ไทยติดเชื้อโควิดทะลุ2ล้านรั้งอันดับ24โลก

ยอดติดเชื้อโควิดไทยทะลุ 2 ล้านราย เป็นประเทศที่ 24 ของโลก "ศบค." ห่วงตัวเลขฉีดวัคซีนเริ่มนิ่ง ตั้งเป้าเดือน ธ.ค.เข็มที่ 1 ให้ได้ร้อยละ 80 เข็ม 2 ต้องร้อยละ 70 ผงะ! พบ 3 จว. "นครพนม-บึงกาฬ-หนองบัวลำภู" ฉีดต่ำกว่าร้อยละ 40 "สธ." คาดมี 10 ล้านคนยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด ประสานท้องถิ่น-เอกชนติดตามมาฉีดให้ครบ 100 ล้านโดสในพ.ย.นี้ "อนุทิน" เผยสหรัฐส่งโมเดอร์นาขึ้นเครื่องมาสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. เว็บไซต์ h ttps://www.worldometers.info/coronavirus/ ซึ่งจะอัปเดตสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ทั่วโลก เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ได้ระบุว่า มี 222 ประเทศและดินแดนที่มีผู้ติดเชื้อ โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 252,782,407 ราย เสียชีวิตแล้ว 5,098,377 ราย และรักษาหายแล้ว 228,690,278 ราย ที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ 24 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 2 ล้านราย โดยมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 2,004,274 ราย เพิ่มขึ้น 7,305 ราย และมีผู้เสียชีวิต 19,934 ราย เพิ่มขึ้น 51 ราย และถือเป็นชาติที่ 4 ในอาเซียนที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 2 ล้านคน ตามหลังอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

สำหรับ 24 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 2 ล้านคน ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, อินเดีย, บราซิล, สหราชอาณาจักร, รัสเซีย, ตุรกี, ฝรั่งเศส, อิหร่าน, อาร์เจนตินา, สเปน, โคลอมเบีย, เยอรมนี, อิตาลี, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก, ยูเครน, โปแลนด์, แอฟริกาใต้, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, เนเธอร์แลนด์, เปรู, อิรัก และประเทศไทย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,305 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,974 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,651 ราย ค้นหาเชิงรุก 323 ราย เรือนจำ 320 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,004,274 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 7,900 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 1,888,536 ราย อยู่ระหว่างรักษา 95,804 ราย อาการหนัก 1,824 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 423 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 51 ราย เป็นชาย 24 ราย หญิง 27 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 42 ราย มีโรคเรื้อรัง 7 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 5 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 19,934 ราย

ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 788,090 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 83,320,621 โดส โดยเป็นเข็มแรก 44.8 ล้านราย, เข็มสอง 35.8 ล้านราย และเข็มสาม 2.7 ล้านราย ทั้งนี้ จำนวนต่างชาติที่ได้รับวัคซีนจำนวน 2,196,774 โดส ขณะที่เด็กอายุ 12-17 ปี ได้รับวัคซีนจำนวน 4.3 ล้านโดส ขณะที่จังหวัดที่ได้รับวัคซีนความครอบคลุมประชากรที่ต่ำกว่าร้อยละ 40 เหลือเพียง 3 คือ นครพนม บึงกาฬ และหนองบัวลำภู ส่วนจังหวัดที่ได้รับวัคซีนครอบคลุมประชากรตั้งแต่ร้อยละ 70 มี 9 จังหวัด ประกอบด้วย ปทุมธานี สมุทรสาคร สงขลา เชียงใหม่ กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต และฉะเชิงเทรา

“ขณะนี้จากรายงานผู้ที่เข้ามารับวัคซีนจากทั่วประเทศ มีความต่ำและเฉื่อยลง ขณะที่วัคซีนมีมาก แต่คนเข้าฉีดน้อย มีการตั้งคำถามว่าเกิดขึ้นจากอะไร จึงขอให้ทุกส่วนมาช่วยกัน ดังนั้นภายในเดือน พ.ย. จะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 และในเดือน ธ.ค. อย่างน้อยร้อยละ 80 และเข็มที่สองในเดือน ธ.ค. อย่างน้อยร้อยละ 70” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

โฆษก ศบค.กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ศบค.ส่วนหน้ารายงานแนวโน้มการติดเชื้อดีขึ้น เป็นผลจากการที่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมมือกันทำงานอย่างดี โดยนายกฯขอบคุณประชาชนทุกศาสนาที่ร่วมมือกัน และพบว่าการฉีดวัคซีนในช่วงเดือน ต.ค.มีมากขึ้น จนถึงเดือน พ.ย.ที่การฉีดเข็มหนึ่งเป็นสีเขียวมากขึ้น ดังนั้นการฉีดในเข็ม 2 ขอให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนให้เต็มที่ เพราะวัคซีนเป็นทางรอดและทางเลือกไม่ให้ป่วยหรือเสียชีวิต และยังลดการใช้ทรัพยากรของกระทรวงสาธารณสุข

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ต่ำกว่าวันละ 1 หมื่นรายต่อเนื่องมา 2-3 สัปดาห์ ส่วนการฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 84 ล้านโดส มีผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม จำนวน 45 ล้านคน หรือร้อยละ 62 ของประชากร ซึ่งมีทั้งคนไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศไทย และคาดว่ายังเหลือผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนอีกประมาณ 10 ล้านคน ดังนั้น สธ.ตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้รวดเร็วขึ้น โดยภายในเดือน พ.ย.นี้ จะฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส หรือประมาณ 50 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชากรในทุกจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวจากเดิมที่กำหนดไว้ภายในปี 2564 หรือเร็วกว่าแผนเดิม 1 เดือน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสังคม เนื่องจากเดือน ธ.ค.จะมีเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และมีผู้คนเดินทางจำนวนมาก รวมถึงชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้นหลายเท่า

“เพื่อให้มีความปลอดภัย ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของสถานประกอบการ บริษัทเอกชนและภาคประชาสังคม ต้องร่วมมือกันกระตุ้นเตือน ชักชวนและนำผู้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้มาฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลหรือจุดที่กำหนดโดยเร็ว โดยสูตรการฉีดวัคซีนในเดือน พ.ย.นี้ สามารถเริ่มเข็มแรกเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และนัดฉีดเข็ม 2 เป็นไฟเซอร์ ห่างกัน 4 สัปดาห์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วและปลอดภัย ส่วนในเด็กอายุ 12-17 ปี ยังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มตามเดิม” รองอธิบดีกรมควบคุมโรคระบุ

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข มั่นใจว่าสิ้นเดือน พ.ย.นี้จะสามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดสตามเป้าสำเร็จ แต่ตอนนี้อย่าไปนั่งคิดเป้าหรือคิดอะไร วัคซีนเราเพียงพอที่จะทำความปลอดภัยให้กับคนในประเทศทุกคนและทุกสัญชาติ พวกแรงงานต่างด้าวก็น่าจะสบายใจขึ้น และคนที่เดินทางเข้ามาตามชายแดน ทางอธิบดีกรมควบคุมโรคได้มารายงานว่ามีการฉีดวัคซีนให้หมด เพราะเราได้รับวัคซีนที่บริจาคมาจำนวนมาก รวมถึงที่บริหารจัดการเอง

“วันนี้จีนบริจาควัคซีนซิโนแวคมาให้ 1.5 ล้านโดส โดยเวลา 14.00 น. ทูตจีนจะนำมามอบให้นายกรัฐมนตรี ส่วนวัคซีนโมเดอร์นาที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะให้กับประเทศไทย จะมีการนำขึ้นเครื่องมาสัปดาห์หน้า และทางอธิบดีกรมควบคุมโรคได้ลงสนามในเอกสารบันทึกข้อตกลงกับทางการสหรัฐแล้ว มีแต่ข่าวที่เป็นบวกเข้ามา ยังมีรัฐบาลอีกหลายประเทศที่แสดงความจำนงจะมอบวัคซีนให้กับประเทศไทย และไทยเองถ้าถึงจุดที่วัคซีนเพียงพอ เราต้องคำนึงถึงประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศที่มีความลำบาก หรือหลายประเทศที่เข้าโคแวกซ์แล้วยังไม่ได้รับวัคซีน ยังมีความล่าช้าอยู่ เราอาจจะไปช่วยประเทศเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต แต่ตอนนี้เราต้องดูแลคนของเราให้เรียบร้อยก่อน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด” นายอนุทินกล่าว

จ.สมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50 ราย อยู่ในจังหวัด 39 ราย และนอกจังหวัด 11 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 408 ราย รักษาหาย 99 ราย และอยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีก 247 ราย ส่วนที่โรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลสมุทรสาครได้ให้บริการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 12-18 ปี จาก 40 สถานศึกษาจำนวนนักเรียนกว่า 800 คน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับเด็กนักเรียนและเพื่อนๆคนรอบข้าง เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถกลับมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนแบบ ON-SITE ได้ตามปรกติในช่วงใกล้วันที่กำลังจะเปิดภาคเรียนเทอม 2 นี้แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง