‘ตู่’นิ่งแบ่งคนละครึ่ง บิ๊กป้อมหนีสื่อชิ่งปมร้อน/ภท.ไม่ปิดทางผสมพันธุ์เพื่อไทย

“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” พร้อมใจปิดปากสนิทเรื่องนายกฯ คนละครึ่ง รวมถึงกรณี “เพื่อไทย” ปูทางเป็นทองแผ่นเดียวกัน “ภูมิใจไทย” บอกให้รอดูก่อน แต่ตอกฝาโลงไม่จับมือพรรคแก้มาตรา 112 แน่ “เลขาธิการ พท.” รีบแจงแค่ความเห็นส่วนตัว ยังเร็วไปที่จะพูด เพราะมุ่งเรื่องแลนด์สไลด์หวังเป็นรัฐบาลพรรคเดียว “หญิงหน่อย” รับคุยเรื่องรวมพรรค แต่ขอไปกับไทยสร้างไทยสุดทางก่อน “นิพิฏฐ์” โวพรรคมีทีมเศรษฐกิจดีที่สุด ระบุสารพัดมาตรการที่ลุงตู่ใช้ทุกวันนี้ก็มาจากแกนนำพรรค

เมื่อวันอังคารที่ 25 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยรถเบนซ์ประจำตำแหน่ง หมายเลขทะเบียน 4 กค 29 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้แทนรถเบนซ์ประจำตำแหน่งทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ประจำ  เนื่องจากรถคันดังกล่าวเกิดอาการเกียร์ขัดข้องเมื่อวันที่ 21 ต.ค. แม้นำไปซ่อมบำรุงและนำกลับมาใช้แล้ว แต่ระบบรถยังไม่สมบูรณ์ จึงนำกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมารับไหว้สื่อมวลชน พร้อมกล่าวทักทายว่า สบายดีนะทุกคน และภายหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามในประเด็นทางการเมือง ทั้งกรณี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอสูตรนายกฯ คนละครึ่งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกฯ และกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประวิตรดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์​ โดย พล.อ.ประยุทธ์เดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเห็นสื่อมวลชนก็มีสีหน้าตกใจและรีบเดินขึ้นรถกลับทันที

ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.สั้นๆ ถึงกรณีนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค พปชร. เสนอแนวทางหมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม หรือนายกฯ คนละครึ่ง โดยนายสมศักดิ์โบกมือปฏิเสธก่อนระบุว่า "การเมืองยังไม่ถึงเวลาหรอก"

เมื่อถามย้ำว่า แนวทางนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบ

ต่อมาหลังประชุม ครม. นายสมศักดิ์กล่าวตอบเรื่องนี้อีกครั้งว่า คนที่พูดคงอยู่พรรคการเมืองอื่น คงพูดเพื่อสร้างความปั่นป่วน และเป็นการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง แต่พรรคพลังประชารัฐยังไม่มีใครพูด

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรค พปชร.จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ก็ต้องคุยกัน ก่อนเดินแหวกวงสัมภาษณ์พร้อมอุทานว่า "เป็นเรื่องยากสำหรับผมแล้ว"

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ​ รมว.คมนาคม​ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจ​ไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศจับมือได้กับทุกพรรคไม่เว้นแม้พรรค พปชร. ในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้าว่า​ ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการจับขั้วจะตั้งรัฐบาล ถือว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องนี้ใช่หรือไม่​ นายศักดิ์สยาม​กล่าวว่า ความจริงพรรค ภท.มีเงื่อนไขเดียว คือไม่เอาพรรคการเมืองที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ถามย้ำว่าเป็นไปได้ที่พรรค ภท.จะจับมือกับพรรค พท.จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นายศักดิ์สยามกล่าวเพียงว่า ขอให้รอดูก่อน

เพื่อไทยรีบปัดเรื่องผสมพันธุ์

ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ชี้แจงถึงกระแสพรรค พท.พร้อมจับมือร่วมกับพรรค พปชร.และพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกพรรคจัดตั้งรัฐบาลว่า 1.ความเห็นดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว การจะจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดนั้น กก.บห.พรรคยังไม่ได้คุยกัน  2.ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศว่าจะจับมือกับใครตั้งรัฐบาล และยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากพรรคต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งเสียก่อน 3.พรรคมุ่งชนะแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้ง และเชื่อมั่นว่าประชาชนจะสนับสนุนให้แลนด์สไลด์ เพื่อให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็งผลักดันนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ และ 4.พรรคยังไม่ได้จับมือกับพรรคใดตั้งรัฐบาล ต้องรอและเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งก่อน

“ถ้าจะจับมือกับพรรคใดตั้งรัฐบาล สิ่งที่สำคัญต้องฟังเสียงประชาชน และพรรคนั้นต้องมีอุดมการณ์และมีนโยบายในการแก้ปัญหาประเทศสอดคล้องกันกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะจุดยืนด้านประชาธิปไตย” นายประเสริฐกล่าว

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยเเพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับข้อพึงระวังของพรรคการเมืองและผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ช่วงระยะเวลาก่อนวันครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 23 มี.ค. 2566 โดยระบุกรณีที่สามารถทำได้ คือ 1.สามารถร่วมงานประเพณีต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่ง งานศพ และมอบพวงหรีดดอกไม้สดได้ 2.จัดพิธีงานต่างๆ ได้ เช่น งานศพ งานแต่ง และงานบวช แต่ต้องไม่มีลักษณะเป็นงานขนาดใหญ่ 3.กรณีปิดประกาศและแผ่นป้ายหาเสียงสามารถกระทำได้ โดยต้องเป็นไปตามประกาศที่ กกต.กำหนด และข้อความในแผ่นป้ายต้องไม่เป็นเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี หรือสัญญาว่าจะให้ ส่วนแผ่นป้ายหาเสียงที่ติดตั้งไว้ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งต้องดำเนินการ และแก้ไขให้เป็นไปตามระเบียบที่ กกต. กำหนด 4.การติดตั้งป้ายหาเสียงบนรถยนต์ทำได้ไม่จำกัดขนาด แต่ต้องไม่ผ่าฝืนกฎหมายจราจร การดำเนินการเกี่ยวกับประกาศและแผ่นป้ายผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองต้องเก็บรักษาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ประกอบการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง

สำหรับกรณีที่ไม่สามารถทำได้ คือ 1.การมอบพวงหรีด ที่เป็นสิ่งของ เช่น พัดลม ช้อนส้อม และผ้าขนหนู 2.การช่วยเหลือเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใดตามประเพณีต่างๆ และ 3.การจัดคน หรือนำคนที่ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียง ไปช่วยหาเสียงโดยให้ค่าตอบแทน

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านนั้น ที่ห้องประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) สภาผู้แทนราษฎร วิปฝ่ายค้านได้จัดการประชุมผ่านแอปพลิเคชันซูม โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นประธาน ซึ่งก่อนเข้าสู่วาระ นพ.ชลน่านได้แจ้งมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่รับทราบการควบรวมของกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรู-ดีแทค ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในฐานะผู้บริโภค และได้ปรากฏรับทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งจะหารือต่อไปในโอกาสหน้าว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีท่าทีอย่างไร

จากนั้นได้เข้าสู่วาระการประชุมคือติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี และการยื่นคำร้องต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องในประเด็นที่สืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรค พท.ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักรายงานว่าจากทั้งหมด 19 เรื่องที่จะยื่นร้อง สัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ตามด้วยวาระการหารือการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ตลอดจนทิศทางหรือแนวทางการทำงานในสภาของพรรคร่วมฝ่ายค้านประจำสัปดาห์ รวมถึงโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาพบประชาชน

หญิงหน่อยรับมีคุยรวมพรรค

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการควบรวมกับพรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคเสรีรวมไทย ว่ามีการพูดคุยกันอยู่ แต่ยังไม่ถึงขั้นรวมเป็นพรรคการเมืองเดียว ยืนยันว่าเราต้องการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นสถาบันทางการเมือง ส่วนเงื่อนไขรวมพรรคการเมืองนั้น ขอเรียนว่าจะขอเดินหน้าทำพรรคการเมืองนี้ก่อน แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันกับบางคน และมีอุดมการณ์เดียวกัน

“เป้าหมายว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเห็นว่าพรรค ทสท.จะเป็นทางออกกับประเทศได้หรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์หรือกติกาแบบไหน เราก็พร้อมเดินหน้าต่อ”คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

ถามว่าพรรค ทสท.จะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นในการเลือกตั้งสมัยหน้า เพื่อผลักดันนโยบายหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ถ้าประชาชนสนับสนุนและเห็นด้วยกับพรรค เราก็พร้อมเป็นรัฐบาล แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีสมาชิกพรรคลาออกนั้น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองที่เป็นองค์กรใหม่ ที่ต้องมีเรื่องแบบนี้บ้าง สมาชิกพรรคหลายคนที่ลาออกไปแล้วก็ยังมาช่วยงานและประสานงานเป็นทีมงานของพรรคอยู่

 นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวว่า การลงพื้นที่ของพรรคที่นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ในภาคอีสาน ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี เพราะคุณหญิงสุดารัตน์เป็นลูกอีสานหลานย่าโม จึงผูกพันใกล้ชิด อยู่เคียงข้างพี่น้องยามทุกข์ยากเสมอมา ไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องชาวอีสานเลย ไม่ว่ามีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ยามที่พี่น้องเดือดร้อน เช่น น้ำท่วม ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ จะไปช่วยทันที ทำให้ความรักความผูกพันระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์และชาวอีสานแนบแน่น ที่สำคัญคุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนทำงานจริงจัง ฟังเสียงประชาชน และมีความซื่อสัตย์ ไม่มีประวัติด่างพร้อยด้านทุจริต มีผลงานโดดเด่นชัดเจน ไม่ว่าจะช่วงเป็น รมว.สาธารณสุข โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค การปราบโรคซาร์สและหวัดนก หรือ รมว.เกษตรฯ ก็ได้ช่วยเกษตรกร เรื่องที่ดินทำกิน การลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มราคาสินค้าเกษตรสำเร็จมาแล้ว

“คนอีสานต้องการให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ เพื่อมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวอีสานและคนตัวเล็กทั่วประเทศ กระแสตอบรับดังกล่าว นำมาสู่การมุ่งมั่นทำงานของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคนที่ต้องมีหัวใจรับใช้พี่น้องประชาชน รวมถึงการออกไปนำเสนอนโยบาย นำเสนอจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยให้มากที่สุด ซึ่งในภาคอีสานว่าที่ผู้สมัครของพรรค มีความพร้อมเกินกว่า 80% แล้ว” นายต่อพงษ์ระบุ

  นายต่อพงษ์กล่าวว่า ประการที่สำคัญซึ่งทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ได้รับการตอบรับจากพี่น้องชาวอีสานเป็นอย่างดี เพราะต้องการให้เป็นนายกฯ ของชาวอีสาน และมองเห็นในความมุ่งมั่นตั้งใจของคุณหญิงสุดารัตน์ โดยเฉพาะการทำงานยากสำเร็จมาแล้ว รวมถึงมีประสบการณ์บนถนนการเมืองกว่า 30 ปี จึงทำให้พี่น้องเห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ และที่สำคัญคุณหญิงสุดารัตน์ไม่เคยมีประวัติการทุจริตคอร์รัปชัน

บอกบิ๊กตู่ยังลอกการบ้าน สอท.

ส่วนที่โรงแรมเซาเทิร์นวิว จ.ปัตตานี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) เปิดการประชุมและชี้แจงนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมุ่งในการแก้ปัญหาความยากจน ความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ จ.ปัตตานี พร้อมเปิดตัวผู้สมัครพรรคทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย เขต 2 นายเจะนิ สะนิ, เขต 3 ดร.นัซรูดิน ฮัจยีดาโอะ และเขต 4 นายนิรันดร์ วายา ส่วนเขต 1 ยังคงต้องรอผลการคัดเลือกตัวอีกครั้ง ซึ่งเป็นเขตที่ค่อนข้างจะมีผู้สมัครตัวเต็งหลายคน และเป็นพื้นที่ดุเดือดที่สุด จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดตัวผู้สมัครของแต่ละพรรคแต่อย่างใด

นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า จุดแข็งของพรรคคือ เป็นพรรคที่มีบุคลากรที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ดีที่สุด มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุดกว่าทุกพรรคการเมืองในประเทศนี้ก็ว่าได้ โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานพรรค ซึ่งเป็นนักการเมืองที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศมาเกือบทุกรัฐบาล และในครั้งนี้จะเป็นผู้ลงมือ เป็นหัวหน้าทีมจริง ๆ นอกจากนี้ ยังมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นอดีต รมว.การคลัง และนายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ เป็นอดีต รมว.พลังงาน ซึ่ง 3 ท่านนี้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศระดับต้นๆ และประชาชนรู้จักดี จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมานโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง และอื่นๆ ก็ล้วนมาจากแนวคิดของทีมเศรษฐกิจของท่านสมคิด และ พล.อ.ประยุทธ์ก็นำไปใช้จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีนโยบายใหม่ๆ ฉะนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนนายกฯ ประเทศถึงจะเดินต่อไปได้

 “คุยกับ ส.ส.อันวาร์ สาและ อยู่ตลอด แต่สุดท้ายท่านก็จะไปพรรคโน้นพรรคนี้ ผมจึงคิดว่าต้องชัดเจนเรื่องพรรคก่อน ถ้ายังเลือกไปมาก็ยากที่จะคุย แต่ถ้าพี่น้อง จ.ปัตตานีเห็นว่าท่านอันวาร์ยังเป็นความหวัง แก้ปัญหาความยากจนและปากท้องได้ ก็สนับสนุนได้”นายนิพิฏฐ์กล่าวตอบจะมีการทาบทามนายอันวาร์มาร่วมพรรคหรือไม่

วันเดียวกัน ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเข้าไปหารือในห้องรับรองที่มี พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อยู่ในห้องด้วย ใช้เวลานานถึง 50 นาที โดยเรียกสอบถามความเห็นของแต่ละพรรคเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติสุราก้าวหน้าที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่จะมีการพิจารณาวาระ 2, 3 ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ โดยวงหารือได้ถกประเด็นนี้กันอย่างเข้มข้น ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าไม่อยากให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภา เนื่องจากกังวลว่าหากกฎหมายผ่านสภาจะไม่มีมาตรการรองรับความปลอดภัย เกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องการต้มสุราเถื่อนและการผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ แตกต่างจากพวกผู้ผลิตรายใหญ่ในปัจจุบันที่ผลิตถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐานสูงและสามารถรับผิดชอบคุณภาพได้ นอกจากนี้ จะมีการขายสุราเถื่อนเกลื่อนเหมือนกับเรื่องกัญชาเสรีที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ แล้วจะรับผิดชอบกันไม่ไหวถ้าเกิดมีการต้มเหล้าผิดกฎหมาย มันมีแต่ทำลาย

นอกจากนี้ ในช่วงท้ายการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวเน้นย้ำเรื่องการพิจารณากฎหมายอีกครั้งว่า ขอบคุณทุกคน ทุกพรรค เรื่องกฎหมายต่างๆ ฝากให้สภาดูแลด้วย ดูแลประชาชนให้เกิดความยั่งยืน กฎหมายบางอย่าง ถ้าฟรีมากไปก็เกิดปัญหา ต้องหามาตรการควบคุมด้วย

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการกระทรวงศึกษาธิการถึงเรื่องการสอนประวัติศาสตร์ โดยระบุว่าได้สั่งการแล้ว แต่ยังไม่เห็นมีความคืบหน้าอะไร นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังแสดงความเป็นห่วงสังคมเรื่องการใช้ความรุนแรง ว่าทำไมช่วงนี้สังคมถึงชอบใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกับในโซเชียลมีเดียที่มีการทะเลาะกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง