แจกเพิ่ม200บ.บัตรคนจน จ่อลดค่าไฟเอกชน40สต.

ครม.อัดฉีดบัตรคนจนเพิ่มพิเศษ 200 บาท 1 เดือน ใช้งบกลาง 2,644 ล้าน บรรเทาภาระค่าครองชีพ 13.2 ล้านคน แจกของขวัญปีใหม่สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ลงทะเบียนรับสิทธิประกันอุบัติเหตุฟรี กกพ.จ่อเคาะลดค่าไฟเอกชน 40 สตางค์

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนมกราคม 2566 โดยอนุมัติงบกลาง 2,644 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีบัตรฯ จำนวน 13.2 ล้านคน (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 65) โดยเป็นการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาท/คน เป็นระยะเวลา 1 เดือน ประจำเดือนมกราคม 2566  ประกอบด้วย

1.ผู้มีบัตรฯ ที่เคยได้รับวงเงิน 200 บาท/คน/เดือน จำนวน 3.54 ล้านคน จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 400 บาท/คน/เดือน 2.ผู้มีบัตรฯ ที่เคยได้รับวงเงิน 300 บาท/คน/เดือน จำนวน 9.68 ล้านคน จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 500 บาท/คน/เดือน ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือพิเศษนี้เป็นของขวัญปีใหม่ 2566 จากรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและร้านอื่นๆ  ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษนี้ จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกทั้งยังก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ

ทางด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.รับทราบของขวัญปีใหม่ 2566 จากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแด่สมาชิกกว่า 13 ล้านคน ซึ่งเป็นการมอบประกันภัยอุบัติเหตุแบบกลุ่ม ระยะสั้น (ไมโครอินชัวรันส์) คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ให้กับสมาชิกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้-31 ธ.ค.2565 ระยะเวลาประกัน 30 วัน นับจากวันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1736

ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงโครงการเราเที่ยวกัน เฟส 5 ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อสรุปรายละเอียดโครงการ คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในวันที่ 3 ม.ค.66

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า วันที่ 28 ธ.ค. คณะกรรมการ กกพ.จะประชุมทบทวนอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที งวด ม.ค.- เม.ย.66 ประเภทอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ ตามนโยบายรัฐบาล เบื้องต้นคาดว่าจะลดลงได้อีกประมาณ 40 สตางค์ (สต.) จากเดิมต้องปรับขึ้นไปอยู่ที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย หรือค่าไฟเฉลี่ยรวมเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย แบ่งเป็น 20 สต.แรก มาจากการปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติของ บมจ.ปตท. รวมทั้งค่าน้ำมันดีเซล ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20 สต. รอตัวเลขการจ่ายหนี้สะสมของ กฟผ.จากเดิมต้องจ่ายให้ กฟผ. 33 สตางค์ต่อหน่วยว่า กฟผ.จะรับคืนลดลงได้เท่าไร เช่น รับคืนก่อนครึ่งหนึ่ง หรือ 16-20 สต. รวมแล้วจะลดได้ประมาณ 40 สต. 

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างให้ กกพ.จัดทำตัวเลขค่าเอฟทีใหม่ ให้กับภาคธุรกิจให้ถูกลงจากเดิมว่า รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่กระทรวงพลังงานชี้แจงออกมา เช่น ให้เอกชนบางส่วนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตให้มีการใช้ลดลงเพื่อลดนำเข้าแอลเอ็นจี หันไปใช้น้ำมันเตาและดีเซล แทนเป็นการชั่วคราว ซึ่งกรณีที่ต้องใช้ระยะเวลา ไม่สามารถทำได้ทันที ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้นำแนวทางข้อเสนอ 5 ข้อของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือกกร. ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นำไปพิจารณาเลย

 “กกพ.น่าจะปรับลดค่าไฟลง แต่ก็ไม่เยอะ เอกชนมองว่าขั้นต่ำไม่ควรต่ำกว่า 40 สต. ความหวังเราคือแก้ปัญหาตรงจุดตามวิธีที่เหมาะสม ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรเราก็ยอมรับได้ เราอยากให้การทำงานเป็นเชิงรุกสร้างสรรค์ ผลที่ได้ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ใช่ว่ายังไม่ทำแล้วบอกว่าไม่ได้ก็ไม่มีใครยอมหรอก ผลที่ออกมาเป็นวิธีของเขา เราก็ไม่พอใจอยู่แล้ว เพราะวิธีการที่เสนอไปยังไม่ได้เอามาพิจารณาเลย  รอบนี้เป็นระเบิดเวลาจริงๆ” แหล่งข่าว ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง