แย้ม‘ผับ-บาร์’อาจเปิดก่อน16ม.ค.

ยอดติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 6,855 ราย เสียชีวิต 51 ราย คลัสเตอร์ใหม่เรือนจำ แคมป์ก่อสร้าง งานประเพณีโผล่อื้อ ห่วงหญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนแค่ 14% จากเป้า 5 แสนคน เหตุกังวลมีผลต่อเด็ก สูตินรีแพทย์ย้ำครรภ์เกิน 12 เดือนฉีดได้ไม่อันตราย แนะผับ-บาร์เร่งขึ้นทะเบียน SHA ประเมินสถานประกอบการ “เลขาฯ สมช.” แย้มทำดีมีโอกาสเปิดเร็วกว่า 16 ม.ค.65 “รัฐบาล”เร่งกระตุ้น ปชช.ฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้า 100 ล้านโดสสิ้น พ.ย.นี้ “สธ.” กังวล "เหนือ-อีสาน" ชะล่าใจไม่ใช่พื้นที่ระบาดฉีดวัคซีนน้อย ประสานพื้นที่ให้ความรู้

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,855 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,619 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,374 ราย ค้นหาเชิงรุก 245 ราย เรือนจำ 224 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,050,980 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 7,655 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 1,940,854 ราย อยู่ระหว่างรักษา 89,821 ราย อาการหนัก 1,686 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 297 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 51 ราย เป็นชาย 33 ราย หญิง 18 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 37 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช 9 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 20,305 ราย

“สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 19 พ.ย. ได้แก่ กทม. 806 ราย, สงขลา 642 ราย, นครศรีธรรมราช 412 ราย, เชียงใหม่ 276 ราย, สุราษฎร์ธานี 233 ราย, สมุทรปราการ 227 ราย, ชลบุรี 223 ราย, ปัตตานี 222 ราย, ยะลา 169 ราย, ราชบุรี 142 ราย โดยยังพบคลัสเตอร์ใหม่หลายแห่ง อาทิ คลัสเตอร์เรือนจำนครศรีธรรมราช นครราชสีมา ราชบุรี สงขลา กาญจนบุรี กทม., คลัสเตอร์แคมป์งาน พบการระบาดที่ จ.ลำปาง กาญจนบุรี เขตบางพลัด กทม. ส่วนภาคอีสานพบการระบาดในการจัดงานประเพณีต่างๆ ทั้งงานศพ งานกฐิน และยังมีการเล่นการพนันกัน” พญ.อภิสมัยกล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 764,448 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 87,655,274 โดส ทั้งนี้ มีความเป็นห่วงเรื่องการฉีดวัคซีนในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่เป้าหมาย 5 แสนคน แต่ขณะนี้มีผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วร้อยละ 14 เท่านั้น โดยมีรายงานถึงเหตุผลที่ไม่ไปฉีดวัคซีน เพราะมารดากังวลว่าจะมีผลข้างเคียงกับเด็กในท้อง ซึ่งสูตินรีแพทย์ได้ย้ำมาตลอดว่าหากอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ สมควรที่จะไปฉีดวัคซีน ไม่เป็นอันตราย ขอให้ทุกพื้นที่เร่งประชาสัมพันธ์

ผับ-บาร์ลุ้นเปิดเร็วขึ้น

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ในที่ประชุม ศปก.ศบค.ได้พูดถึงการเปิดสถานบันเทิง หรือสถานที่คล้าย หรือใกล้เคียงกับสถานบันเทิง โดย ศบค.ให้ความสำคัญทุกกิจการ กิจกรรม การชะลอไปเปิดวันที่ 16 ม.ค.65 เข้าใจว่าผู้ประกอบการผิดหวัง แต่เราจำเป็นต้องมองให้รอบด้าน รอบคอบ เห็นสมควรให้เปิดเมื่อพร้อม ซึ่งจากสถานการณ์การระบาดแม้จะยังทรงๆ และทิศทางค่อนข้างดีขึ้น แต่เรายังกดตัวเลขให้ต่ำลงกว่า 5,000 รายต่อวันไม่ได้ ขณะที่ผู้เสียชีวิตยังอยู่ในระดับ 50 รายต่อวัน อีกเหตุผลคือสถานประกอบการประเภทนี้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนขอรับการพิจารณายกระดับ SHA+ เพื่อรองรับการเปิดกิจการตามหลักวิถีใหม่

โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ย. มีสถานประกอบการใน กทม.ได้รับมาตรฐาน SHA+ จำนวน 1,216 แห่ง ซึ่งปัจจุบัน กทม.มีสถานประกอบการที่ได้รับเครื่องหมาย SHA+ แล้ว 7,994 แห่ง มีทั้งร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานเสริมความงาม บริษัทท่องเที่ยว และร้านขายของที่ระลึก

ขณะที่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติมในช่วงเดือน ธ.ค.จะมีการผ่อนคลายผับ บาร์ คาราโอเกะหรือไม่ว่า วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ตัวแทนผู้ประกอบการผับ บาร์ คาราโอเกะ รวมถึงศิลปินนักร้องได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ โดยได้หารือกับตนมีข้อมูลตรงกับที่รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ เขาขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการเปิดกิจการกิจกรรมให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งเสนอมาตรการที่เราต้องการ โดยตนจะนำข้อมูลเหล่านี้เข้าที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ต่อไป

“ระหว่างพูดคุยผมได้ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะผู้ประกอบการ นักดนตรี ผู้ขายวัตถุดิบ ทุกอย่างเป็นห่วงโซ่ นายกฯ เคยมีบัญชา ซึ่งเราคิดกันมาหลายรอบแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ที่ผ่านมาไม่อำนวยให้อนุญาตเปิดกิจการได้ภายในวันที่ 1 ธ.ค. ตามที่นายกฯ ตั้งใจ แต่กรณีที่ผู้ประกอบการแสดงความจำนงจะให้ความร่วมมือและจะไปเตรียมการ เราจะนำเรื่องนี้กราบเรียนนายกฯ และนำเข้าสู่ที่ประชุมต่อไป โดยแนวโน้มน่าจะเป็นในทิศทางที่ดี เพราะเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการเสนอมาทั้งการเตรียมความปลอดสถานที่ ความปลอดภัยบุคลากร เตรียมระบบบริการ และเงื่อนไขสำหรับผู้เข้าบริการเป็นสิ่งที่ดีมาก” พล.อ.สุพจน์กล่าว

ถามว่าจะเลื่อนการเปิดสถานประกอบการผับ บาร์ เร็วกว่าวันที่ 16 ม.ค.65 หรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า หากที่ใดมีความพร้อมถือว่ามีโอกาส ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ศปก.ศบค.ที่จะรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นและการพิจารณาของศบค.ชุดใหญ่

ซักว่าจะทันวันที่ 1 ธ.ค.หรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ยัง วันที่ 1 ธ.ค.น่าจะยังไม่ทัน แต่ขอดูข้อมูลก่อน เพราะถ้าหากติดตามจะเห็นว่ามีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้เรียบร้อยว่าสถานประกอบการประเภทนี้ ถ้าจะเปิดจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง และได้แจ้งให้ กทม. รวมถึงทุกจังหวัดไปตรวจประเมินให้ผู้ประกอบการมาลงทะเบียนแจ้งความประสงค์และจัดทีมไปตรวจ ถ้ามีความพร้อมก็ให้ขึ้นบัญชีไว้ โดยการประชุม ศปก.ศบค.สัปดาห์หน้าจะได้เห็นตัวเลขว่าแต่ละจังหวัดมีความประสงค์ มีความพร้อมอย่างไร และจะเสนอให้ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาก่อนวันที่ 1 ธ.ค. ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู

“การดำเนินการต่างๆ จะสอดคล้องกับการเปิดประเทศ เนื่องจากแผนการเปิดประเทศมีแผนผ่อนคลายกิจการต่างๆ นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือภาคประชาชนที่สะท้อนผ่านตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่ผมดูแล้วทิศทางน่าจะเป็นทิศทางที่ดี ส่วนจะเปิดทันปีใหม่หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขอดูตัวเลขและข้อมูลสถานการณ์ในภาพรวมทั้งหมดก่อน แต่เราทราบถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ โดยนายกฯ พูดบ่อยมากให้ช่วยกันเร่งรัดแก้ปัญหาความเดือดร้อนของทุกภาคส่วน”เลขาฯ สมช.กล่าว

ซักว่าจะมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในทุกจังหวัดเมื่อใด พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ แต่ขอให้ประชาชนยึดมาตรการป้องกันตัวแบบครอบจักรวาล ในส่วนของสถานบันเทิงที่ลักลอบเปิด ตนได้สั่งไปว่าหากพบการฝ่าฝืนให้ปิด เพื่อไม่ให้กระทบภาพรวม แต่ถ้าอยู่ในเกณฑ์ที่ตักเตือนให้ปรับปรุงได้ก็จะดำเนินการ

เหนือ-อีสานฉีดวัคซีนน้อย

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ เชิญชวนคนไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และอย่างน้อยต้องมีการแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เป็นผลดีในการออกไปทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อจะให้เกิดความปลอดภัยแก่ตนเองต่อส่วนรวม ยิ่งฉีดวัคซีนมากขึ้นคนไทยจะมีปลอดภัยจากโรค และประเทศไทยจะมีความมั่นคงด้านสาธารณสุขมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

“ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนไทยบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือน จึงขอเชิญชวนประชาชนให้มาฉีดวัคซีน เพราะนายกฯ ยืนยันหลายครั้ง รัฐบาลและ ศบค.ไม่ต้องการออกมาตรการทางสังคมมากเกินไป เพราะหวังให้ผู้ประกอบการธุรกิจ โรงงานผลิต กลับมาดำเนินการเต็มรูปแบบ และอยากเห็นประชาชนคนไทยใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายและปลอดภัยให้ได้มากที่สุด”โฆษกรัฐบาลระบุ

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ยอดการฉีดวัคซีนของไทย 87.6 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็ม 1 ฉีดแล้ว 46.2 ล้านโดส หรือคิดเป็น 64.2%, เข็ม 2 ฉีดแล้ว 38 ล้านโดส คิดเป็น 53.3% ส่วนเข็ม 3 ฉีดไปแล้ว 2.9 ล้านโดส หากจะให้ครบตามเป้า 100 ล้านโดส ยังต้องเร่งฉีดอีก 12.4 ล้านโดส จึงขอเน้นย้ำการฉีดวัคซีนในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวให้มีการฉีดให้กับคนในพื้นที่ รวมถึงแรงงานที่เข้าไปทำงาน

สำหรับ 10 จังหวัดที่รับวัคซีนต่ำ คาดว่าสาเหตุมาจากอาจไม่ใช่พื้นที่ระบาด จึงไม่ได้ไปรับวัคซีน ได้แก่ นครพนม หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร สุรินทร์ แม่ฮ่องสอน ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ สกลนคร และมีถึง 43 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนมากกว่า 50% แล้ว และหวังว่าจะสามารถเร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมไป 70% ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ มาตรการเร่งรัดในการรับวัคซีนให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น ได้ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประชุมระดมสรรพกำลังตรวจสอบหาสาเหตุและเร่งให้ข้อมูลประชาชนเรื่องการรับวัคซีน รวมถึงอาจมีการจัดจุดวอล์กอินเพื่อรับวัคซีนด้วย

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า รายงานในระบบหมอพร้อม จังหวัดที่ยังฉีดได้น้อยส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เนื่องจากไม่ค่อยมีการระบาด ประชาชนไม่ค่อยกังวล ก็อาจมารับวัคซีนน้อย ทั้งนี้ จากเดิมที่มีรายงานผู้ยังไม่ได้ฉีดเข็มแรกราว 11 ล้านคน แต่ตอนนี้ก็เริ่มฉีดแล้ว เหลือประมาณ 7-8 ล้านคน เพราะมีการฉีดทุกวัน วันละหลายแสนโดส.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง