โปรดเกล้าฯ‘ตู่2/5’ ‘ธนกร-สุนทร-นริศ’3รมต.ใหม่/นายกฯเกี่ยวข้าวเชียงราย

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 3 รัฐมนตรีใหม่ "ธนกร" รมต.ประจำสำนักนายกฯ  "สุนทร" รมช.เกษตรและสหกรณ์ "นริศ" รมช.มหาดไทย   "บิ๊กตู่" เตรียมนำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ 1 ธ.ค.นี้ ลั่นเดินหน้าทำงานเต็มที่ พร้อมลงพื้นที่เชียงรายโชว์ขับรถเกี่ยวนวดข้าวฟังปัญหาเกษตรกร "ส.ส.กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า" รัก "ลุงป้อม" ไม่ไปไหน "พท." โวยดัน "ธนกร" เป็นรัฐมนตรี ซัด "ประยุทธ์" ทำเพื่อตัวเองไม่ใช่ ปชช. "คนอีสาน" ยังเชียร์ "อุ๊งอิ๊งค์" นายกฯ แต่เชื่อไม่แลนด์สไลด์

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี มีเนื้อหาว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า  ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิ.ย.2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 ก.ค.2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 22 มี.ค.2564 นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า โดยที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามประกาศลงวันที่ 8 ก.ย.2564 และนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง และเพิ่มเติมบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุนทร ปานแสงทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนริศ ขำนุรักษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2565 เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะนำคณะรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ภายหลังราชกิจจานุเบกษามีประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่จำนวน 3 รายว่า ราชกิจจาฯ ประกาศออกมาแล้ว หลังจากนี้รัฐบาลก็เดินหน้าทำงานต่อ เดินหน้าทำงานทุกวันอยู่แล้วนะจ๊ะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสุนทร เป็นอดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นกลุ่มของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ

นายสุนทรกล่าวว่า หลังจากนี้จะเข้าไปกราบขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ให้ความไว้วางใจให้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง และขอยืนยันว่าจะทำงานให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ และต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีด้วย

บิ๊กตู่ลั่นทำงานเต็มที่

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า เวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2565 “DG Awards 2022” ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งหลังเสร็จสิ้นภารกิจระหว่างเดินกลับไปยังตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินพูดคุยมากับนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาตลอดทาง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากปรับ ครม.ในช่วงนี้ แสดงว่าจะอยู่ครบเทอมทำงานให้เต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หยุดฟังพร้อมหันมาตอบว่า “ก็เต็มที่อยู่แล้วนะจ๊ะ ทุกวันนี้ก็ทำงานเต็มที่อยู่แล้วไง ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย มีปัญหาตรงไหนล่ะ” เมื่อถามย้ำว่าจะอยู่จนถึงครบวาระเลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นะจ๊ะ เมื่อถามต่ออีกว่า ส.ส.กำลังรออยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็รอ   รอไปก่อนแล้วกัน

จากนั้นเวลา 11.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม, นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หัวหน้าพรรคเทิดไท อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง เพื่อออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อปฏิบัติภารกิจตรวจราชการในพื้นที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย

เวลา 13.50 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางถึง จ.เชียงราย และเดินทางต่อด้วยรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน AR 9691 Thailand ถึงยังบ้านเชียงคาน อ.เชียงของ เป็นประธานในงานเกี่ยวข้าวรักษ์โลก พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model นำร่อง ระยะที่ 1

โดยทันทีที่มาถึงนายกฯ ได้ทักทายกับตัวแทนเกษตร ก่อนจะขึ้นรถเกี่ยวนวดข้าว ทำการเกี่ยวข้าวในแปลงนาด้วยตัวเอง 1 รอบ จากนั้นลงมาพูดคุยและให้กำลังใจกับชาวนายุคใหม่อย่างอารมณ์ดี นายกฯยังร่วมวงเสวนา “การปฏิวัติการทำนาสู่ความยั่งยืน” ร่วมกับเกษตรกร อธิบดีกรมการข้าว และนายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากเห็นรอยยิ้มของพวกเราว่าเมื่อไหร่จะลืมตาอ้าปากได้ มีรายได้เพียงพอ หมดหนี้สินได้ ไม่ต้องทนทุกข์ในหลายเรื่อง และวันนี้ที่มาจะมาชมเชยพวกเราจากที่ติดตามทุกอย่างที่ทำตรงใจ และเป็นการปฏิวัติเรื่องกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแบบเดียวกัน แต่เราต้องปฏิรูปใช้ให้เกิดประโยชน์แบบนี้ ซึ่งดูเม็ดเงินที่ใช้มาก็ไม่ได้มากมายในแต่ละพื้นที่ ตนมีรายละเอียดหมดแล้ว แต่อยากฟังจากปากของท่านเพื่อให้เห็นว่าลงมือทำจริง อะไรก็ได้ทำให้จริงจังเดี๋ยวมันก็สำเร็จ ตนไม่ชอบหลอกลวง เพราะต้องการทำให้ประเทศดีขึ้น

 “เดี๋ยวจะหาว่ามาทำการเมือง ไม่ได้มาทำการเมือง แต่มาทำการบ้าน ทั้งหมดจะอยู่แค่ไหนก็เรื่องของประชาธิปไตย การเลือกตั้งก็ว่ากันไป วันนี้ไม่ได้มาการเมืองนะ เดี๋ยวโดนอีก วันนี้มาติดตามกิจการของฉัน เพราะฉันอนุมัติงบประมาณมา”พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

เวลา 16.25 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลวัดห้วยปลากั้งเพื่อสังคม ได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ ก่อนเข้ากราบนมัสการองค์พระประธาน และท่านเจ้าคุณพระไพศาลประชาทร วิ. (พระอาจารย์พบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง พร้อมถวายเครื่องปัจจัยไทยธรรม ก่อนที่เจ้าอาวาสฯ จะสวดอวยพรเพื่อเป็นสิริมงคล

ทั้งนี้ นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ อดีตนายทหารชื่อดัง แกนนำกลุ่มภาคเหนือตอนล่างพรรค พปชร. ซึ่งมีกระแสข่าวเตรียมจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เดินพูดคุยกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ก่อนตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีจะประกาศสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อไหร่ นายหิมาลัยกล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ไปอยู่พรรคไหน ขออยู่ข้างหลังดีกว่า

เวลา 18.50 น. ภายหลังเดินทางกลับจาก จ.เชียงราย ถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ.ประยุทธ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเป็นไปตามที่สภาขอแก้ไข โดยใช้สูตรคำนวณ​ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 จะมีผลต่อการตัดสินใจทางการเมืองหรือไม่ว่า "ก็เป็นไปตามศาลรัฐธรรมนูญเลยจ๊ะ"
ถามว่า สูตรหาร 100 มีผลอะไรต่อการตัดสินหรือไม่​ นายกฯ กล่าวสั้นๆ ว่า​ ไม่รู้อะ เราไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร

กลุ่มอัศวเหมรักลุงป้อม

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงาน Thailand smart city expro 2022 โดยหลังเปิดงานเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้เตรียมสัมภาษณ์บริเวณด้านหน้า ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้นั่งรถกอล์ฟมากับนายชัยวุฒิ ธนาคมมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และทันทีที่เจอกับสื่อมวลชน พล.อ.ประวิตรได้พูดถึงงานว่า เรามาดูเมืองอัจฉริยะ เป็นนโยบายที่ทำเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะพยายามทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีกระแสข่าวที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย จะย้ายมาพรรค พปชร. จะทำให้เสียงภาคใต้ดีขึ้นหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถาม รวมถึงประเด็นที่ ส.ส.พลังประชารัฐภาคใต้ชูกลยุทธ์หาเสียง "รักตู่อยู่กับป้อม"  สบายใจขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ตอบคำถามเช่นกัน และเดินขึ้นรถทันที

จากนั้นผู้สื่อข่าวยังได้แซว พล.อ.ประวิตร หลังพยายามสอบถามประเด็นการเมืองแล้วไม่ตอบ โดยบอกให้ พล.อ.ประวิตรยิ้มให้เพื่อเช็กอารมณ์ ก่อนที่พล.อ.ประวิตรจะหันมายิ้มอย่างอารมณ์ดี

ด้านนายชัยวุฒิ ยังคงยืนยันอยู่กับพรรค พปชร. ส่วนทิศทางวันข้างหน้าจะไปอยู่ที่ไหนนั้นยังไม่รู้ แต่พรรค พปชร.เป็นพรรคที่ตนเองร่วมก่อตั้งมา และยังเป็นรองหัวหน้าพรรคอยู่ ก็จะยังทำงานให้ดีที่สุด เพื่อให้พรรคไปข้างหน้าได้ ส่วนใครจะตัดสินใจอยู่หรือไปนั้นก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน เป็นเรื่องปกติทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย พรรค พปชร.ยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป

ถามว่า พรรค พปชร.ไปต่อไหวหรือไม่ เพราะแกนนำคนสำคัญหลายคนทยอยลาออก นายชัยวุฒิตั้งคำถามกลับว่า "แล้วเพราะอะไรถึงจะไม่ไหว… จะไหว-ไม่ไหวขึ้นอยู่กับประชาชน ต้องไปถามชาวบ้าน เพราะการเมืองทำเพื่อประชาชน และถ้าประชาชนยังสนับสนุนก็คือไหว”

ส่วนนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. รวมทั้งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงความชัดเจนทางการเมืองจะอยู่กับนายกฯ หรือ พล.อ.ประวิตรว่า ยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรจะไปกันอย่างไร ซึ่งอันนี้ยังไม่ทราบจริงๆ  ฉะนั้นยังไม่ตัดสินใจใดๆ ในเรื่องนี้ และยังไม่มีการพูดคุยกัน ตนอยู่การเมืองมานานก็คอยดู

ซักว่ากลุ่มสามมิตรต้องรอ 2 ป. ชัดเจนก่อนใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า คิดว่าต้องชัดเจนหลายๆ อย่าง ซึ่งขณะนี้คิดว่ายังไม่มีอะไรเป็นปัญหาที่ต้องคิดและรีบตัดสินใจ

ขณะที่นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. กล่าวถึงจุดยืนของ ส.ส.กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ภายใน พปชร.ขณะนี้ว่า  ส.ส.กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้ามี 6 คน เเบ่งเป็น ส.ส.เขตสมุทรปราการ พปชร. 5 คน รวมกับตนที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 1 คน ส่วน น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ พปชร. ไม่ได้อยู่กับกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าตั้งแต่แรก เขาอยู่ตรงข้ามเราในฝั่งการเมืองท้องถิ่น ณ ปัจจุบันเขาไปกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จุดยืนเรา 6 คน แสดงออกชัดเจน เลือกอยู่กับ พล.อ.ประวิตร

"ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรเมตตาพวกเรามาก ทั้งๆ ที่เราเองไม่เคยเรียกร้องตำแหน่ง และ พล.อ.ประวิตรลุยลงพื้นที่สมุทรปราการตลอด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ก็เคยลงมา แต่ว่าเราก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับพวกท่านมากเท่า พล.อ.ประวิตร บอกก่อนเราไม่เคยมีปัญหากับผู้ใหญ่ เคารพนายกฯ เช่นกัน แต่ในแง่การทำงาน พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค เราเป็น ส.ส.ในกลุ่มเดียวกันที่ทำงานเหนียวแน่น เราไม่อยู่มุ้งนั้นมุ้งนี้ เราอยู่ตรงนี้มาตลอด พล.อ.ประวิตรเมตตาพวกเรา ก็เท่านั้นเอง" นายต่อศักดิ์กล่าว

พท.รับไม่ได้'ธนกร'รมต.

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.ใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ประชาชนไม่ได้ประโยชน์และไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่เห็นรายชื่อรัฐมนตรีใหม่แล้วสะท้อนธาตุแท้ของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะกรณีการแต่งตั้งนายธนกรเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยังเป็น ส.ส.ใหม่ป้ายแดง ไม่มีพรรคไม่มีพวก ไม่มีประสบการณ์

นายอนุสรณ์กล่าวว่า การปรับ ครม.รอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการปั่นกระแสเรียกเรตติ้ง เพื่อไล่ต้อนคนไปพรรคการเมืองใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปสังกัด จึงปรับ ครม.แบบปูนบำเหน็จให้เห็นกันไปเลยว่าต้องเป็นพวก พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น จึงจะได้รับการส่งเสริมและเติบโตทางการเมือง เหมือนคนต้องการเอาชนะ และต้องการแสดงให้เห็นว่าใครมีปัญหาหรือยืนตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์จะมีชะตากรรมอย่างไร

 “แทนที่จะปรับ ครม.เอารัฐมนตรีใหม่มาช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่ดันปรับ ครม.เพื่อตีเมืองขึ้น หวังจับปลาในบ่อเพื่อน จึงปรับเอาแต่เฉพาะคนใกล้ชิดที่ยอมศิโรราบให้ตัวเอง เพื่อหวังสืบทอดอำนาจให้นานที่สุด” นายอนุสรณ์กล่าว

วันเดียวกัน รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "คนอีสานกับการเลือกตั้งครั้งหน้า" จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,063 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยเมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า ท่านคาดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปีหรือไม่อย่างไร พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.1 เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี รองลงมาร้อยละ 13.2 เชื่อว่าจะมีการยุบสภาช่วงเดือน ม.ค.หรือ ก.พ.2566 ตามมาด้วยร้อยละ 10.6 เชื่อว่าจะยุบสภาใกล้วันที่ 23 มี.ค.2566 และมีเพียงร้อยละ 5.1 ที่เชื่อว่าจะมีการยุบสภาปลายปีนี้

เมื่อถามว่า ท่านต้องการเลือกตั้งในระบบบัตร 1 ใบหรือบัตร 2 ใบ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.0 ต้องการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เลือกคนและพรรคแยกกัน และร้อยละ 29.0 ต้องการเลือกตั้งแบบบัตร 1 ใบ เลือกทั้งคนและพรรครวมกัน  ต่อข้อถามที่ว่าท่านคิดว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่การเลือกตั้งอาจจะยืดเวลาออกไปหากกฎหมายเลือกตั้งไม่พร้อม พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.0 เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งอาจจะยืดเวลาออกไป และร้อยละ 37.0 เชื่อว่ามีโอกาสต่ำที่จะยืดเวลา และน่าจะได้เลือกตั้งตามกำหนดการปกติ 

ถามว่า ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งหน้า ส.ว.ส่วนใหญ่ควรวางตัวอย่างไร พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.2 เห็นว่า ส.ว. ควรโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 250 คน และร้อยละ 24.8 เห็นว่าถ้าจำเป็น ส.ว. อาจโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส.ได้ไม่ถึง 250 คน เมื่อสอบถามว่าในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่แล้วท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับเงินจากหัวคะแนนผู้สมัครหรือไม่ พบว่าร้อยละ 43.7 ไม่มีประสบการณ์ รองลงมา ร้อยละ 33.3 มีประสบการณ์รับเงินแต่เลือกตามความชอบ ตามมาด้วยร้อยละ 12.9 มีประสบการณ์แต่ปฏิเสธการรับเงิน, ร้อยละ 7.6 มีประสบการณ์รับเงินและเลือกคนที่ให้เงินมากที่สุด และร้อยละ 2.5 ระบุอื่นๆ โดยรวมแล้วมีประมาณร้อยละ 53.8 ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการติดต่อจ่ายเงินของหัวคะแนน

ที่น่าสนใจเมื่อสอบถามว่า พรรคการเมืองใดจะเป็นอุปสรรคหรือตัวตัดคะแนนสำคัญในการชนะแบบถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดของท่าน พบว่าร้อยละ 47.6 ระบุว่าเป็นพรรคไทยสร้างไทย รองลงมาร้อยละ 19.7 เป็นพรรคที่พล.อ.ประยุทธ์สังกัด ตามมาด้วยร้อยละ 18.7 พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 12.5 ระบุว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 1.5 

สอบถามว่า ถ้าเลือกตั้ง ส.ส.วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้พรรคใด พบว่า อันดับ 1 เป็นพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 32.0 รองลงมาพรรคก้าวไกล ร้อยละ 18.0 อันดับ 3 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 16.8 ตามมาด้วยพรรคที่มี พล.อ.ประยุทธ์สังกัด ร้อยละ 10.6,  พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 9.7, พรรคพลังประชารัฐ (ที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์) ร้อยละ 5.4, พรรคประชาธิปัตย์  ร้อยละ 3.0, พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 2.0 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 2.5

เมื่อสอบถามว่า ถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน ส.ส.แบบเขต ให้ผู้สมัครจากพรรคใด พบว่า อันดับหนึ่งเป็นพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 36.3 รองลงมาพรรคก้าวไกล ร้อยละ 16.1 อันดับ 3 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 13.3 ตามมาด้วยพรรคที่มี พล.อ.ประยุทธ์สังกัด ร้อยละ 10.8, พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 10.3,  พรรคพลังประชารัฐ (ที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์) ร้อยละ 5.5, พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 2.9, พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.7 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 3.1

ถามต่อว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 เป็นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 24.9 รองลงมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 20.1  อันดับ 3 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 17.5 ตามมาด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 11.0,  นายอนุทิน ชาญวีรกุล ร้อยละ 9.7, คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 4.0, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 3.4, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 3.1 และอื่นๆ ร้อยละ 3.0.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง