บิ๊กตู่เด้งอธิบดีอุทยาน จ่อหมายเรียก20ขรก.

นายกฯ ลงดาบเด้งด่วนอธิบดีกรมอุทยานฯ จอมฉาวเข้ากรุ ตำรวจให้ประกันตัวสู้คดี เจ้าตัวยังปากแข็งอ้างถูกกลั่นแกล้ง จากเหตุขัดแย้งส่วนตัวกับ "ชัยวัฒน์" จ่อออกหมายเรียก ขรก. 20 รายที่ร่วมรู้เห็นการให้สินบนสอบปากคำ อาจกันเป็นพยาน

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฐานเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาจากปมการโยกย้ายตำแหน่งในกรมอุทยานแห่งชาติฯ

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า​ ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย 

ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อมีการแจ้งเบาะแสจาก ป.ป.ช.  และ ป.ป.ช.รายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) และมีการไปจับกุม ซึ่งขณะนั้นถือว่าหลักฐานยังไม่ชัดเจน 100% นายกรัฐมนตรีจึงลงนามในคำสั่งให้นำตัวเข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลในวันที่ 28 ธ.ค. เพื่อดึงออกมาจากการเป็นอธิบดี ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 ที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจ ไม่ให้อยู่ตรงนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนได้สะดวกโดยเรียบร้อย ซึ่งสื่อก็จะเรียกกันว่าเข้ากรุก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่การย้าย แต่เป็นการเอาออกมาก่อน  ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่อธิบดี ส่วนการจะปลดออกหรือไล่ออกนั้นต้องดำเนินการสอบทางวินัย หรือมีความผิดชัดเจน แต่ตอนนี้เอาออกมาก่อน แค่นี้ก็เป็นการลงโทษ 50% แล้ว  ส่วนจะย้ายกลับไปหรือไม่ หรือไล่ออกเลย เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง

วันเดียวกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานในกระทรวงได้กำชับทุกกรม ทุกหน่วยงานให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งถือเป็นนโยบายของรัฐบาล และในวันที่ 4 ม.ค.66 ได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารของกระทรวง ตั้งแต่ปลัดกระทรวง อธิบดี  รองอธิบดีทั้งหมดมาที่กระทรวง เพื่อร่วมประชุมย้ำเตือนนโยบายการทำงานที่เคยมอบไว้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และจะขันนอตในกระทรวงให้ดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัด

นายวราวุธกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยากให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่ในกระทรวงเสียขวัญเสียกำลังใจ  เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา การทำงานในหลายมิติประสบความสำเร็จได้ เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายเป็นอย่างดี และขอฝากถึงเพื่อนๆ ข้าราชการในกระทรวงว่า หากใครได้รับความไม่เป็นธรรม หรือต้องการแจ้งเบาะแสใด ให้แจ้งมาที่รัฐมนตรีผ่านโซเชียลมีเดีย หรือจะส่งมาเป็นจดหมายมาที่กระทรวงก็ยินดี ทั้งนี้ ปลัดกระทรวง ทส.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง  ซึ่งภายใน 7 วันหากทราบข้อเท็จจริงแล้ว ก็อาจมีการดำเนินการทางวินัยตามระเบียบของทางราชการต่อไป 

เมื่อถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า พฤติกรรมการกระทำผิดเช่นนี้มีอยู่ในวงราชการ และอาจโยงถึงฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะช่วงใกล้การเลือกตั้ง นายวราวุธกล่าวว่า  เรื่องแบบนี้เรามักได้ยินกันอยู่เสมอ เพราะเป็นเรื่องง่ายที่จะอ้างโยงมาถึงภาคการเมือง ใครก็พูดได้ แต่ต้องเอาข้อเท็จจริงมาว่ากัน เพราะการกล่าวหาและการดำเนินการของ ป.ป.ช.กับตำรวจ บก.ปปป.นั้น ต้องดำเนินการหาข้อเท็จจริงที่ชัดเจนต่อไป และขณะเดียวกันในส่วนของทางราชการ ปลัดกระทรวง ทส.ก็ได้ดำเนินการแล้ว

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เข้าตรวจค้น ได้นำหลักฐานไปลงบันทึกประจำวัน เชื่อว่าหลักฐานทั้งหมดของการตรวจค้น  และการต่อรองในการเปิดลิ้นชักตามคลิป เมื่อเปิดออกมาแล้วพบหลักฐานหลายอย่างมากกว่าหลักฐานที่รับเรื่องร้องเรียนและมีอยู่ในมือ อีกทั้งยังพบหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่า พฤติกรรมของอธิบดีมีลักษณะที่สอดคล้องกับหนังสือร้องเรียน ที่ตรงกับเอกสารร้องเรียนก่อนหน้านี้ ว่ามีการเก็บรายเดือน มีการซื้อตำแหน่ง มีการวิ่งเต้นขอให้อยู่ตำแหน่งเดิม มีการโยกย้ายตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเงินที่ตรวจค้นได้ 5 ล้านบาท รายละเอียดอยู่ในซองทั้งหมด เรื่องไปสอดคล้องกับหลักฐานที่ปรากฏตามที่เป็นข่าว

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อไปว่า ในการสอบสวนมีกฎหมายของ ป.ป.ช.ในการคุ้มครองคนที่เสียผลประโยชน์ ถูกกดดัน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับความเสียหายไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ว่าถูกกดดันอย่างไร ทำไมต้องมาจ่ายเงินแบบนั้น หลังจากนี้จะทำหนังสือถึง ป.ป.ช. ขอให้คุ้มครองในเรื่องของความปลอดภัย การที่จะถูกกลั่นแกล้งคุกคามตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และเรื่องของการคุ้มครองพยานในระหว่างดำรงตำแหน่งและทำหน้าที่อยู่ อาจจะโดนกลั่นแกล้งหรือโยกย้าย หากวันนี้อธิบดีถูกสั่งปลด ทุกคนพร้อมออกมาแสดงเรื่องจริงให้ทราบ หากอธิบดียังคงดำรงตำแหน่งอยู่ สอบยังไงก็ไม่เจอเรื่องทุจริต และเรื่องก็ไม่ถูกเปิดเผย หากจะนำใครมาดำรงตำแหน่งแทนก็ต้องตรวจสอบดูให้ดีว่าอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่

"หลังจากเกิดเหตุการณ์ เมื่อวานนี้ได้มีสายลึกลับโทร.มาข่มขู่ลูกน้องผม ว่าไม่ให้เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานีให้การใดๆ เกี่ยวกับทางคดี และยังมีคนโทร.เข้ามาขอบคุณและให้กำลังใจผมจำนวนมากตลอดทั้งวัน ผมทุ่มเททำถึงขนาดนี้จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของข้าราชการชั้นผู้น้อยและครอบครัวอยู่ดีขึ้น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ผมทำในอนาคต สังคมรับรู้รับทราบมานานแล้วว่ามีเกิดขึ้นจริง และจะใช้ชีวิตราชการที่เหลืออีก 1 ปีเศษ เดินหน้าปกป้องสัตว์ป่าและทรัพยากรของชาติอย่างเต็มที่" นายชัยวัฒน์กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าในทางคดี หลังตำรวจควบคุมตัวนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ มาสอบปากคำเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ต่อมาเมื่อช่วง 22.00 น.ของคืนวันที่ 27 ธ.ค.  หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ นายรัชฎาได้ยื่นขอประกันตัว  โดยวางเงินสดจำนวน 4 แสนบาทเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งก็ได้รับการอนุญาตประกันตัวไป

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าว่า จากการสอบปากคำนายรัชฎายังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เพราะมีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี แต่พนักงานสอบสวนไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากเมื่อพิจารณาพยานหลักฐานเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างนายรัชฎากับนายชัยวัฒน์ พบว่าเป็นการพูดคุยกันด้วยลักษณะปกติ ไม่มีท่าทีเหมือนกับโกรธแค้นหรือขัดแย้งกัน  แต่ทั้งนี้ก็เป็นสิทธิ์ของนายรัชฎาที่จะให้การเช่นนั้น เพราะทั้งหมดตำรวจยึดตามพยานหลักฐานเป็นที่ตั้ง ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะมีการทำหนังสือออกหมายเรียกเชิญตัวหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานฯ ที่ปรากฏรายชื่อตามซองเงินของกลางที่ตรวจพบภายในห้องทำงานของนายรัชฎา มาทำการสอบปากคำในฐานะพยานอย่างละเอียดถึงที่ไปที่มา โดยพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการออกหมายเรียก  โดยจะให้แล้วเสร็จส่งไปยังกลุ่มบุคคลเหล่านี้ก่อนปีใหม่  เพื่อที่หลังปีใหม่จะได้ทยอยเข้ามาให้ปากคำ และเริ่มขั้นตอนของการสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ประกอบสำนวน

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มบุคคลหรือเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่ปรากฏรายชื่ออยู่ในซองเงินต่างๆ อย่างชัดเจน และต้องถูกเชิญตัวมาให้ปากคำนั้นมีด้วยกันเกือบ 20 ราย อีกทั้งจากการตรวจสอบซองเงินต่างๆ พบว่าตัวเลขยอดเงินภายในซองแต่ละซองค่อนข้างแตกต่างกัน อาทิ  บางซองมีมากถึง 1.6 ล้านบาท ส่วนบางซองก็เป็นยอดเงินเพียงหลักหมื่น แต่มีเศษปลีกย่อยหลักร้อยบาท ไม่ใช่ตัวเลขกลมๆ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลพยานหลักฐานที่เชื่อว่ามีการเรียกรับเงินอัตราส่วนแบ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากงบประมาณที่ได้รับ จึงทำให้ยอดเงินไม่ใช่ตัวเลขกลมๆ

 มีรายงานด้วยว่า ส่วนการจะดำเนินคดีกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่จะถูกออกหมายเรียกมาให้ปากคำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานต่างๆ หากพบว่าผิดจริงก็ต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากให้ความร่วมมือดีและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ก็อาจจะมีการกันตัวไว้เป็นพยาน

วันเดียวกัน มีรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 06.00  น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นำ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. มาแทน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ., พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. มาแทน พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าอวยพรและขอพรปีใหม่ และรับประทานอาหารเช้าร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวให้โอวาทแก่ ผบ.เหล่าทัพ ตอนหนึ่งว่า "ประเทศไทยเรายังมีประชาชนยากจน ทหารตำรวจยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการนำพาประเทศไป...ฝากไปถึงกำลังพล ให้ตระหนักถึงเงินภาษีที่ได้รับไปเป็นเงินเดือน ต้องทำงานให้เกิดประโยชน์ ด้วยความสุจริต  ต้องไม่มีรับเงินใต้โต๊ะ” พล.อ.ประวิตรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง