‘บิ๊กตู่-ชวน’ร่วมเวทีAIPA ตร.มั่นใจคุมเข้ม‘เอเปก’

นายกฯ บินกัมพูชาประชุมสุดยอดอาเซียน หารือ "สมเด็จฮุน เซน" ชื่นมื่น ขอบคุณช่วยไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ "ประยุทธ์-ชวน" ร่วมเวทีสมัชชารัฐสภาอาเซียน   ผบ.ตร.ยันมาตรการความปลอดภัยเอเปกพร้อม 90% เตรียมเปิดศูนย์อำนวยการร่วม 14 พ.ย. วอนม็อบใช้พื้นที่ กทม.จัดไว้ให้ เคลื่อนไหวตามกรอบ กม.

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 07.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และภริยา ออกเดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2565

ต่อมาเวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรี และภริยาเดินทางถึงกรุงพนมเปญ และได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ณ พระบรมราชวัง

จากนั้น เวลา 11.10 น. พล.อ.ประยุทธ์หารือกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องเพื่อกระชับความสัมพันธ์หลังจากผู้นำทั้งสองว่างเว้นจากการพบปะหารือกันมากว่า 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อติดตามความคืบหน้าและหารือประเด็นสำคัญต่างๆ ในระดับทวิภาคี

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญดังนี้ นายกฯ ยินดีต่อความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนของกัมพูชาพร้อมขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ในฐานะแขกพิเศษ โดยนายกรัฐมนตรียินดีกับทิศทางความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชาที่แน่นแฟ้น ราบรื่น ซึ่งต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ให้ความใส่ใจและสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยตนเอง จนทำให้มีความร่วมมือที่ดีในทุกด้านที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และหวังว่าจะได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปในทุกระดับ

ทั้งนี้ ไทยชื่นชมและสนับสนุนความพยายามของกัมพูชา ในฐานะประธานอาเซียน กับการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 และการร่วมมือกันในการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม รวมถึงการผลักดันให้อาเซียนมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการรักษาเสถียรภาพ สันติภาพ และความเจริญของภูมิภาค ด้านนายกฯ กัมพูชา กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ ยินดีที่กัมพูชาและไทยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนและการหารือกันอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ รวมทั้งได้ยืนยันความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อสานต่อความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคีให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทั้งสองเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือและทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและให้บรรลุเป้าหมายการค้าที่ 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ.2025 ส่วนด้านปัญหาขบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์ข้ามชาติ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) นายกฯ ขอบคุณกัมพูชาที่ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกชักชวนไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และยินดีที่กัมพูชาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028-Phuket Thailand จากกัมพูชา โดยหวังที่จะให้เวทีนี้เป็นเวทีให้นานาประเทศนำเสนอแนวทางเพื่อเป็นทางออกร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความร่วมมือสู่ความยั่งยืน

'บิ๊กตู่-ชวน'ร่วมเวที AIPA

จากนั้น เวลา 14.08 น. พล.อ.ประยุทธ์แสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน ค.ศ. 2022 (ASEAN Business and Investment Summit (ABIS) 2022) หัวข้อ “อาเซียนที่มีความพร้อมด้านดิจิทัล (Digital-Ready ASEAN)” ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ภายหลังเสร็จสิ้น นายอนุชาสรุปสาระสำคัญว่า นายกฯ เสนอ 3 ประเด็นหลักที่ควรให้ความสำคัญ ดังนี้ 1.การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาทักษะดิจิทัลที่มีคุณภาพสูงในภาคแรงงานและธุรกิจ ตลอดจนการส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัปที่เข้มแข็ง 2.การสร้างความเชื่อมโยงดิจิทัล การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ 3.การสร้างความยั่งยืนและครอบคลุม ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล การพัฒนาบุคลากรดิจิทัล การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดจนการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ MSMEs และสตรี ทั้งนี้พร้อมก้าวสู่การบูรณาการด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบเพื่อการเป็น “ดิจิทัลอาเซียน”

ขณะที่เวลา 14.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำอาเซียน และคณะผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน (ASEAN - AIPA Leader’s Interface Meeting) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยนายชวนได้รับเลือกจากประเทศสมาชิกรัฐสภาอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ให้เป็นผู้กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี และสมเด็จเฮง สัมริน ประธานรัฐสภา ราชอาณาจักรกัมพูชา รวมทั้งผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นต้น

   โดยนายชวนได้กล่าวขอบคุณฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ส่งเสริมให้เกิดการหารือระหว่างสำนักงานเลขาธิการของทั้งสองฝ่าย ตามที่ตนได้เสนอให้ริเริ่มการหารือดังกล่าวในการประชุมที่ประเทศไทยเมื่อปี 2562 อันเป็นการเน้นย้ำให้เกิดความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างสองสถาบัน นำไปสู่การแก้ปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในเวทีเดียวกันว่า เชื่อว่า AIPA สนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลสมาชิกในอาเซียนได้ 3 ประการ ดังนี้ 1.ตอบสนองต่อการรับมือและบรรเทาผลกระทบจากความท้าทายต่างๆ อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ 2.ขับเคลื่อนวาระของประชาชน หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถ่ายทอดความเห็นของประชาชนมายังรัฐบาล 3.แก้ไขหรือออกกฎหมายภายในให้สอดคล้องกับพันธกรณี และความตกลงของอาเซียน ส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ RCEP มีผลบังคับใช้แล้ว และหวังว่าประเทศที่เหลือจะเร่งดำเนินการให้สัตยาบันโดยเร็ว เพื่อใช้ผลประโยชน์จากความตกลงฯ ร่วมกัน

หลังจากนั้นเวลา 15.15 น. ณ โรงแรมสกคา กรุงพนมเปญ นายกฯ เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน 20 คน เพื่อส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน ให้เยาวชนในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง  โดยเชื่อมั่นว่า เยาวชนรุ่นใหม่ของอาเซียนต้องเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบในทุกมิติ มีความรักและหวงแหนในอัตลักษณ์ขนบธรรมเนียมที่ดีงามของอาเซียน และมีจิตสาธารณะที่พร้อมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมสร้างประชาคมอาเซียนให้เป็นประชาคมเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

วอนม็อบไม่ป่วนช่วงเอเปก

ทางด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ได้มีการรายงานนายกฯ ถึงการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมเอเปก ซึ่งทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง   ขณะนี้มีความพร้อมเกือบทุกด้านแล้วกว่า 80 ถึง 90% ทั้งนี้ พล
อ.ประยุทธ์ได้กำชับให้เน้นเรื่องการซักซ้อมการดูแลความปลอดภัย เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก่อนถึงวันจริง ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย. โดยได้ระดมกวาดล้างเรื่องของอาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข กรุงเทพมหานคร ได้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ และจะมีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมอย่างเป็นทางการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการดูแลกลุ่มที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงประชุมเอเปก ในทางการข่าวได้มีการเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบความชัดเจนเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ แต่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอให้ใช้ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่แสดงออกทางกิจกรรม  จึงอยากขอร้องให้ทุกอย่างดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย เพราะการประชุมเอเปกในครั้งนี้มีความสำคัญกับประเทศในฐานะที่เราเป็นเจ้าภาพ ซึ่งกว่าที่ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ ต้องใช้เวลานานเป็น 20 ปี จึงต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่อยากให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพราะส่งผลต่อชื่อเสียงของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะในช่วงเวลานั้นผู้นำประเทศต่างๆ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศและนักธุรกิจจะเดินทางมา จึงอยากให้เกิดความเรียบร้อยและความประทับใจในการประชุม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊ง' ดูไว้! นักการเมืองต้องรักษาสัจจะเหมือน 'อภิสิทธิ์' เคยหาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในงานอีเวนต์ ”10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10“ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม