รักบิ๊กตู่อยู่กับ‘ป้อม’ ยุทธวิธีพปชร.เจาะใต้ ‘นิพิฏฐ์’ส่อทิ้ง‘สมคิด’

"3 ป." ปิดห้องรับรองถกกันนานก่อนประชุม ครม. "รมต." สลับกันเข้า-ออก บรรยากาศใน ครม.เงียบเหงา พิจารณาลากยาวไม่มีเบรก "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" หันหน้าคุยกันถี่ "สุชาติ" กลับก่อนเวลา "สามมิตร" มามาดนิ่ง รักษาระยะ 2 ลุง "ประยุทธ์" ยิ้มอารมณ์ดีทักทายสื่อ แต่ปัดตอบความชัดเจนการเมือง "เฮ้ง" หน้าเศร้าเปิดอกกราบลา "ประวิตร" เผยหัวหน้าลูบหัวเข้าใจ "แกนนำสามมิตร" แจงไม่เข้าประชุมพรรคไม่ใช่เลี่ยงเซ็นชื่ออยู่ต่อ หึ่ง! "นิพิฏฐ์" ส่อทิ้ง "สอท." โยกมาอยู่ "พปชร." เจ้าตัวยันวันนี้ยังอยู่กับสร้างอนาคตไทย "จุรินทร์" ปชป.ขอปรับ ครม.ไม่ผูกพันพรรคอื่น "ภท." นิ่งไม่ขยับ รมต. 

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายประเด็นที่น่าสนใจ   โดยเฉพาะปฏิกิริยาภายหลังจากที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค  และทางพรรคได้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พ้นจากการเป็นผู้อำนวยการพรรค ซึ่งการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคของนายสุชาตินั้น เป็นการลาออกหลังมีกระแสข่าวไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

โดยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ตอบคำถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีเซอร์ไพรส์หรือไม่ แต่ได้ลดหน้ากากอนามัยลง พร้อมยิ้มและกล่าวทักทายสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดีว่า "สวัสดีนะคะ"   ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์ประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องของมาตรการการช่วยเหลือประชาชนหลังน้ำท่วม มาตรการของขวัญปีใหม่ นายกฯ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า "จ้ะ"

เมื่อถามถึงความชัดเจนทางการเมืองจะมีเมื่อใด ภายหลังนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งกำลังเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าได้หันมายิ้มพร้อมกล่าวเพียงว่า "อ๋อ เหรอจ๊ะๆ"

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์,  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เข้าไปนั่งพูดคุยกันในห้องรับรองเหมือนทุกสัปดาห์ โดยมีรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการเดินทางเข้า-ออกตลอด เพียงแต่ครั้งนี้ใช้เวลาในห้องรับรองนานกว่าทุกครั้ง กว่าจะเริ่มประชุม ครม.ได้เกือบ 10.00 น.

ขณะที่บรรยากาศภายในห้องประชุม ครม.ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่ครึกครื้นเหมือนปกติ บรรดารัฐมนตรีไม่ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปพูดคุยกันเหมือนอย่างที่เคยทำ อีกทั้งยังเป็นการประชุมแบบรวดเดียวจบ ไม่มีการพักเบรก ใช้วิธีเสิร์ฟอาหารกลางวันให้เข้าไปรับประทานในห้องประชุม ครม.เลย แต่ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรได้หันไปพูดคุยกันบ่อยครั้งมาก

เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ในช่วงก่อนและหลังการประชุม ครม. มีรัฐมนตรีของพรรค พปชร.ได้เข้าไปพูดคุยเหมือนกับให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และเลขาธิการพรรค พปชร., นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรค พปชร., นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม โดยทั้งสามคนยังได้เดินไปส่ง พล.อ.ประวิตรถึงรถยนต์ เพื่อเดินทางออกจากทำเนียบฯ อีกด้วย                  นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีอีกบางส่วนเข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และอดีตผอ.พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าๆ ออกๆ ห้องประชุมหลายรอบ และเดินทางกลับก่อนการประชุม ครม.จะสิ้นสุดด้วย ส่วนท่าทีของรัฐมนตรีกลุ่มสามมิตร ค่อนข้างวางตัวเฉยอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้เข้าไปพูดคุยทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร

บิ๊กตู่ปัดตอบการเมือง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวช่วงท้ายการประชุมว่า “ขอบคุณที่อยู่กันมา 3 ปีกว่า ขอให้ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำกันได้ ต่อไปก็เป็นเรื่องของรัฐบาลชุดต่อไป ไม่สร้างภาระ ปัญหาซึ่งกันและกัน”

ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปเป็นประธานเปิดการแข่งขัน ROV THAILAND 4.0 THE FUTURE AND BEYOND ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธี ผู้สื่อข่าวพยายามถามนายกรัฐมนตรีถึงการลาออกของนายสุชาติ จากกรรมการบริหารพรรค พปชร.อีกครั้ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ยกมือปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

ซักว่านายกฯ มีความชัดเจนทางการเมืองหรือยัง เพราะนายสุชาติยังย้ำว่านายกฯ ไปไหนไปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้ตอบคำถามเช่นเดียวกัน รวมทั้งเมื่อถามอีกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ออกมาระบุว่าต่างคนต่างเดิน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตกลงนายกฯ กับพล.อ.ประวิตรจะแยกพรรคกันใช่หรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว และไม่ตอบเกี่ยวกับกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลทันที

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในวันที่ 30 พ.ย.2565 โดยจะเป็นประธานในงานเกี่ยวข้าวรักษ์โลก พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model นำร่อง ระยะที่ 1 ร่วมพบปะพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรและเสวนาหัวข้อ “การปฏิวัติการทำนาสู่ความยั่งยืน” เวลา 16.15 น. จะตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลวัดห้วยปลากั้งเพื่อสังคม ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ด้าน พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่าไม่ได้ปลดนายสุชาติออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค แต่เขาลาออก จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรีที่ว่าง 2 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นโควตาของพรรค พปชร. จะจัดสรรอย่างไร หากมีการปรับ ครม. พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามดังกล่าว

ถามย้ำว่า หากพรรค พปชร.ชนะเลือกตั้งและมีคะแนนนำ พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรส่ายหัวปฏิเสธตอบคำถาม

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปฏิเสธตอบคำถามถึงท่าทีทางการเมืองและการจะไปช่วยงานนายกฯ ที่พรรค รทสช.หรือไม่

นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามกรณีกระแสข่าวเปลี่ยนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตอบเพียงว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ เมื่อถามต่อว่าจะไปเป็นรัฐมนตรีใช่ไหม นายดิสทัตหัวเราะและกล่าวว่า "หาเรื่องให้ผม" ก่อนเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตรระบุพรรค พปชร.และพรรค รทสช.เป็นพรรคเดียวกัน จะสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ ว่า พล.อ.ประวิตรพูดเล่นเป็นภาษาพูด ใครไปแหย่ท่านก็พูด ทำนองว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขเดิม แต่สุดท้ายก็ไปแตกเป็นสองพรรคอยู่ดี

ถามว่าจะมีการเชื่อมโยงไปถึงการครอบงำกันหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า จะมีหรือไม่ ไม่ทราบ แต่มันไม่สามารถครอบงำในทางกฎหมายได้ แต่หากจะมีการร้องก็ต้องไต่สวนกัน แต่จะจับประเด็นจากคำพูดดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นการพูดยอกย้อนเล่นคำ ซึ่งตอนที่ พล.อ.ประวิตรพูดตนก็ฟังอยู่ แต่คำว่าครอบงำกันนั้นในกฎหมายคือความผิด ซึ่งต้องมีพฤติกรรมแต่นี่เป็นเพียงคำพูด

ถามถึงกรณีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการทางกฎหมาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ในขณะที่ยังเป็นนายกฯ ตามแคนดิเดตนายกฯ บัญชีของพรรค พปชร. เพราะขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปสมัครเป็นสมาชิก รทสช.ได้ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ย้อนแย้ง คนจะเดือดร้อนเรื่องนี้คือ พปชร.ไม่ใช่ตัวนายกฯ หรือประชาชน การที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯพปชร. แต่ตอนเลือกในรัฐสภาหลายพรรคก็โหวตให้ท่าน เพียงแต่ชื่อต้องตั้งต้นทางพรรคใดพรรคหนึ่งมาก่อน

เฮ้งขอลุงป้อมเข้าใจพอ

วันเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยการพรรค พปชร. กล่าวถึงการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคและ ผอ.พรรค พปชร.ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปกราบลาหัวหน้าพรรคจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค สื่อมวลชนเห็นอยู่แล้วว่าตนมีความชัดเจนในหลายๆเรื่อง การที่จะไปโฟกัสตำแหน่งสำคัญใน พปชร.มันไม่ใช่ตัวตนของตน เพราะเป็นคนที่ชัดเจนมาตลอด อีกทั้งผู้ใหญ่ใน พปชร.ที่มีความสามารถและมีความสำคัญ มีอีกหลายคนที่พร้อมทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค จึงคิดว่าต้องถอยออกมาเพื่ออย่าไปขวางให้ พปชร.เติบโตและเดินหน้าไปได้

"หัวหน้าเข้าใจ และผมเองให้ความเคารพรักท่านอย่างที่สุดอยู่แล้ว แต่ในเรื่องทางการเมือง ผมเองต้องมีความชัดเจนและมีจุดยืนในตัวผม ผมเองด้วยความเคารพรักหัวหน้า ได้แสดงจุดยืนไปแล้วว่าในทางการเมืองครั้งต่อไปในอนาคตนั้น จะต้องออกมาทำภารกิจที่ตัวเองคิดเอาไว้ในใจมากกว่า ท่านเข้าใจ รับทราบ และเข้าใจผม ก็ลูบหัวผม และเข้าใจสิ่งที่ผมปฏิบัติ ผมมีความชัดเจน เป็นคนที่ตรงไปตรงมา พูดจริง และทุกวันนี้ยังให้ความเคารพหัวหน้าพรรคอยู่ ถึงวันนี้จะไม่ได้อยู่เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่อยากเห็นความชัดเจนมากกว่า ไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นตัวขวางหรือตัวถ่วงของใคร" นายสุชาติกล่าว

ซักว่าดูจากสีหน้าแล้วเหมือนมีความทุกข์อยู่ในใจ นายสุชาติกล่าวว่า สมมุติว่าสื่อมวลชนเป็นตน หากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและตัดสินใจที่ยากมาก บางอย่างหากเรามีคนรักคือพ่อและแม่ ที่ปกติอยู่ด้วยกัน แต่มีความจำเป็นที่จะต้องแยกกันอยู่ คนละจังหวัด คนละประเทศ แล้วจะเลือกอย่างไร 

"ใครจะพูดอะไรก็พูดไป แต่ผมจะต้องไปกราบ และไปพูดไปเล่าความรู้สึกให้หัวหน้าพรรคทราบเท่านั้นพอ ขอให้ลุงป้อมเข้าใจผมคนเดียวพอ ส่วนคนอื่นไม่คิดอะไรมาก ซึ่งลุงป้อมเข้าใจผม เพราะที่ผ่านมาทำงานดูแลในสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้อย่างเต็มที่ ท่านเมตตาผม เข้าใจและรับทราบเหตุผล ผมเป็นลูกผู้ชายที่ยอมรับความจริง จึงได้ไปกราบลา" นายสุชาติกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสุชาติกำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ได้มีทีมงานของพล.อ.ประวิตรมายืนฟังและจดอยู่ด้านข้างวงสัมภาษณ์ตั้งแต่ต้นจนจบด้วย

ในส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวถึงการไม่เข้าเช็กชื่อในการประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่า ไม่จำเป็นต้องไปลงรายละเอียดทุกเรื่อง เพราะเรามีหน้าที่อย่างอื่นในเวลาเดียวกัน จึงไม่จำเป็น

ถามว่ากลุ่มสามมิตรไม่ได้มาทั้งกลุ่ม นายสมศักดิ์กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ไม่มาทั้งกลุ่ม เขาก็ไปกันเยอะ แกนนำเขาไม่ได้ตาม ซักว่ายังยืนยันจะอยู่ใน พปชร.ต่อไปหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ข้อมูลการเมืองยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 3 สัปดาห์ก่อนอย่างไรก็อย่างนั้น อย่างที่ตนเรียนไว้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังยืนยันอยู่ เรายังทำงานไปตลอดกับพรรค พปชร. ตรงนี้ไม่มีอะไร

พอถามว่า การไม่เข้าร่วมการประชุมพรรค ถือเป็นการเลี่ยงการเซ็นชื่อใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้เลี่ยง ปกติวันจันทร์รัฐมนตรีก็ไปร่วมประชุมบ้างไม่ร่วมบ้างอยู่แล้ว

หึ่ง'นิพิฏฐ์'มา'พปชร.'

ถามอีกว่า กลุ่มสามมิตรไม่ได้แพ็กกระเป๋าเตรียมย้ายไปไหนใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้เตรียม จริงๆ แล้วผู้ใหญ่ก็มีคนปล่อยข่าว ทะเลาะกันบ้างอะไรกันบ้าง ซึ่งจริงๆ ไม่มีหรอก ส่วนลูกพรรคในกลุ่มก็ให้เขาศึกษากัน เขาพอใจอะไรอย่างไรอย่าเพิ่งไปกดดัน

ถามว่า ตอนนี้ในกลุ่มสามมิตรมีประมาณกี่คน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็คงเหลือน้อย อย่าไปนับเลย ตนไม่ได้โชกโชนตัวเลข บางทีถึงเวลาเลือกตั้งเขาก็แบ่งเขตให้ช่วยกันดูตรงนู้นตรงนั้น สุดท้ายตรงไหนไม่มีใครเอาก็เป็นตนนี่แหละ เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะย้ายไปพรรคเพื่อไทย (พท.) จริงหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่จริง

มีรายงานความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรค พปชร.ที่อยู่ในช่วงการตัดสินใจว่าจะอยู่พรรคเดิมกับ พล.อ.ประวิตร หรือจะย้ายพรรคไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อไปพรรค รทสช. หรือจะไปอยู่พรรคการเมืองอื่นๆ ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น

แหล่งข่าวระดับสูงพรรค พปชร.ระบุว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ  ได้มี ส.ส.ที่ตัดสินใจย้ายพรรคได้เข้าไปกราบลา พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค  อาทิ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์  ส.ส.กทม. ที่ระบุว่าจะย้ายไปอยู่กับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดีอีเอส ที่พรรคภูมิใจไทย โดย พล.อ.ประวิตรไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากกล่าวคำว่า “ขอให้โชคดี”  ส่วนในช่วงบ่ายมี ส.ส.พรรค พปชร. ที่แสดงเจตจำนงจะอยู่พรรคต่อ ได้ทยอยเข้าพบ พล.อ.ประวิตรด้วยเช่นกัน อาทิ ส.ส.กลุ่มภาคใต้ ส.ส.กลุ่มสามมิตร ส.ส.กลุ่มปากน้ำ เป็นต้น

ในส่วนของการย้ายพรรคของ ส.ส.ในพื้นที่ กทม. พบว่าล่าสุดนายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.กทม. ที่เดิมจะย้ายไปอยู่กับนายพุทธิพงษ์ที่พรรคภูมิใจไทย แต่ล่าสุดได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอมาอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ รทสช. ทำให้ล่าสุดขณะนี้มี 4 ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ตัดสินใจย้ายมาอยู่ รทสช. ได้แก่ นายประสิทธิ์, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ 

ส่วนภาคใต้ที่ย้ายไป มีจำนวน 4 คน ได้แก่ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา, นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา, ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา   ส่วน ส.ส.ที่เหลือทั้งหมดจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ โดยจะมีนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช กรรมการบริหารพรรค เป็นแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ร่วมจัดทัพบรรดาผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ 

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าจะมีการเสริมทีมภาคใต้อีก 1 คนคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่จะย้ายจากพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) มาเสริมทีมภาคใต้ของพรรค พปชร.

 “วันนี้ภาคใต้จะใช้ยุทธศาสตร์ รักตู่ อยู่กับป้อม พลังประชารัฐพร้อมเป็นรัฐบาล บริหารประเทศโดย พล.อ.ประวิตร โดยยังคงวางเป้าหมาย ส.ส.ที่ 150 คน ซึ่งท่าทีของบรรดาแกนนำกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มสามมิตร กลุ่มปากน้ำ กลุ่มโคราช กลุ่มมะขามหวาน กลุ่มกำแพงเพชร ยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะชัดเจนแล้วว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยที่กลับเข้ามาอยู่ในพรรคจะไม่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา" แหล่งข่าวระบุ

ด้านนายนิพิฏฐ์กล่าวถึงกระแสข่าวจะย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐว่า ยังไม่มี ตอนนี้ตนอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย และไม่รู้ว่าข่าวออกมาจากไหน  

เมื่อถามว่า ตกใจหรือไม่ที่มีชื่อออกมาแบบนี้ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องธรรมดา และวันนี้ยังร่วมประชุมพรรคสร้างอนาคตไทยอยู่เลย ส่วนการเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนง ส.ส.นราธิวาสในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ตนไม่ได้เดินทางไปด้วย 

ย้ำว่ายืนยัน 100% หรือไม่ว่ายังอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทย นายนิพิฏฐ์กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “อย่าให้ผมตอบคำถามนี้เลย ผมยังอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย”

เสี่ยหนูชี้'ภท.'ไม่ปรับ รมต.

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า นายกฯ ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าจะดำเนินการปรับ ครม.ให้ ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอขั้นตอนกระบวนการ  ส่วนจะปรับ ครม.เมื่อไหร่นั้น ตนขอไม่ตอบ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการภายใน

 “การเรียกร้องของ ปชป.เป็นเรื่องของการแต่งตั้งคนไปเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนพรรค ปชป. แทนนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเรื่องของ ปชป.ไม่มีผลผูกพันกับพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาล”นายจุรินทร์กล่าว

ถามว่าการปรับ ครม.ของพรรคครั้งนี้จะมีการสลับตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคอื่นหรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชป.หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการปรับครม.ว่า พรรคภูมิใจไทยยังไม่มี ครม.คนไหนที่พ้นจากตำแหน่ง กรณีของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ก็ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าเรื่องที่เป็นคดีจะคลี่คลาย

ถามแสดงว่า พรรคจะไม่มีขยับอะไรใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี

"นางกนกวรรณเป็น รมช.ศึกษาธิการ แต่ยังมี รมว.ศึกษาธิการ ที่ยังแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีที่เหลือได้ เพราะกระทรวงนี้มีรัฐมนตรี 3 คน" นายอนุทินกล่าว

ถามว่า มองรูปแบบการยุบสภาของนายกฯ อย่างไร หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า อย่างที่บอกมาตลอดว่าเรื่องยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯ ไปก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนพรรคเตรียมความพร้อมไว้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น วันไหนก็วันนั้น เราเตรียมความพร้อมในระดับหนึ่ง ในเมื่อเราไม่มีปัญหากับเรื่องพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล

ซักว่าพรรคกำหนดเส้นตายให้กับ ส.ส. ต่างพรรคที่จะมาร่วมงานหรือไม่ หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ไม่มี ส.ส.ทุกคนมีวุฒิภาวะ มีเอกสิทธิ์ และพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ไปดูดคนนั้นคนนี้มาตามที่เป็นข่าว แต่ใครที่เห็นว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทย น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ และสามารถเข้ามาร่วมพรรคตามนโยบายและทำงานให้กับประชาชนได้ก็มาคุยกัน ดูว่าแนวทางไปกันได้ค่อยร่วมงานกัน เราตรงไปตรงมาเรื่องนี้

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.บางนา-พระโขนง กทม. พรรคก้าวไกล ระบุถึงความต้องการที่จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยว่า ต้องขอขอบคุณ ขอเรียนว่าพรรคมีขบวนการและคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร กทม. จากการสอบถามข้อมูลจากฝ่ายทะเบียนพรรค ทราบว่านายสมเกียรติยังไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือแจ้งความจำนง พรรคได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเขตบางนา-พระโขนงไปแล้ว คือนายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ซึ่งเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่กับพรรคและลงพื้นที่ทำงานรับใช้พี่น้องชาวบางนาและพระโขนงในนามของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด

งบ68 ทร.ซื้อเครื่องบินลำเลียง  ‘เรือดำน้ำ-ฟริเกต’ ไปถึงไหน?

คงต้องติดตามดูต่อไปว่า “สุทิน” จะได้รับการอนุมัติให้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหมต่อเพื่อผลักดันโครงการ และปัญหาที่ยังไม่ลุล่วงเหล่านี้หรือไม่

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย