ไม่ไว้ใจโจ๊ก!ดันอสส.คุ้ย‘ตู้ห่าว’

“ชูวิทย์” เเอบขึ้นลิฟต์บุกพบ “อสส.” ยื่นหนังสือขอให้รับคดีตู้ห่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตั้งหัวหน้าพนักงานสอบสวนแทน ตร.ยานนาวา  หลังไม่แจ้งข้อหาฟอกเงิน หวั่นหลุดคดีเหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ ยอมรับไม่ไว้ใจ  “บิ๊กโจ๊ก” แล้ว “สุรเชษฐ์” บอกเข้าใจ “เฮียชู” ปรารถนาดี ยันเร่งเดินหน้าเอาผิดทุกคดี ขอมั่นใจ ตร. “สมศักดิ์” แถลง ป.ป.ส.บุกอายัดทรัพย์เครือข่ายตู้ห่าวเพิ่มอีก ทั้งโฉนดที่ดิน-รร.ย่านสมุทรปราการ มูลค่า 3 พันล้าน “วัชระ” ร้อง มท.1 กวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทา

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ วันที่ 9 ธ.ค. เวลา 09.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและอดีตนักธุรกิจอาบอบนวด เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ขอรับคดีตู้ห่าวสมคบค้ายาเสพติดเป็นคดีนอกราชอาณาจักร เพื่อให้ อสส.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ทำสำนวนคดีแทนพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เจ้าของท้องที่เกิดเหตุบุกจับผับจินหลิง

นายชูวิทย์กล่าวว่า นายตู้ห่าวโดนคดียาเสพติด 3 ข้อหา คือสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันค้ายาเสพติด และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ไม่ถูกตำรวจตั้งข้อหาฟอกเงินที่จะสามารถยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ จึงมาร้องให้ อสส.รับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร เนื่องจากคดีนี้มีการนำยาเสพติดเข้ามาจากต่างประเทศ มีซองประทับอักษรจีน จึงต้องถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้อัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน หรือจะมอบหมายให้ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนเข้าร่วมควบคุมคดีให้สำนวนมีความรัดกุมมากขึ้น ไม่ใช่ให้ตำรวจ สน.ยานนาวา หรือตำราจนครบาล รวมทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบทำสำนวน ไม่งั้นอาจเหมือนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ภายหลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง

 “ผมจะยื่นหนังสือต่อ อสส.เท่านั้น ไม่ขอยืนกับทีมโฆษกอัยการสูงสุดที่มารอรับหนังสือ หากไม่ได้พบ อสส.จะไม่ยอมกลับ” นายชูวิทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ นายชูวิทย์ไปนั่งรอที่โซฟาหน้าห้องประชาสัมพันธ์สำนักงานอัยการสูงสุด สักพักใหญ่จึงอ่านหนังสือร้องเรียนให้ผู้สื่อข่าวฟัง พร้อมบอกว่าเข้าใจว่า อสส.มีภาระกิจเยอะ แต่ตนขอเวลา อสส.เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น

จากนั้นนายชูวิทย์ย้ายไปนั่งรออยู่ที่หน้าลิฟต์ชั้น 2 เพื่อดักรอพบ อสส. จากนั้นไม่นานเมื่อเห็นลิฟต์เปิดจึงเข้าลิฟต์บุกขึ้นไปพบ อสส.ที่ห้องทำงานชั้น 9 แต่ถูกทีมโฆษก อสส. เชิญมาพูดคุยที่ห้องทำงานชั้น 2 โดยใช้เวลาพูดคุยพักใหญ่ ต่อมานายอิทธิพร แก้วทิพย์ รอง อสส.มาเป็นตัวแทน อสส. รับมอบหนังสือจากนายชูวิทย์

 นายอิทธิพรกล่าวว่า จะนำหนังสือเสนอให้ อสส.พิจารณา ซึ่งยืนยันจะดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา แต่ตอนนี้สำนวนยังไม่ถึง จึงไม่เห็นรายละเอียด ตอบไม่ได้ว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ แต่ตามขั้นตอนถ้าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนจะต้องทำหนังสือมาให้ อสส.พิจารณาแล้วอาจจะมอบหมายให้พนักงานสอบสวนทำคดีต่อหรือส่งอัยการไปร่วมสอบสวน

ที่กระทรวงยุติธรรม วันที่ 9 ธ.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม, พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบ.ปส., นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พลเมืองดีผู้แจ้งเบาะแสยาเสพติด ร่วมการแถลงการณ์ยึดอายัดทรัพย์คดีตู้ห่าวเพิ่มเติม

นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลที่นายชูวิทย์ได้นำมามอบให้ประกอบกับการทำงานของคณะทำงานพาลีปราบยา ล่าสุดวันนี้ในช่วงเช้า ชุดพาลีปราบยาได้ยึดอายัดเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริษัท ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนสปา จำกัด ซึ่งมีชื่อของนายตู้ห่าวเป็นผู้ถือหุ้น เปิดเป็นรีสอร์ต ตั้งอยู่ที่บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งแบ่งเป็นโฉนดที่ดิน 5 แปลง รวมประมาณ 39 ไร่ และอาคาร 9 ตึก 375 ห้อง แต่ละห้องตกแต่งอย่างหรู และยังได้อายัดรถยนต์หรู 9 คัน อาทิ เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล จีที, โตโยต้า อัลพาร์ท รวมมูลค่าทรัพย์ทั้งสิ้น 3,020 ล้านบาทเศษ 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณกรมที่ดินและกรมการขนส่งทางบก ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้งานเร็วขึ้น ซึ่งในส่วนนี้เป็นคนละส่วนกับที่ทาง ป.ป.ส.ยึด 1,131 ล้านบาท ที่เราได้แถลงไปเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.65 ซึ่งการบูรณาการของทุกหน่วยงานราบรื่นดี ไม่มีอะไรที่ติดขัดหรือขัดแย้งกัน ทุกหน่วยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันสืบสวนสอบสวน ทั้งตำรวจ ป.ป.ส., ดีเอสไอ, ปปง. และกรมสรรพากร ซึ่งตนอยากให้ประชาชนที่รู้เบาะแสแจ้งข้อมูลเพื่อรับรางวัล 5% และไม่ต้องกังวล เพราะเรามีชุดคุ้มครองพยานของดีเอสไอ แต่หากยังกังวล ก็ขอให้รออีกนิด เพราะเราได้จัดทำระบบการแจ้งเบาะแสในระบบออนไลน์ หรือ block chain ที่จะรับเงินรางวัลผ่านคริปโตฯ ช่วยปกปิดตัวตนให้ผู้แจ้งปลอดภัย โดยขณะนี้กำลังให้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ศึกษาและจัดทำระบบ คาดว่าจะเสร็จในช่วงเดือน ม.ค.66

"เราพยายามทำงานให้เร็วที่สุด เพราะยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ซึ่งหากใครมีเบาะแสหรือเห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ถูก ติดขัดตรงไหน ให้ท้วงติงมาได้เลย เรากำลังเดินให้เข้าถึงตัวการใหญ่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ในส่วนของตำรวจ เราได้มีการประสานพูดคุยกันอยู่ตลอด แต่ยังไม่ได้สรุปเรื่องตัวเลข ขณะนี้เป็นการอายัดวันต่อวัน ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะชนะยาเสพติดไม่ได้" นายสมศักดิ์กล่าว

นายชูวิทย์กล่าวว่า ส่วนแบ่ง 5% ในการแจ้งเบาะแสเครือข่ายยาเสพติดตนไม่นำไปใช้ และจะนำไปมอบให้โรงพยาบาลทั้งหมด

ถามถึงการไปยื่นหนังสือต่อ อสส. นายชูวิทย์กล่าวว่า ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตู้ห่าวฐานฟอกเงิน ทำให้ต้องนำข้อมูลหลักฐานไปยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณา และในอนาคตอาจนำรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณารับกรณีนี้เป็นคดีพิเศษต่อไป

“ผมจะจับตาการดำเนินคดีนี้แน่นอน ยอมรับว่าตอนนี้เริ่มไม่เชื่อการทำงานของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แล้ว” นายชูวิทย์กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การออกมาในลักษณะดังกล่าวเป็นเพราะนายชูวิทย์เป็นห่วง เพราะได้นำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาให้แล้ว กลัวว่าตำรวจทำสำนวนไม่แน่น หากสรุปสำนวนแล้วอัยการหรือศาลยกฟ้องได้ รวมทั้งนายชูวิทย์อาจเข้าใจว่า สน.ยานนาวาทำคดี สน.เดียวไม่มีความชำนาญ แต่ยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ และ ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีทั้งตนเองและ ผบช.น.ดูแล มีการระดมพนักงานสอบสวนฝีมือดีจากทั่วประเทศ รวมถึงมีอธิบดีอัยการคดียาเสพติด ป.ป.ส.และ ปปง.มาร่วมทำงานด้วย จึงขอให้นายชูวิทย์มั่นใจว่าตำรวจทำคดีนี้อย่างรอบคอบรัดกุม และหากคดีนี้ตนทำไม่ดี คนที่เสียหายนอกตนแล้ว ประชาชนก็จะไม่ศรัทธาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เรื่องนี้ขออย่ากังวลใจ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ในส่วนการฟอกเงินที่นายชูวิทย์เป็นห่วงนั้น จะต้องมีการดำเนินคดีข้อหานี้อยู่แล้ว แต่มีกระบวนการขั้นตอน โดยเฉพาะการยึดทรัพย์ตำรวจต้องทำบัญชีส่ง ป.ป.ส.และปปง. จากนั้นต้องนำเข้าคณะกรรมการธุรกรรมในการยึดอายัดทรัพย์ ก่อนที่จะเข้าสู่การดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินได้ รวมทั้งหากมีการสืบสวนพบมีการโอนเงินไปต่างประเทศ จะเข้าความผิดนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดถึงจะเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน

“สิ่งที่นายชูวิทย์พูดอาจจะเป็นการพูดล่วงหน้าไป แต่ย้ำว่าหลักฐานเดินไปถึงตรงไหนจะต้องดำเนินการตามนั้น แต่ว่าตอนนี้ยังอยู่ในกรอบระยะเวลาและสัดส่วนที่ได้ทำอย่างรัดกุมอยู่แล้ว และต้องเร่งรัด เพราะพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนมากกว่า 60-70 คน ที่มาทำคดีนี้มีจำนวนมาก และต้องไปทำคดีอื่น ไม่อย่างนั้นก็จะทำให้คดีอื่นล่าช้าไปด้วย” รอง ผบ.ตร.กล่าว

วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช หรือ “สารวัตรแรมโบ้” ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย เดินทางไปที่กระทรวงมหาดไทย ยื่นหนังสือผ่านนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อส่งไปถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง เพื่อขอให้แก้ระเบียบการแปลงสัญชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทา

นายวัชระกล่าวว่า ขอสอบถาม รมว.มหาดไทยเกี่ยวกับคดีของนายตู้ห่าว อาทิ การอนุมัติสัญชาติไทยให้บุคคลต่างด้าวในสมัย รมว.มหาดไทยที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้นกี่ราย ต้นทางสัญชาติใดบ้าง 2. กระทรวงมหาดไทยติดตามพฤติกรรมผู้ได้สัญชาติไทยหรือไม่ 3.มีข่าวว่าต้องมีการจ่ายเงินจำนวนมากในการโอนมาเป็นสัญชาติไทยจริงหรือไม่ เป็นต้น

 “จากกรณีกระทำความผิดของนายหาว เจ๋อ ตู้ กับพวก สะท้อนให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนไปตอบสนองและสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ขอให้พิจารณาตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการป้องกันและปราบปรามตรวจค้นในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดภายใน 30 วัน” นายวัชระกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง