‘อิ๊งค์’ซัด‘ธปท.’ฉุดฟื้นเศรษฐกิจ

“อุ๊งอิ๊ง” กร้าวฉะแบงก์ชาติเป็นปัญหาแก้เศรษฐกิจ ยึดติดแต่คำว่าอิสระ ไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือทำให้หนี้ประเทศไร้ทางลด “ราเมศ” สวนทันควัน  ต้นตอปัญหามาจากการโกงจากรุ่นสู่รุ่น  ไม่ใช่เรื่องอิสระ “เพื่อไทย” พาเหรดขายฝันฟ้าสีทองผ่องอำไพ ปีหน้ารถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย ผุดทีวีซอฟต์พาวเวอร์  “ป.ป.ช.” ย้ำอย่าฝืนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต

 เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567  พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดกิจกรรม “เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ” โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้า พท. แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมากๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายทางด้านการคลังถูกใช้เพียงด้านเดียวมาโดยตลอด และทำให้ประเทศของเรามีหนี้สูงมากขึ้น และสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดย ธปท.ไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ประเทศเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย

ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาใหญ่ที่เราเจอระหว่างการลงพื้นที่ที่ผ่านมาคือเรื่องหนี้สิน ซึ่งถ้าเราไม่มาอยู่ตรงนี้ก็คงไม่มีใครไปพูดกับผู้ว่าฯ ธปท.ให้ลดดอกเบี้ย ท่านยึดความอิสระเป็นหลัก แต่พูดแล้วว่าความอิสระ แต่ไม่ได้อิสระจากความทุกข์จากของประชาชน ก็พูดไปด้วยวาจาสุภาพในฐานะผู้ใหญ่ที่พูดคุยกัน ถ้าท่านทำก็ถือว่าดี แต่ถ้าไม่ทำเรารัฐบาลก็ต้องหาวิธีอื่น

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวโต้ น.ส.แพทองธารว่า เป็นการโยนบาปของรัฐบาลให้กับ ธปท. ทั้งๆ ที่การทำหน้าที่ของ ธปท.นั้น หากเห็นข้อเสนอแนะ บทบาทหน้าที่ที่ได้แสดงออกมาโดยผ่านผู้ว่าฯ  ธปท. ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลควรรับฟังข้อท้วงติงจากผู้ว่าฯ ธปท. หากมองอย่างเป็นธรรม เกิดจากความสุจริตใจที่มีความเป็นห่วงบ้านเมือง ท่านไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีประโยชน์อื่นใดแอบแฝง แต่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลกลับมองข้อท้วงติงเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

“ความเป็นอิสระของ ธปท.ไม่ใช่ปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องที่ดีที่ถูกต้องเชื่อว่า ธปท.ให้การสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว ต้องชื่นชม ผู้ว่าฯ ธปท. ที่กล้าหาญพูดในสิ่งที่ถูกต้อง หลักการความถูกต้องจะเป็นเกราะป้องกันทุกสิ่ง อุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคือการทุจริตคอร์รัปชันต่างหากที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น คือทุจริตในเชิงนโยบาย ทุจริตอย่างเป็นระบบ  คิดนโยบายมุ่งประสงค์ทุจริต” นายราเมศระบุ

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในงานของพรรค พท.ว่า จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจไทยได้ถึง 4 ลูก เม็ดเงิน 500,000 ล้านบาท จะถูกอัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเป็นระลอก โดยระลอกแรกจะเกิดจากประชาชนที่ซื้อของตามร้านค้า เกิดธุรกรรมกว่า 10,000 ล้านครั้งในรอบ 6 เดือน ระลอกที่ 2 จะเกิดขึ้นจากร้านค้าสู่ร้านค้า ที่พ่อค้า-แม่ค้าต้องนำเงินไปซื้อวัตถุดิบ อีกกว่า 10,000 ล้านครั้ง ระลอกที่ 3 เกิดจากกำลังซื้อจากการผลิตและกลับสู่ร้านค้าอีกครั้ง และพายุหมุนลูกที่ 4 จะเป็นพายุหมุนทางเทคโนโลยีผ่านซูเปอร์แอป ที่เป็นสถาปัตยกรรม สามารถเชื่อมต่อกับธนาคารต่างๆ ที่เข้าร่วม และประชาชน สามารถใช้ได้อย่างสะดวก ก็จะทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินกันอย่างมหาศาล

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ป.ป.ช.จะดำเนินการเฝ้าระวังต่อไป หลังจากที่ได้มีการเสนอมาตรการไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยจะดูว่ารัฐบาลได้นำข้อสังเกตอะไรที่ ป.ป.ช.ได้ให้ไว้ไปปรับปรุง ดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะประเด็นของการกู้เงิน การใช้ระบบบล็อกเชน แต่ต้องรอการขับเคลื่อนที่ชัดเจนมากกว่านี้

ถามถึงประเด็นที่สังคมตั้งข้อกังวลถึงการใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นั้น นายนิวัติไชยยืนยันว่า ป.ป.ช.มีอำนาจติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะงบ  ธ.ก.ส.เป็นงบที่ใช้สำหรับกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก โดยเวลานี้ยังมองไม่เห็นช่องทางการทุจริตในโครงการดังกล่าว ส่วนที่กังวลว่าจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวนั้น ยืนยันว่าแตกต่างจากโครงการจำนำข้าว แต่มีประเด็นที่จะต้องจับตา

 “ถ้ากฎหมายบอกว่าทำไม่ได้ ก็อย่าไปฝืน อันตราย หากเป็นรัฐบาลก็ไม่ทำหรอก มันตรวจสอบได้ง่าย” นายนิวัติไชยระบุ

ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวในงานของพรรค พท.ว่า จะเริ่มเดินหน้าโครงการพัฒนาคนในทุกอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายใหญ่ที่จะใช้ซอฟต์ พาวเวอร์พัฒนาแรงงานไทยและสร้างงานกว่า 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี ผ่านโครงการหนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ เปิดให้ลงทะเบียนในเดือน มิ.ย.นี้ และกำลังอยู่ในระหว่างร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ THACCA คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2568 พร้อมเตรียมการเปิดศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เพิ่มอีก 10 จังหวัด และในปี 2568 จะมีศูนย์ TCDC ครอบคลุม 14 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้สร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับซอฟต์ พาวเวอร์ และจะจัดให้มีสถานีโทรทัศน์ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ เปิดพื้นที่ให้คนในอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ได้ปลดปล่อยศักยภาพ

ต่อมา น.ส.จิราพรให้สัมภาษณ์ถึงงบประมาณในเรื่องตั้งสถานีโทรทัศน์สนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ว่า ต้องไปดูรายละเอียดและนโยบายว่าจะใช้ทรัพยากรส่วนไหนมาดำเนินการ โดยหลังจากนี้จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง

ส่วน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. กล่าวว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่สมัย 2549 และจะเดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่ โดยในปี 2568 จะดำเนินการให้รถไฟฟ้าทุกเส้นทางคิดค่าบริการตลอดเส้นทาง 20 บาท และผ่านร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ..... หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมร่าง พ.ร.บ.รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและอื่นๆ

ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรค  พท. กล่าวว่า ภายในเดือน ธ.ค.2567 โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ จะดำเนินการได้ครบ 77 จังหวัดทั้งประเทศ ถือเป็นการปฏิรูประบบบริการสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี เป็นการทำต่อจากที่เคยทำเอาไว้เมื่อ 23 ปีที่ผ่านแล้ว และจะสานต่อนโยบาย 50 เขต 50 โรงพยาบาล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตา 22 สิงหา! 'ทักษิณ' พักโทษยังทำได้ขนาดนี้ พ้นโทษจะขนาดไหน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อยู่ระหว่างการพักโทษ ยังทำได้ขนาดนี้ พ้นโทษแล้วจะขนาดไหน