สั่ง3ด.กวาดล้าง‘ปืนเถื่อน’ ตร.เต้นลุยจับขายออนไลน์

"บิ๊กตู่" ขีดเส้น 3 เดือน  กวาดล้างอาวุธปืนต้องเป็นรูปธรรม กำชับทุกหน่วยคุมเข้มห้ามซ้ำรอยโรงพักปากเกร็ด "ประวิตร" ฮึ่ม! จนท.เอี่ยวยาเสพติด-ปืน ฟันไม่เลี้ยง "มท.1" สั่งเร่งตรวจสอบเหตุปล้นของกลาง จ.สงขลา พร้อมขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง "นายบ่อน-นักพนัน" ร้อนตัวชิงคืนปืนหลวงแล้ว 30 กระบอก "ตร.ปคบ.-ภาค 5" ลุยจับขายปืนออนไลน์

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาอาวุธปืนว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนอย่างใกล้ชิด ล่าสุดที่มีกรณีเจ้าหน้าที่ยศดาบตำรวจของ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ขโมยปืนไปขาย-จำนำ และกระทำมาเป็นเวลาหลายปี นายกฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามและสั่งการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า หลังเกิดกรณีดังกล่าว นายกฯ ได้กำชับให้สถานีตำรวจทุกแห่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและดูแลรักษาอาวุธปืน รวมถึงอาวุธอันตรายอื่นๆ ของหน่วยงาน และให้มีมาตรการการลงโทษตามกฎหมายให้เด็ดขาด และยังได้กำชับให้ทุกหน่วยงานมีมาตรการป้องกันการทุจริตการขโมยทรัพย์สินของรัฐทุกประเภท

"นายกฯ เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข  โดยเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการใช้อาวุธปืนอย่างเป็นระบบ ป้องกันไม่ให้มีการนำปืนไปก่อความรุนแรงกับประชาชน โดยมาตรการต่างๆ ได้ผ่านการอนุมัติของ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา และนายกฯ ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการทุกมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน พร้อมกำชับเรื่องดูแลไม่ให้มีการทุจริตจากการใช้ทรัพย์สินของรัฐเด็ดขาด” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดปล้นของกลางทั้งยาเสพติดและปืนของเจ้าหน้าที่ที่ อ.รัฐภูมิ จ.สงขลา ว่า ขณะนี้จับตัวได้แล้ว ซึ่งหากตรวจพบมีใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการให้หมด

"เราได้สั่งขยายผลป้องกันให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยทุกเรื่อง โดยเฉพาะยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เหตุปล้นของกลางยาเสพติดและปืนของเจ้าหน้าที่ใน จ.สงขลา เราได้เร่งขอทราบรายละเอียดไปแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยกระทรวงมหาดไทยส่งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงต้องรอให้ชัดเจนก่อนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และใครมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด เพราะเราเร่งปราบขบวนการค้ายาเสพติดให้หมดไปโดยจะใช้ทุกมาตรการดำเนินการกับผู้ค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าใครก็ตาม โดยจะทำควบคู่กับไปกับการลดความต้องการไม่ให้คนใหม่เข้าไป และนำคนเก่าไปบำบัดรักษา

"เรื่องนี้ขอให้เข้าไปตรวจสอบเพื่อรู้ข้อเท็จจริงก่อน เพราะตำรวจเขาทำและสอบอยู่ ขอย้ำว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่ละเว้นใครทั้งสิ้นไม่ว่าใครก็ตาม โดยเฉพาะถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเราปราบไม่ได้" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

ถามว่า เหตุดังกล่าวต้องเพิ่มความระมัดระวัง และกำลังของฝ่ายปกครองในการปฏิบัติงานหรือไม่ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า สั่งการไปแล้ว โดยแนวทางที่จะสู้ต้องรู้ว่าตรงไหนมีใครไปยุ่งเกี่ยวบ้าง และเวลานี้พยายามหาข้อมูลและหลักฐานทั้งหมด โดยได้ย้ำให้เคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือใครในพื้นที่ต้องมาดู แต่พูดไม่ได้ เพราะถ้าทำเป็นรายชื่อออกมาเดี๋ยวจะมีคนหาว่าไปใส่ความเขา

คืนปืนแล้ว 30 กระบอก

"เรื่องนี้ละเอียดอ่อน แต่ต้องพยายามทำให้ได้ว่าใครที่อยู่ในข่ายเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง มีมาตรการตามกฎหมายอยู่ ส่วนจะไปถึงใครเอาไปทำลายนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีหลักฐานจะได้สิ้นซาก และทุกอย่างต้องทำตามกฎหมายให้ได้" รมว.มหาดไทยกล่าว

ซักว่ากฎหมายยังเข้มงวดอยู่ใช่หรือไม่เพราะดูเหมือนผู้ค้าจะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ทำตามกฎหมาย แต่ถ้ากฎหมายยังไม่พอต้องไปแก้กฎหมาย

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด คุมตัวดาบตำรวจเชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่งานธุรการ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาขโมยปืนหลวงไปขายต่อ ไปขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก หลังทำการสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดีทั้งหมด 4 ข้อหาคือ 1.ความผิดตาม ม.147 เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนฯ 2.ม.157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ 3.ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และ 4.ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามดาบตำรวจเชาวลิตระหว่างนำถูกตัวไปศาล แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยดาบตำรวจเชาวลิตมีสีหน้าเคร่งเครียด

มีรายงานว่า ดาบตำรวจเชาวลิตให้การเพิ่มเติมถึงปืนที่ขโมยไปเกือบทั้งหมด นำไปจำนำในพื้นที่ กทม.และนนทบุรี ไม่ได้นำไปขาย เนื่องจากเป็นปืนสำหรับให้ตำรวจใหม่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจแบบใช้แล้วคืนเป็นรายวัน ซึ่งเงินที่ได้นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนเรื่องการพนันยอมสารภาพว่าเล่นจริง แต่ไม่ได้เสพติด และจำไม่ได้นำปืนออกไปทั้งหมดกี่กระบอก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า หลังการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว เพราะมีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธปืนโรงพัก ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้ทำมาเดือนสองเดือน คาดว่าต้องทำมานานแล้ว จึงต้องขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่

มีรายงานว่า ช่วงเวลา 22.00 น. วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่ ได้มีโทรศัพท์มาที่สโมสรตำรวจ แจ้งว่าได้นำปืนใส่กระเป๋ามาทิ้งไว้ใกล้ๆ กับสโมสร ซึ่งทันทีที่ทราบเรื่องพล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.ปากเกร็ดเดินทางไปตรวจสอบ และพบกระเป๋าเดินทางสีเลือดหมูถูกทิ้งเอาไว้  เมื่อตรวจสอบก็พบภายในเป็นอาวุธปืนตามที่มีผู้โทรศัพท์มาแจ้งจริง

พล.ต.ต.พนัญชัยกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ต.ค.) มีผู้รับซื้อและรับจำนำปืน นำปืนจำนวน 27 กระบอก มีปืนลูกโม่ 25 กระบอก และปืนเอ็มโฟ 2 กระบอกใส่กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลมาทิ้งคืนไว้บริเวณสโมสรตำรวจ เนื่องจากกลัวความผิดและโทร.แจ้งบอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปนำมาเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว และจะต้องมีการตรวจพิสูจน์หาผู้ครอบครองต่อไป

"จากการขยายผลเข้าตรวจค้นเมื่อคืน มีผู้รับจำนำรับซื้อปืน 3 ราย สมัครใจยินยอมให้เข้าตรวจค้นบ้าน ได้ปืนมาเพิ่มอีก 3 กระบอก รวมขณะนี้ได้ปืนกลับมาแล้ว 30 กระบอก ปืนส่วนใหญ่ผู้ต้องหาเอาไปจำนำในบ่อน นักพนันด้วยกัน และนักการเมืองท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่จะนำกำลังเข้าตรวจค้นหาอาวุธปืนอีกหลายจุดในพื้นที่ กทม. พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7" พล.ต.ต.พนัญชัยกล่าว

ตร.ลุยกวาดล้างอาวุธ

ถามว่า ผู้รับจำนำรับซื้อปืนสมัครใจเอาปืนมาคืนจะมีความผิดหรือไม่ รองผบช.ภ.1 กล่าวว่า ต้องพิจารณาความผิดโทษหนักเบาตามพฤติกรรม บางส่วนอาจกันไว้เป็นพยาน

"จากการตรวจอาวุธปืนที่หายมีทั้งสิ้น 159 กระบอก ซึ่งครั้งแรกพบหายไป 160 กระบอก แต่ตรวจสอบมีปืนเอ็มโฟ 1 กระบอก มีเจ้าหน้าที่เบิกปืนไปใช้ภารกิจจริง ในจำนวนปืน 159 กระบอก มีปืนสั้นลูกโม่ ปืนออโตเมติกกล็อก ปืนออโตเมติกซิกซาวเออร์ รวม 134 กระบอก และปืนยาวเอ็ม 16 และปืนเอ็มโฟ รวม 25 กระบอก" รอง ผบช.ภ.1 กล่าว

ส่วนความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้ายค้ายาเสพติดบุกชิงปล้นยาเสพติดและชิงอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง จ.สงขลา บริเวณทางเข้าบ้านนิคมร่วมพัฒนา หมู่ 11 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลานั้น เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายได้แล้ว 1 คนคือ นายเสริมศักดิ์ ศรีสุวรรณ อายุ 47 ปี และยึดรถเก๋ง 1 คัน รวมทั้งได้เตรียมยื่นขอหมายจับเพิ่มอีก 4 คน

สำหรับนายเสริมศักดิ์ ถูกแจ้ง 7 ข้อหา คือ ปลันทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธ, เป็นอั้งยี่, ซ่องใจร, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแห่งการกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

จ.ปทุมธานี เวลา 07.30 น. พ.ต.ต.พงษ์พนา กรีฑา สว.กก.2 บก.ปคบ. และร.ต.อ.ทัศพงษ์ ผ่องใส รอง สว.กก.2 บก.ปคบ. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ปคบ. ร่วมกันจับกุมนายเทวัญ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย 1.อาวุธปืน ยี่ห้อ SMITH&WESSON ขนาด 38 S&W SPECIAL CTG MADE IN U.S.A. MARCAS RECISTRADAS SMITH&WESSON SPRINGFIELD MASS พร้อมกระสุน AP 38 SUPER จำนวน 6 นัด 2.กระสุนปืนขนาดจุด 38 ยี่ห้อ THAI ARMS 380 ACP จำนวน 21 นัด 3.กระสุนปืนขนาดจุด 38 SUPER ยี่ห้อ BULLET MASTER .38 SUPER FULL METAL JACKET 130 gr. จำนวน 23 นัด รวมเครื่องกระสุน 50 นัด 4.แม็กกาซีน จำนวน 1 อัน

โดยชุดสืบสวนทราบว่า เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/tawan.tappaluk (Tawan Tappaluk) มีการโพสต์ภาพอาวุธปืนในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีภาพการโชว์อาวุธปืนจำนวนหลายครั้ง จึงสืบสวนจนทราบว่าผู้กระทำความผิดคือนายเทวัญ ก่อนจะขออนุมัติศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 467/2565 ลงวันที่ 20 ต.ค. ไปตรวจค้นบ้านใน ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยตั้งข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาตจากนายทะเบียน ก่อนนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภาค 5 จับกุมนายวีรยุทธ์ อายุ 32 ปี ในบ้านพัก ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง ลูกกระสุนปืนกว่า 30 นัด ลำกล้องปืนกว่า 30 อัน ปืนบีบีกัน 6 กระบอก ท่อเหล็กและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการสร้างปืนอีกกว่า 1,000 ชิ้น รวมถึงสมุดคู่มือของปืนชนิดต่างๆ

หลังพบมีการเปิดขายอุปกรณ์ปืนในโซเชียล จึงขยายผลพบว่าเจ้าของร้านค้าในแอปพลิเคชันคือนายวีรยุทธ์ ที่ถูกจับกุมพร้อมของกลางจำนวนมากครั้งนี้ รวมทั้งยังมีกล่องพัสดุที่เตรียมส่งออกลำกล้องปืนไปยังหลายพื้นที่ในประเทศไทย จึงยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ส่งตัวให้ สภ.แม่วาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เช็กเงื่อนไข 'ครอบครัวอุปถัมภ์' ผู้สูงอายุ รับเดือนละ 3 พัน

'รองโฆษกรัฐบาล' เผยเงื่อนไขคุณสมบัติ 'ครอบครัวอุปถัมภ์' ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 3 พันบาท เริ่มยื่นเรื่องได้ตั้งแต่เดือน พ.ค.