สุพัฒนพงษ์พลิกให้ปชช.ชี้ขายที่ดิน

“สุพัฒนพงษ์” ประชุม “คสดช.” นัดแรก โชว์ยอดผู้สมัครวีซ่า LTR แค่ 2 เดือน 1.3 พันราย เตรียมให้บีโอไอโรดโชว์ดึงกลุ่มเป้าหมายเต็มตัว ระบุ กม.ให้ต่างชาติถือครองที่ดินให้ ปชช.ตัดสิน “คลัง” ย้ำต่างชาติซื้อที่ดินไม่ง่าย มีเงื่อนไขเคร่งครัด “พท.” จี้ “บิ๊กตู่” หยุดขายที่ดินให้ต่างชาติ รอทำประชาพิจารณ์ก่อน “ส.ส.เต้” ร้องศาลเพิกถอนมติ ครม. พร้อมล่าชื่อคัดค้าน

ที่ศูนย์บริการ One Stop Service  (กม.พิเศษ และ BOI) อาคารจัตุรัสจามจุรี วันที่ 4 พ.ย. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (คสดช.) ร่วมกับ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกฯ, ศ.พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ อดีตประธานบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายด้านควบรวมกิจการ (M&A), นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้าร่วมประชุม จากนั้นนายสุพัฒนพงษ์ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์การขออนุญาตวีซ่า LTR ประมาณ 20 นาที

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันการดำเนินการยื่นขอวีซ่าพำนักระยะยาวของชาวต่างชาติ (วีซ่า LTR) ได้เปิดให้มีการเริ่มดำเนินการ 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับความสนใจในระดับหนึ่ง มีผู้สมัครกว่า 1,300 คนแล้วจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐ สหราชอาณาจักร โดยที่ผ่านมาเป็นการเริ่มอย่างไม่เป็นทางการ จากนี้ไปทางสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายรับทราบมากขึ้น โดยเรื่องนี้ได้มอบหมายให้บีโอไอทำแผนโรดโชว์อย่างเป็นทางการ ส่วนจะได้ 1 ล้านคนภายใน 5 ปีหรือไม่ ก็ต้องตั้งเป้าไว้ก่อน เพราะขณะนี้มีหลายๆ ประเทศที่ใช้วิธีออกมาตรการในลักษณะเดียวกับไทย

 “เรื่องการแก้ไขกฎกระทรวงมหาดไทย เรื่องการให้ต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทย 40 ล้านบาท และมีการคงเงินลงทุนไว้ 3 ปี สามารถซื้อที่ดินและบ้านได้ไม่เกิน 1 ไร่ ย้ำเป็นการแก้จากเดิมที่ให้คงเงินลงทุนไว้ 5 ปี และกำหนดว่าต้องได้วีซ่า LTR ก่อนถึงสามารถซื้อที่ดินได้ โดยในส่วนนี้หากมีการปรับเปลี่ยนยกเลิกไปก็จะไม่กระทบกับนโยบายวีซ่า LTR ที่ดำเนินการอยู่” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

ถามถึงกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงในที่ประชุมสภาว่าอาจจะถอยเรื่องการแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อให้สิทธิ์ชาวต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัย 1 ไร่ในไทย นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เป็นทางเลือกของคนที่ประสงค์จะอยู่ในประเทศไทยจริงๆ และอยากเข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปใช้ช่องว่างทางกฎหมาย และไม่ได้คิดว่าไม่มีเรื่องนี้แล้ว การดึงดูดชาวต่างชาติคุณภาพสูงจะไม่สำเร็จ เพราะต่างชาติที่มาอยู่ในไทยอาจใช้วิธีการเช่า 30 ปี และเพิ่มอีก 30 ปีก็ทำได้ หรือซื้อคอนโดมิเนียมในสัดส่วนไม่เกิน 49% หรือจะเลือกเช่าโรงแรมอยู่ก็ได้

 “ในที่สุดถ้าขั้นตอนการเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประชาชนแล้วยังเห็นว่าต้องระงับหรือแก้ไขอะไร ก็มาดูกันว่าเป็นอย่างไร กฎกระทรวงเดิมก็มีอยู่แล้ว ก็เป็นทางเลือก ไม่ได้บอกว่าจะต้องมีและต้องขายพ่วง เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าถ้าหากมีหลักเกณฑ์ใหม่ ก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้เพราะประชาชนคิดว่าไม่ยอมรับ ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก หรือกลับไปให้คงการลงทุนในไทย 5 ปีเหมือนเดิมก็ไม่มีปัญหา” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

รมว.พลังงานกล่าวว่า เราต้องการส่งสัญญาณว่าต่างชาติที่เข้ามาตามช่องทางนี้ จะต้องมีหลักเกณฑ์ในการได้รับวีซ่า LTR ต้องมีรายได้ตามกำหนด ซึ่งยากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ หากสังคมมองว่าไม่เหมาะสม ยังไม่พร้อม ไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ต้องฟังเสียงประชาชนและผู้ประกอบการ ผมไม่ได้พร้อมถอย ต้องบอกว่าอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือว่าผ่านขั้นตอนของผมไปแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าตัดสินใจอย่างไร

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวมีอีกหลายเงื่อนไขที่นักลงทุนต่างชาติต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากต้องการซื้อที่ดินในประเทศไทย ซึ่งก็มีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณารายละเอียดให้ครบถ้วน ที่ผ่านมากฎกระทรวงมหาดไทยปี 2545 มีข้อจำกัดหลายประการ การแก้ไขกฎกระทรวงครั้งนี้ก็เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนที่มีศักยภาพมาลงทุนในประเทศเท่านั้น

ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า การพิจารณาการให้นักลงทุนที่มีศักยภาพสูงมาลงทุนในประเทศ มาซื้อที่ดินในประเทศ ต้องพิจารณาในหลากหลายมุม นอกจากนักลงทุนที่นำเม็ดเงินมาลงทุนแล้ว ยังนำความรู้ต่างๆ มาถ่ายทอดให้กับคนไทยด้วย

“กลุ่มนักลงทุนที่จะสามารถซื้อที่ดินได้นั้น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประเทศไทยอย่างเข้มงวดด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเข้ามาซื้อที่ดินโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายประเทศไทย” รมช.การคลังกล่าว

ขณะที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้ฝ่ายค้านกรณีตั้งกระทู้ถามสด ผลกระทบของร่างกฎกระทรวงมหาดไทยให้สิทธิชาวต่างชาติศักยภาพสูง 4 กลุ่มโดยกล่าวหารัฐบาลจนมุมทางเศรษฐกิจว่า ไม่ใช่เรื่องจนมุมทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมดังกล่าว เพื่อดึงดูดนักลงทุนรายบุคคล รวมทั้งเพิ่มการควบคุมและคัดกรองให้รัดกุมขึ้น อาทิ อนุญาตให้เฉพาะคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม การซื้อขายไม่เปิดช่องให้นอมินีสามารถกว้านซื้อที่ดินได้ การซื้อที่ดินกำหนดบริเวณชัดเจนไม่ใช่ซื้อที่ไหนก็ได้ในประเทศ การใช้ชีวิตของต่างชาติในไทย ต้องดำรงเงื่อนไขก่อนซื้อ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ไม่มีเอกสิทธิ์เหนือแผ่นดินไทย และทุกตารางนิ้วที่ต่างชาติมีที่พักอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย ยังต้องเคารพกฎหมายไทย จึงไม่ใช่การเสียอธิปไตยของชาติ

 “รัฐบาลน้อมรับข้อห่วงใยของทุกฝ่าย  ที่มีเจตนาในการป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ในการแสวงหาผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีการปรับปรุงแก้ไขได้อยู่ขณะนี้” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

อย่างไรก็ตาม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการที่ พล.อ.อนุพงษ์และนายสุพัฒนพงษ์ตอบกระทู้ในสภา พบว่าพูดไปคนละทิศคนละทาง พล.อ.อนุพงษ์บอกว่าอาจจะกำหนดเงื่อนไขให้เข้มงวดขึ้น หรืออาจล้มเลิกไปเลยหากประชาชนกังวลมาก  ส่วนนายสุพัฒนพงษ์บอกเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนให้คนต่างชาติมาซื้อที่ดิน จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ยังไม่รวมที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าการขายที่ดินให้ต่างชาติไม่ใช่การขายชาติ เพราะคนต่างชาติไม่สามารถเอาที่ดินหนีบรักแร้กลับประเทศของเขาได้   

รองโฆษกพรรค พท.กล่าวว่า ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อดสงสัยไม่ได้ว่าเราอยู่ในรัฐบาลแบบไหนกันแน่ ขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รีบออกมาสร้างความกระจ่างต่อสาธารณชนโดยเร็ว 

 “หยุดขายชาติเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เลิกใช้คำว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ หากยังไม่สามารถสร้างความชัดเจนให้กับเรื่องนี้ได้” รองโฆษกพรรค พท.กล่าว

วันเดียวกัน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมสมาชิกพรรค เข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาและมีคำสั่งเพิกถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อให้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึงดูดคนต่างดาวที่มีศักยภาพสูงมาสู่ประเทศไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 25 ต.ค. พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดี มติ ครม. ต่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าว

นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า หากร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ประกาศใช้ ก็อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ที่ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่กระทบต่อสิทธิหรือประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชน อีกทั้งตนเห็นว่า การที่รัฐบาลนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากประชาชนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญต่อประเทศชาติ

“ครั้งนี้เหมือนเราขายที่ดินให้ต่างชาติเพื่อแลกเงินกู้ พันธบัตร หรือการลงทุนตราสารหนี้ เหมือนเป็นการขายที่ดินขายสิทธิให้กับต่างชาติ เมื่อต่างชาติได้ไปเขาก็สามารถนำไปขายต่อได้ เหมือนประเทศไทยถูกแบ่งเป็นเสี่ยงๆ เรียบร้อยแล้ว”นายมงคลกิตติ์กล่าว

หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์กล่าวว่า อยากให้คนไทยช่วยกันยับยั้ง โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการรณรงค์ล่ารายชื่อ ประชาชนทั่วประเทศเพื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าว ตนในฐานะผู้แทนฯ จะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น จะคัดค้านให้ถึงที่สุด ก็ต้องดูกันไปว่าเรื่องนี้ใครจะดำอึดกว่ากัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง