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในวันที่ 11 ต.ค. กรณีมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนำชื่อพรรคการเมืองไปใช้ โดยที่ยังไม่ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองตามกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยพรรคไฟเย็น และพรรคก้าวล่วง

ขณะที่สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจงแนวทางการปิดประกาศและติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. โดยกำหนดป้ายประกาศแนวตั้งมีขนาดไม่เกินกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว  42 เซนติเมตร และแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้จัดทำได้โดยมีขนาดไม่เกินกว้าง 130 ซม. ยาว 245 ซม.  พร้อมทั้งกำหนดจำนวนและสถานที่ในการปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเป็นไปตามประกาศ กกต. ด้านเพจกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงาน กกต. ได้เผยแพร่ข้อมูลพรรคการเมืองที่ได้รับอุดหนุนเงินภาษีจากผู้เสียภาษี โดย 81 พรรคการเมืองมี 78 พรรคการเมืองที่มียอดได้รับอุดหนุนเงินภาษีจำนวน 104,584 ราย วงเงินรวม 43,220,970.83 บาท ซึ่ง 5 พรรคการเมืองที่ได้รับเงินอุดหนุนมากที่สุด คือ 1. พรรคก้าวไกล มีผู้บริจาค 62,634 ราย จำนวน 27,564,203.77  บาท 2.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้บริจาค 10,328 ราย  จำนวน 3,435,342.03 บาท 3.พรรคกล้า ผู้บริจาค  8,090 ราย จำนวน 3,345,799.38 บาท 4.พรรคเพื่อไทย ผู้บริจาค 7,771 ราย จำนวน  2,926,584.71 บาท และ 5.พรรคพลังประชารัฐ ผู้บริจาค 4,062 ราย จำนวน 1,299,133.03 บาท  ส่วน 3 พรรคการเมืองที่ไม่มีผู้บริจาคเลยคือ พรรคภาคีเครือข่ายไทย, พรรครวมไทยยูไนเต็ด (เดิมชื่อพรรคเพื่อไทยพัฒนา) และพรรคพลังสังคมใหม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง